TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessไปรษณีย์ไทย เปิดบริการ 'EMS JUMBO' ส่งสินค้าขนาดใหญ่ หนักสูงสุดถึง 200 กก.

ไปรษณีย์ไทย เปิดบริการ ‘EMS JUMBO’ ส่งสินค้าขนาดใหญ่ หนักสูงสุดถึง 200 กก.

บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดตัวบริการ ‘EMS JUMBO’ ส่งสินค้าขนาดใหญ่ ตั้งแต่ 30 กก. ขึ้นไป นำจ่ายภายใน 2-4 วัน ด้วยคอนเซ็ปต์ ‘งานช้างยังไหว ส่งหนัก ส่งใหญ่แค่ไหนก็เรื่องหมู ๆ’ ตอบโจทย์เทรนด์ใหม่ที่ใหญ่ขึ้น พร้อมยกระดับการขนส่ง EMS ครบวงจร

ดร. ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ความต้องการขนส่งสิ่งของ โดยเฉพาะมาตรฐานการส่งแบบด่วน (EMS) ยังคงเพิ่มปริมาณมากขึ้นในประเทศไทย เนื่องการแข่งขันทางธุรกิจ ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลง และการพัฒนาเทคโนโลยีของผู้ให้บริการที่ทำให้สิ่งของต่าง ๆ ไปถึงมือผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วขึ้น จากความต้องการดังกล่าว ไปรษณีย์ไทยจึงยกระดับ EMS ให้เป็นบริการส่งด่วนที่มีความครบวงจร โดยเฉพาะความครอบคลุมประเภทและขนาดการส่งสิ่งของ เนื่องจากขณะนี้พฤติกรรมการซื้อขายสินค้าที่มีช่องทางที่หลากหลายได้ทำให้บริการรับฝาก – นำจ่ายสิ่งของไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ในรูปแบบของพัสดุภัณฑ์เพียงอย่างเดียว

“เทรนด์การเลือกใช้บริการขนส่งสิ่งของปัจจุบัน ผู้ซื้อของหลายรายมีการเลือกซื้อสินค้า ขนาดใหญ่ขึ้น เห็นได้จากกระแสการซื้อของตกแต่งบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ออกกำลังกาย หรือแม้แต่อุปกรณ์ครัวที่มีร้านค้ากลุ่มนี้ให้บริการผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่างแพร่หลาย และเป็นอานิสงส์ให้ความต้องการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่และหนักมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น

โดยประเภทของสิ่งของขนาดใหญ่และหนักที่มีการฝากส่ง 10 อันดับแรกในปี 2563 – 2565 ได้แก่

  1. กลุ่มสิ่งของที่คิดค่าบริการตามพิกัดน้ำหนัก (30 – 200 กิโลกรัม)
  2. จักรยานยนต์ขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 150 CC. ที่ไม่ใช่รูปทรงบิ๊กไบค์
  3. Roll Pallet บรรจุของสำหรับนักเรียน นิสิต นักศึกษา และผู้ประกอบการ OTOP
  4. จักรยาน / รถจักรยานพับได้ใส่กล่อง
  5. รถจักรยานไฟฟ้า / รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า
  6. ตู้เย็นขนาดไม่เกิน 12 คิว
  7. จักรยานยนต์ขนาดเครื่องยนต์เกิน 150 แต่ไม่เกิน 400 CC. ที่ไม่ใช่รูปทรง บิ๊กไบค์
  8. รถแบตเตอรี่สำหรับเด็ก รถสามล้อโยกคนพิการ วีลแชร์
  9. คอมพิวเตอร์และชุดอุปกรณ์
  10. เครื่องซักผ้าทั้งประเภทถังคู่ ฝาบน และฝาหน้า 

ดร.ดนันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า EMS JUMBO ให้บริการด้วยคอนเซ็ปต์งานช้างยังไหว ส่งหนัก ส่งใหญ่แค่ไหนก็เรื่องหมู ๆ โดยผู้ใช้บริการสามารถส่งของหนัก ของใหญ่จุใจตั้งแต่ไซส์ 30 – 200 กิโลกรัม มาตรฐานการนำจ่ายที่รวดเร็ว 2 – 4 วันอัตราค่าบริการคิดราคา 2 รูปแบบ คือ

  1. ตามน้ำหนักจริง เริ่มต้น 30 กิโลกรัมแรก ราคา 200 บาท เฉลี่ย 6 บาท / กิโลกรัม ขนาดสิ่งของ กว้าง+ยาว+สูง รวมกันไม่เกิน 600 เซนติเมตร 
  2. ตามประเภทสินค้าสำเร็จรูป อาทิ ประเภทกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ราคาเริ่มต้นที่ 200 บาท ยานพาหนะเริ่มต้นที่ 600 บาท เฟอร์นิเจอร์เริ่มต้นที่ 300 บาท 

นอกจากนี้ ยังมีการชดใช้ค่าเสียหายในกรณีสูญหาย/ เสียหายระหว่างการจัดส่งทางไปรษณีย์ตามมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง สูงสุดชิ้นละ 5,000 บาท และสามารถซื้อประกันเพื่อรับวงเงินชดใช้เพิ่มได้สูงสุดถึง 200,000 บาท 

ไปรษณีย์ไทยพาเปิดมุมมอง ‘Digital Post ID’ ทางเลือกใหม่ของการจ่าหน้ายุคดิจิทัล

พีทีที ดิจิตอล ผนึกไปรษณีย์ไทย เพิ่มประสิทธิภาพงานควบคุม และระบบติดตามการขนส่ง ด้วยดิจิทัลโซลูชัน

“การส่งสิ่งของเฉพาะทาง หรือมีรูปแบบพิเศษ เป็นสิ่งที่ไปรษณีย์ไทยมีความชำนาญมาอย่างยาวนาน เห็นได้จากทั้งบริการส่งยาจากโรงพยาบาล การส่งสินค้าควบคุณอุณหภูมิ FUZE Post หรือแม้กระทั่งการส่งในพื้นที่ที่เข้าถึงลำบาก โดยการให้บริการเหล่านี้ยังเป็นการสร้างความได้เปรียบจากตลาดที่แข่งขันกันด้วยราคา เนื่องจากผู้ใช้บริการในปัจจุบันได้มองหาความแตกต่าง คุณภาพ
และโซลูชันที่ครอบคลุมจากธุรกิจขนส่ง โดยเฉพาะใน 4 เทรนด์ที่กำลังเติบโตและจะกลายเป็นโอกาสได้แก่ 1) เทรนด์การให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ 2) เทรนด์การให้บริการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ 3) เทรนด์การบริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร และ 4) เทรนด์การให้บริการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิแบบด่วนทั้งสินค้าแบบแช่เย็นและแช่แข็ง” 

นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยมีสิทธิพิเศษเฉพาะสำหรับสมาชิก POST Family โดยมอบส่วนลดค่าส่งให้สูงสุดถึง 15% ในบริการดังกล่าว ตั้งแต่วันนี้ถึง 20 มีนาคม 2566

ตามเทรนด์ให้ทัน ตอบรับธุรกิจ E-commerce โต

ดร. ดนันท์ กล่าวว่า “ไปรษณีย์ไทยให้ความสำคัญกับสินค้าที่มีความหลากหลาย เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจ E-commerce มีแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น รวมไปถึง Social Commerce ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญ

ทิศทางของไปรษณีย์ไทยนับจากนี้ คือ ตามวัฎจักรของธุรกิจและจับเทรนด์ให้ทันอยู่เสมอ ซึ่งวัฏจักรของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ในช่วงเริ่มต้นทำธุรกิจออนไลน์ ส่วนใหญ่จะเริ่มที่ E-commerce Platform เพื่อสร้างตัวตนในช่องทางที่มีคนเข้าถึงได้ง่าย เมื่อธุรกิจเริ่มมีการเติบโตมากขึ้น ก็มีการเปลี่ยนไปใช้ก็ Social commerce อย่าง Facebook Live หรือแม้กระทั่ง Tiktok ซึ่งเป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน ส่งผลให้หลาย ๆ ธุรกิจเริ่มมีการขยายตัวสู่การเปิดหน้าร้านแบบ Offline

ไปรษณีย์ไทยได้ร่วมมือในการทำ “โพสต์สบาย” (Post SABUY) สำหรับธุรกิจและร้านค้าแบบ Offline เป็นการเพิ่มช่องทางและอำนวยความสะดวกสบาย ให้กับธุรกิจในวัฎจักรได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์”

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ผลกระทบจากวิกฤติ PM2.5 เรื้อรัง ส่งผลยีนส์กลายพันธุ์ก่อโรคมะเร็งปอด ภัยร้ายใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม

ยิบอินซอย ทุ่มงบสนับสนุน EASYRICE สตาร์ตอัพสัญชาติไทย หวังผลักดันวงการเกษตรไทย สู่เวทีโลก

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ