สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ให้การยอมรับคริปโตมากที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง และตั้งเป้าจะเป็น Crypto Hub
ในบทความนี้จะมาอธิบายแบบเจาะลึกว่าเหตุใดที่ทำให้เห็นว่า UAE พร้อมแล้วที่จะเป็นศูนย์รวมความมั่งคั่งในรูปแบบสินทรัพย์ดิจิทัล และกลายเป็น Internation Crypto Hub
ดูไบ เตรียมเปิดตัว “Crypto Valley” ศูนย์กลางทางด้านบล็อกเชน และจะเป็นเขตปลอดภาษี 100% ตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2020
DMCC (Dubai Multi Commodities Centre) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลทางด้านการค้า วิสาหกิจ และสินค้าโภคภัณฑ์ของรัฐบาลดูไบ มีแผนที่จะสร้าง “Crypto Valley” ของตนเองในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และจะร่วมมือกับบริษัท CVVC ในสวิตเซอร์แลนด์เพื่อผลักดันนวัตกรรม blockchain และ cryptocurrency ในดูไบ โดยจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายหลายอย่าง ทั้งศูนย์การศึกษาและให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่กำลังมองหาอาชีพในพื้นที่บล็อกเชน และยังมีศูนย์บ่มเพาะธุรกิจ (Incubation Center) ทางด้านบล็อกเชนโดยเฉพาะอีกด้วย
DMCC เป็นศูนย์กลางของธุรกิจที่ขับเคลื่อนการค้าในท้องถิ่นทั่วทั้งดูไบ การเปิดตัว Crypto Valley จะช่วยยกระดับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจของเมืองและช่วยสนับสนุนกลยุทธ์ของรัฐบาลเพื่อดึงดูดนักลงทุน และผู้ประกอบการที่จะเข้ามากำหนดทิศทางของเศรษฐกิจในอนาคต
หนึ่งในข้อดีหลัก ๆ ของ DMCC คือ ตั้งอยู่ใน “เขตปลอดภาษี” ของดูไบ ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีการเก็บภาษีทั้งบุคคล นิติบุคคลหรือภาษีหัก ณ ที่จ่าย นอกจากนี้ ยังไม่มีข้อจำกัดทางด้านสกุลเงิน ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถเก็บผลกำไรได้ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม
ในเดือนเมษายน 2021 ทางรัฐบาล และรมว.กระทรวงเศรษฐกิจของ UAE มองว่า Crypto & tokenization คือ กุญแจอีกอันในการเพิ่ม GDP ของประเทศเป็นสองเท่า
ถัดมาในเดือนกันยายน 2021 สำนักงาน Dubai World Trade Center (DWTCA) ประกาศว่าได้ลงนามในข้อตกลงกับสำนักงานหลักทรัพย์และสินค้าโภคภัณฑ์ของ UAE (SCA) เพื่อสนับสนุนกฎระเบียบและการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลภายในเขตปลอดภาษี DWTC
DWTCA ยังสามารถออกใบอนุญาตที่จำเป็นสำหรับกิจกรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับ cryptocurrencies ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลง โดย SCA จะกำกับดูแลกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตที่สำคัญ เช่น การออก การ list กระบวนการซื้อขายและการออกใบอนุญาต
หลังจากนั้นในเดือน ธันวาคม 2021 รัฐบาลดูไบประกาศว่า Dubai World Trade Center (DWTC) จะกลายเป็นโซนที่ครอบคลุมและกำกับดูแลสำหรับสินทรัพย์เสมือนและคริปโต รวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัล ผลิตภัณฑ์ ผู้ประกอบการ และแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโต
โดยทางการดูไบพยายามทำให้คริปโตถูกใช้งานอย่างแพร่หลายภายในประเทศ สำหรับครั้งนี้โดยการทำงานร่วมกับภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำให้คริปโตเข้าถึงได้และปลอดภัยยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ประเทศจะมุ่งความสนใจไปที่การพัฒนาอุตสาหกรรม Non-Fungible Token (NFT) โดยทางการตั้งเป้าที่จะกำหนดนโยบายที่อำนวยความสะดวกสำหรับการรวบรวม “ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เป็นนวัตกรรม”
ควบคู่ไปกับการนำ “เทรนด์ใหม่ ๆ ที่ใช้เทคโนโลยี blockchain ขั้นสูง เช่น non-fungible token (NFT) และคริปโตเคอร์เรนซี่”
“การกระทำดังกล่าวยังคงช่วยยกระดับสถานะของดูไบในฐานะศูนย์กลางชั้นนำด้านธุรกิจ การค้า และเทคโนโลยีระดับโลกได้ด้วย ในการนี้ World Trade Center จะส่งมอบและดูแลการทำงานระดับโลกสำหรับนโยบายด้านกฎหมายและการบังคับใช้สินทรัพย์เสมือน”
จากทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะเห็นได้ว่าทางรัฐบาลและหน่วยงานต่าง ๆ ภายใน UAE โดยเฉพาะในดูไบ ได้ให้ความสำคัญและมุ่งเน้นพัฒนาให้ UAE หรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จนได้ชื่อว่าเป็น Crypto Hub นั้นเอง
นอกจากการสนับสนุนจากหน่วยงานของรัฐบาลแล้วหลายบริษัทที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลก็ได้ให้ความสนใจ และมาเปิดสำนักงานกันที่ดูไบ
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2020 Ripple (XRP) ได้จัดตั้งสำนักงานประจำภูมิภาคใน Dubai International Financial Center หรือ DIFC โดยกล่าวว่าไม่ต้องจ่ายภาษีจากรายได้และผลกำไรขององค์กรเป็นเวลาอย่างน้อย 50 ปี นอกจากศูนย์การเงินแล้วยังเป็นเขตปลอดภาษี
ล่าสุดในเดือนมีนาคม 2022 ได้มี 2 Exchange cryptocurrency เจ้าใหญ่อย่าง Binance และ FTX ได้รับใบอนุญาตสินทรัพย์ดิจิทัลในดูไบ ใบอนุญาตที่ออกให้ภายใต้การกำกับดูแลเบื้องต้นของหน่วยงานกำกับดูแลสินทรัพย์เสมือน (VARA)
อนุญาตให้บริษัทดำเนินการภายในโมเดลตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อเป็นฐานสำหรับการขยายสู่ภูมิภาคและ Binance กับ FTX ก็พร้อมที่จะเปิดสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคในดูไบเช่นกัน
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กำลังพยายามดึงดูดบริษัทคริปโตและฟินเทคที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยปัจจุบัน UAE เป็นตลาด crypto ที่ใหญ่เป็นอันดับสามในภูมิภาค ตามหลังตุรกีและเลบานอน ตามข้อมูลที่รวบรวมโดย Chainalysis fas ของเดือนมิถุนายน 2021
และล่าสุด Bybit บริษัทแลกเปลี่ยน Cryptocurrency ประกาศเมื่อวันจันทร์ (28 มีนาคม 2565) ว่าจะย้ายสำนักงานใหญ่จากสิงคโปร์ไปยังดูไบในวันเดียวกับที่ Crypto.com กล่าวว่าจะจัดตั้งสำนักงานศูนย์กลางระดับภูมิภาคที่นั่น การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ดูไบได้ออกกฎหมายใหม่ที่มุ่งทำให้เอมิเรตส์เป็นศูนย์กลางระดับโลกสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น metaverse
นอกเหนือจากใบอนุญาต crypto แล้ว รัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังวางแผนที่จะสร้างและควบคุมอุตสาหกรรมการขุด crypto และ NFTs อีกด้วย
ในเดือนธันวาคม 2021 ไปรษณีย์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กำลังออกแสตมป์ nonfungible token (NFT) ครั้งแรกในตะวันออกกลาง เพื่อเฉลิมฉลองวันชาติปีที่ 50 ซึ่งนับเป็นหลักฐานเพิ่มเติมว่าของสะสมดิจิทัลกำลังได้รับความสนใจจากทั่วโลก จะขายเป็นของสะสมดิจิทัลที่เชื่อมโยงกับของคู่กันที่เป็นแบบกายภาพ
หน่วยงานกำกับดูแลของ UAE กำลังทำงานเพื่อกำหนดกฎหมายที่จะปูทางสำหรับการนำ crypto และ blockchain ไปใช้ ซึ่งการออกใบอนุญาตและกฎหมายการขุด crypto ซึ่งก่อนหน้านี้ในเดือนธันวาคม 2021 รัฐบาลได้ประกาศให้ Dubai World Trade Center (DWTC) จะกลายเป็นโซนที่ครอบคลุมและกำกับดูแลสำหรับสินทรัพย์เสมือนและคริปโต
และที่สำคัญตามรายงานของสำนักข่าวท้องถิ่น Arabian Business Citizens School ซึ่งตั้งอยู่ในดูไบ ประกาศว่าจะรับชำระค่าเล่าเรียนในสกุลเงิน Bitcoin ( BTC ) หรือ Ethereum ( ETH ) ซึ่งการชำระเงินโดยใช้สินทรัพย์ดิจิทัลนั้นได้รับการอำนวยความสะดวกผ่านแพลตฟอร์มการประมวลผลที่ไม่ได้ระบุชื่อและจะถูกแปลงเป็น United Arab Emirates Dirhams (AED) โดยอัตโนมัติ
ดร. Adil Alzarooni ผู้ก่อตั้ง Citizens School กล่าวว่า: “เราตั้งตารอที่จะเสริมสร้างบทบาทของคนรุ่นใหม่ในการบรรลุเศรษฐกิจดิจิทัลของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในขณะที่ผู้คนจำนวนมากขึ้นเปิดรับยุคดิจิทัล เด็ก ๆ ในวันนี้ก็จะกลายเป็นผู้ประกอบการและนักลงทุนในอนาคต
ในขณะเดียวกัน Hisham Hodroge ซีอีโอของ Citizens School กล่าวเสริมว่า: “การแนะนำความสามารถในการชำระค่าเล่าเรียนผ่านสกุลเงินดิจิทัลเป็นมากกว่าแค่การให้ทางเลือกในการชำระเงินแบบอื่น เพราะมันเป็นวิธีการที่จะขับเคลื่อนความสนใจเพิ่มเติมในแอปพลิเคชันของบล็อคเชน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ Citizens School ตั้งใจจะปรับใช้ในหลาย ๆ ด้านของการดำเนินงานด้านวิชาการและการบริหาร”
จากทั้งหมดที่กล่าวมาทั้งด้านอุตสาหกรรม Crypto NFTs รวมไปถึงระบบการศึกษาได้รองรับการใช้ cryptocurrency และยิ่งตอกย้ำว่า UAE หรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะเป็น Crypto Hub ที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคตได้นั้นเอง
ผู้เขียน สัญชัย ปอปลี https://www.facebook.com/SanjayPopli.23/
บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน
Blockchain กระดูกสันหลังแห่งโลก Metaverse
Metaverse และ GameFi เทรนด์ที่กำลังมาแรงในวงการคริปโทฯ
ภูมิทัศน์ “คริปโต” … จาก global สู่ local
*ในบทความมีคำว่า คริปโต และ คริปโท (ทั้งนี้หากเขียนตามราชบัณฑิตฯ จะต้องเขียน คริปโท แต่คนจำนวนมากใช้คริปโต และ SEO รู้จัก คริปโต เป็นอย่างดี บทความนี้จึงขอใช้ คริปโต)