TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessZespri ผู้ส่งออกกีวีที่ใหญ่ที่สุดในโลก พลิกโฉมองค์กรสู่ดิจิทัล

Zespri ผู้ส่งออกกีวีที่ใหญ่ที่สุดในโลก พลิกโฉมองค์กรสู่ดิจิทัล

เซสปรี อินเตอร์เนชั่นแนล (Zespri International) ผู้ส่งออกและบริหารการตลาดกีวีที่ใหญ่ที่สุดของโลก นำเทคโนโลยีดิจิทัลปรับกระบวนการทำงานทั้งองค์กรให้ขับเคลื่อนด้วยมาตรฐานเดียวกันและระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพ พร้อมรองรับการเติบโตทางธุรกิจและนวัตกรรมใหม่ ตอบโจทย์องค์กรที่โตเร็ว

เซสปรี มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเม้าท์มองกานุย (Mount Maunganui) ประเทศนิวซีแลนด์

การลงทุนในเทคโนโลยีครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำทิศทางของโปรแกรม Horizon ของเซสปรีที่มีแผนการเปลี่ยนผ่านธุรกิจเชิงรุก 4 ปีของ เซสปรี ที่มุ่งพลิกโฉมองค์กรสู่ระบบดิจิทัล เพื่อเสริมประสิทธิภาพและเพิ่มยอดขายของธุรกิจเต็มกำลัง ประกอบกับความต้องการที่สูงขึ้นของผู้บริโภคสำหรับตลาดผลไม้พรีเมี่ยม ทำให้ภาพรวมอุตสาหกรรมเติบโตอย่างแข็งแกร่ง 

ซสปรี มียอดขายทั่วโลกอยู่ที่ 3.14 พันล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ในปี 2562/63 คาดว่าในระยะยาวจะส่งผลให้อุปทานการผลิตกีวีทั่วโลกเพิ่มขึ้นจาก 164.4 ล้านถาดในปี 2562/63 เป็นประมาณ 280 ล้านถาดภายในปี 2573

เดฟ สคูลลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายดิจิทัล (CDO) ของ เซสปรี กล่าวว่า โปรแกรม Horizon ของ เซสปรี จะเข้ามาเปลี่ยนรูปแบบวิธีการดำเนินงานของบริษัท ทดแทนระบบและกระบวนการที่ถูกออกแบบขึ้นเมื่อ 20 ปีก่อน เพื่อให้สอดรับกับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของบริษัทในปัจจุบัน 

การใช้งาน SAP S/4HANA private cloud editionโซลูชั่นจาก เอสเอพี เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบ ตลอดจนกระบวนการทำงานทางธุรกิจ ตั้งแต่ระบบการเงินและระบบซัพพลายเชน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงการใช้งานและการติดต่อประสานงาน รวมถึงงานด้านการขายและการวางแผนธุรกิจ

ปัจจุบัน ความต้องการกีวีทั่วโลกมีมากกว่าอุปทาน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ซึ่งมองหาผลิตภัณฑ์ที่รสชาติดีและมีคุณค่าทางโภชนาการ

“การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่เพียงช่วยให้บริษัทลดความเสี่ยงทางธุรกิจ ด้วยการเลือกใช้งานระบบที่ได้มาตรฐานเท่านั้น แต่ยังช่วยในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ซึ่งนำไปสู่ความแม่นยำในวางแผนงานบริหารจัดการซัพพลายเชน และประสิทธิภาพในการตัดสินใจด้านการจัดส่งและการจัดสรรตลาด” สคูลลิ่ง กล่าว

เซสปรี เป็นธุรกิจขนาดใหญ่และมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้น จึงต้องการกระบวนการและระบบที่ตอบโจทย์ครบวงจร เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตไปอีกขั้น สคูลลิ่ง กล่าวว่า การเลือกใช้งานแพลตฟอร์มที่ได้มาตรฐานของ เอสเอพี ซึ่งมีการพัฒนาระบบอยู่ตลอดเวลา จะช่วยให้เราใช้ประโยชน์ในแง่ของการวางแผนใช้งานระบบคลาวด์ของ เอสเอพี เพื่อนำนวัตกรรมมาปรับใช้ได้อย่างรวดเร็ว

ขณะนี้ เซสปรี ใช้งานโซลูชั่น เอสเอพี บนคลาวด์สาธารณะของ Microsoft Azure ซึ่งจะย้ายฐานข้อมูลไปยัง SAP S/4HANA private cloud edition ที่เป็นระบบคลาวด์ส่วนตัว และ เซสปรี จะยังคงใช้บริการ Azure สำหรับโครงสร้างพื้นฐานขององค์กร รองรับการทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพของ Microsoft และ เอสเอพี

สำหรับการอัพเกรดระบบไปสู่ SAP S/4HANA private cloud edition ของ เซสปรี นั้น สืบเนื่องมาจากการประกาศเปิดตัว RISE with SAP ชุดโซลูชั่นล่าสุด ซึ่งช่วยพลิกโฉมองค์กรสู่อินเทลลิเจนท์ เอ็นเตอร์ไพรซ์ ส่งมอบบริการซอฟต์แวร์, โครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีและการดำเนินการด้านเทคนิคอย่างรอบด้านภายใต้ชุดโซลูชั่นเดียว และ SAP S/4HANA private cloud edition จะเป็นโซลูชั่นหลักที่รวมอยู่ในบริการของ Rise with SAP

ด้วยการออกแบบโซลูชั่นที่มุ่งตอบสนองการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจเป็นสำคัญและปรับการใช้งานให้ตรงความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละราย Rise with SAP จะรวบรวมบริการมากมาย อาทิ การใช้งานด้านการออกแบบกระบวนการทางธุรกิจ, สนับสนุนการย้ายฐานข้อมูลทางเทคนิค, โซลูชั่น SAP Business Technology Platform, โซลูชั่น SAP Business Network, โซลูชั่น SAP S/4HANA Cloud และ Hyperscaler

“การก้าวไปสู่ระบบคลาวด์ เป็นการปรับรูปแบบการทำงานเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญอย่างยิ่ง เราเล็งเห็นถึงโอกาสในการเพิ่มความยืดหยุ่นของการทำงาน รองรับการเพิ่มขยายระบบในอนาคตและยกระดับนวัตกรรมอย่างรวดเร็ว ด้วยประสิทธิภาพของระบบ private cloud จาก เอสเอพี ซึ่งมีการพัฒนาขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะรูปแบบของระบบที่ตอบสนองความยืดหยุ่นของลูกค้า มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของการให้บริการและระบบอัตโนมัติ ซึ่งทำให้โซลูชั่น SAP S/4HANA private cloud edition เหมาะสมสำหรับการใช้งานของธุรกิจเราในระยะยาว ช่วยให้เรามุ่งพัฒนากระบวนการดำเนินงานและระบบขององค์กรธุรกิจได้อย่างเต็มที่ โดยวางใจได้ว่าโครงสร้างพื้นฐานและแพลตฟอร์มของเรานั้นปลอดภัย มีเสถียรภาพและพร้อมใช้งานอยู่เสมอ”

ฟิล คาเมรอน กรรมการผู้จัดการของ เอสเอพี นิวซีแลนด์ กล่าวว่า คลาวด์ คือ อนาคต SAP S/4HANA private cloud edition รุ่นใหม่นี้ จะช่วยทำให้ เซสปรี สามารถคว้าโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงด้วยความเร็วและความคล่องตัว ด้วยประสิทธิภาพของเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) และระบบการวิเคราะห์ข้อมูลแบบพยากรณ์

การติดตั้งระบบครั้งนี้ จะดำเนินการโดยกลุ่มพาร์ทเนอร์ของ เอสเอพี ได้แก่ บริษัท Deloitte NZ ซึ่งร่วมมือกับ ZAG บริษัทในเครือของ Accenture โครงการดังกล่าวจะแบ่งออกเป็นขั้นตอนต่างๆ เริ่มต้นจากขั้นตอนการสร้าง Digital Core ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 เพื่อมุ่งเสริมกระบวนการด้านการเงินและซัพพลายเชน ตามด้วยขั้นตอนการวางระบบสำหรับงานด้านการวางแผนธุรกิจแบบบูรณาการและการส่งเสริมการขาย

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ