มีบางสิ่งที่เรียนรู้แล้วทำไม่ได้ (หรือละเลย) นั่นคือที่มาของคอลัมน์นี้ ที่จะเล่าว่าเรียนรู้เรื่องการวางแผนการเงินแล้วทำไม่ได้ เพื่อเป็นร่องรอยให้คนอื่นทำได้
2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีโอกาสได้คุยกันในรายการปฏิบัติการพลิกชีวิต Money Makeover ว่าเด็กจบใหม่ที่นับเป็นวัยเริ่มต้นทำงานควรจะวางแผนการเงินอย่างไร
บางความเชื่อบอกว่ายังไม่ต้องเริ่มเร็วก็ได้ เพราะยังมีเวลาเหลือ หาความสุขความสนุกมาก่อน (พูดอย่างกับรู้อนาคตตัวเองได้)
จริงอยู่ ในวัยเริ่มต้นทำงาน ในเรื่องของรายได้อาจจะยังไม่สูงมาก สิ่งสำคัญคือถ้าไม่เริ่มต้นก็จะไม่มีวันเริ่มต้น สิ่งสำคัญก็คือคุณต้องมีเป้าหมาย และเมื่อมีเป้าหมายแล้ว การกระทำเพื่อให้ถึงเป้าหมายจึงเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญ เพราะการเริ่มต้นในก้าวแรก แม้จะเป็นก้าวที่เล็กและสั้น แต่เมื่อเดินแล้ว จะมีก้าวอื่น ๆ ที่ก้าวได้ไกลขึ้น มากขึ้น
คนรุ่นก่อนอาจจะเริ่มต้นด้วยการไม่รู้ในหลายเรื่อง สิ่งที่ยึดเป็นคัมภีร์ในการสร้างฐานะ คือ “ขยัน ซื่อสัตย์ และอดทน” ใช้เวลากันไปนาน ๆ ยาว ๆ ผิดกับเด็กสมัยนี้ที่การเรียนรู้ทำได้เร็วขึ้น ใช้เวลาน้อยลง
เด็กรุ่นใหม่ใช้เวลาไม่กี่ปีก็สร้างที่เรียกว่าความจำเป็นพื้นฐาน มีเงินสำรองฉุกเฉินที่หากต้องตกงานในเวลาที่คิดไม่ถึงก็สามารถอยู่ได้ โดยมีรายจ่ายที่ดูแลตัวเองได้ 3-6 เดือน มีการทำหลักประกันเอาไว้เผื่อเจ็บป่วยขึ้นมาก็สามารถมีประกันที่จะชดเชยเราได้
สองสิ่งนี้เป็นภารกิจสำคัญที่จะช่วยสร้างฐานที่มั่นคงให้กับเราได้ ก่อนจะตามด้วยการสะสมทรัพย์สิน เช่น ที่อยู่อาศัย และสุดท้ายเมื่อมีครบแล้ว (จะด้วยเวลามากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) แล้วค่อยเดินสู่การลงทุน ข้อสำคัญคือไม่นำเงินสะสมเผื่อฉุกเฉินหรือทรัพย์สินไปลงทุน
ยังจำได้ไหม ที่ประโยค “การลงทุนมีความเสี่ยง ต้องศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจ” พลาดพลั้งไปก็ยังมีเหลือให้ดำรงชีวิตอยู่ได้ แต่หากใช้เงินเพื่อการลงทุนในกระเป๋าใบเดียวกัน หมดขึ้นมาจะไม่เหลืออะไรเลย
บางคนอาจจะแย้งว่าสามารถทำไปพร้อม ๆ กันทั้ง 3 เรื่องใหญ่นี้ได้ ถ้าหากแบ่งเงินในกระเป๋าออกได้ 3-4 ส่วน ก็ไม่ผิดกติกาอะไร หากเรามั่นใจว่าเราสามารถแบ่งได้
บนพื้นฐานประเทศไทยเมื่อยังไม่มีเครื่องกำเนิดเศรษฐกิจตัวใหม่ ในขณะที่เราเองก็ มีวิกฤติใหญ่ ๆ ที่จะเป็นวิกฤติที่ใช้เวลาในการแก้ปัญหายาวนานเสียด้วย มาลองดูกันว่า เห็นด้วยหรือไม่
- วิกฤติศรัทธา
- วิกฤติเศรษฐกิจ
- วิกฤติหนี้สินครัวเรือน
- วิกฤติการเมือง(ทั้งในและนอกประเทศ)
- วิกฤติผู้สูงอายุ(จากการเกิดที่ลดลง และอายุยืนยาวขึ้น)
- วิกฤติการส่งออก
- วิกฤติความแตกแยก ที่แม้แต่การเลือกตั้ง ก็ยังแบ่งภาค แบ่งขั้ว ไม่ได้แตกต่างกันที่นโยบาย ที่จะช่วยให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างไร
ใน 7 วิกฤตินี้ล้วนส่งผลกระทบกับเรา ๆ ท่าน ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การเตรียมพร้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญ อย่าลืมนะว่าจากอายุ 20-60 ปี เรามีเวลาประมาณ 40 ปี ที่จะใช้หารายได้ เพื่อใช้ชีวิตจนถึง 80 ปี
แต่บางคนอาจจะแย้ง ว่าหากเราเป็นคนทำงานประจำในองค์กรอายุถึง 45 ปี ก็แทบจะหมดเวลาหางานใหม่ หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ฝ่ออยู่ในองค์กรจนเกษียณ หรือบางคนที่ทำอาชีพอิสระ อย่างเช่น ทนาย ก็ยังมีเวลาในการทำงานได้เกินอายุ 60 ปี หากร่างกายและสมองและยังแข็งแรง ซึ่งก็เป็นคนส่วนหนึ่งที่ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ที่อายุ 60 ปี ก็จะเข้าสู่วัยเกษียณ เพี่อใช้ชีวิตที่เหลือให้มีคุณค่าที่สุด
ความผิดพลาดที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตคนเราก็คือ….
“การคิดไปว่า คนเรายังเหลือเวลาอีกมากมายในชีวิต”
(จากภาพยนตร์เรื่อง Click โดย FB:ทำเรื่องเล่นให้เป็นเรื่องใหญ่)
บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน
ยิ่งแก่ยิ่งจน (เป็นหนี้ NPL!!)
เตรียมตัวให้พร้อมใน COMFORT ZONE ก่อนจะไปเผชิญหน้า DANGEROUS ZONE!!