ธนาคารกสิกรไทยเดินหน้าเต็มที่ช่วยลูกค้าช่วงโควิด-19 พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้กับลูกค้าบุคคลและลูกค้าธุรกิจ 650,000 ราย ยอดสินเชื่อคงค้าง 828,000 ล้านบาท และให้เงินทุนเพิ่มกับลูกค้า 94,000 ราย เพื่อเสริมสภาพคล่องในช่วงวิกฤติ จำนวนเงินรวม 156,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดการปล่อยสินเชื่อที่เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 30%
พัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า จำนวนลูกค้าสินเชื่อของธนาคาร แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ ลูกค้าบุคคล 1.6 ล้านราย บุคคลธรรมดาที่ทำการค้าที่เป็นลูกค้าบริการทางการเงินลูกค้าบุคคล (retial product) อยู่ 818,000 ราย และเป็นลูกค้าสินเชื่อธุรกิจ 117,000 ราย และนิติบุคคล 62,000 ราย รวมกันมียอดสินเชื่อคงค้างทั้งสิ้น 2,028,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสินเชื่อคงค้างของลูกค้าบุคคลจำนวน 186,000 ล้านบาท สินเชื่อคงค้างของบุคคลธรรมดาที่ทำการค้า 637,000 ล้านบาท และสินเชื่อคงค้างของนิติบุคคล 1,205,000 ล้านบาท
“ธนาคารให้การช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าบุคคลผ่านโครงการ “เถ้าแก่ใจดี เจ้าหนี้มีใจ” และ โครงการ “สินเชื่อ 0% เพื่อรักษาคนงานเอสเอ็มอี” ส่วนลูกค้ากลุ่มบุคคลธรรมดาทำการค้า เป็นกลุ่มหลักที่เข้ารับการช่วยเหลือผ่านมาตรการช่วยเหลือที่ธนาคารออกไป”
ทั้งนี้ มาตรการช่วยเหลือลูกค้าช่วงโควิด-19 คือ การพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยนั้น มีลูกค้า 650,000 ราย มียอดสินเชื่อคงค้าง 828,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการพักชำระเงินต้นให้กับลูกค้าบุคคลจำนวน 356,000 ราย จำนวนเงินทั้งสิ้น 82,000 ล้านบาท และเป็นการพักชำระเงินต้นให้กับลูกค้าธุรกิจจำนวน 293,000 ราย จำนวนงินทั้งสิ้น 746,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี พัชร กล่าวว่า แม้ว่าลูกค้าธุรกิจที่ขอพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยอยู่ 746,000 ล้านบาท แต่ก็มียอดเงินฝากในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาเติบโตขึ้น 13% เป็น 934,000 ล้านบาท (จาก 827,000 ล้านบาท เมื่อตอนสิ้นแปี 2562) แสดงว่าลูกค้ายังพอมีสภาพคล่องที่เหลืออยู่
“ในช่วงตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันลูกค้าธุรกิจของธนาคารมียอดรวมเงินฝากเพิ่มขึ้น 13% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าลูกค้าบางส่วนยังมีกำลังพอที่จะชำระหนี้หลังครบกำหนดพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย”
ในขณะที่ธนาคารเองมีเงินทุกอยู่ 312,000 ล้านบาท ซึ่งจะเพิ่มตามกำไร หักด้วยเงินปันผล และมีเปอร์เซ็นต์เฉลี่ยยอดสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) อยู่ 81% เพราะฉะนั้นธนาคารจึงมีความมั่นใจในเสถียรภาพทางการเงินและธุรกิจของธนาคาร
“ธนาคารให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างต่อเนื่องสำหรับลูกค้าที่ยังเดือดร้อนให้สามารถดำเนินธุรกิจอยู่รอดต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น”
นอกจากความช่วยเหลือที่สอดรับตามนโยบายของภาครัฐแล้ว ธนาคารยังดำเนินการโครงการพิเศษ โดยมีเจตนารมณ์เพื่อช่วยเหลือพนักงานของธุรกิจให้อยู่รอด โดยใช้งบประมาณจำนวน 1,500 ล้านบาท ภายใต้โครงการ “เถ้าแก่ใจดี เจ้าหนี้มีใจ” โดยธนาคารฯ ลดดอกเบี้ยให้กับธุรกิจที่ยังมีกำลังอยู่ เพื่อให้เจ้าของนำเงินส่วนนี้ไปจ่ายเงินเดือนพนักงาน
และโครงการ “สินเชื่อ 0% เพื่อรักษาคนงานเอสเอ็มอี” เป็นการให้เงินทุนแก่ธุรกิจขนาดเล็ก ในอัตราดอกเบี้ย 0% 10 ปี โดยปีแรกไม่ต้องจ่ายคืนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เพื่อนำไปจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงาน ซึ่งทั้ง 2 โครงการได้ผลตอบรับที่ดีและเป็นไปตามเจตนารณ์ที่ธนาคารตั้งไว้
ธนาคารได้ให้เงินช่วยลูกค้าไปแล้วรวม 1,144 ล้านบาท สามารถช่วยรักษาการจ้างพนักงานได้จำนวน 49,000 ราย
“ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณน้ำใจจากเจ้าของธุรกิจบางรายที่ปฏิเสธความช่วยเหลือของธนาคาร เนื่องจากมองว่าตัวเองยังไหวและเข้าใจดีว่าธนาคารฯ ไม่สามารถช่วยเหลือได้ทุกคน จึงเสียสละเพื่อให้ธนาคารนำเงินไปช่วยเหลือธุรกิจที่เดือดร้อนกว่า”
ธนาคารติดต่อลูกค้าเพื่อให้ความช่วยเหลือโดยใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์หรือดูความจำเป็นของลูกค้าเพื่อนำเสนอความช่วยเหลือที่เหมาะสม ทั้งนี้หากลูกค้าท่านใดที่ต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อเข้ามาที่ธนาคารฯ ได้ ธนาคารมีความตั้งใจเต็มที่จะช่วยให้ลูกค้าที่เดือดร้อนด้วยเงินทุนที่ธนาคารฯ มีอยู่
“แม้ในช่วงวิกฤตที่ต้องเผชิญกับความยากลำบาก แต่ลูกค้ายังมีวินัยทางการเงินและมีการชำระหนี้เข้ามา ธนาคารขอขอบคุณลูกค้าทุกคน หากทุกคนช่วยเหลือและร่วมมือกันเราจะฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างแน่นอน” พัชร กล่าว