เดอะมอลล์ กรุ๊ป ประกาศเดินหน้าสู่ ‘Modernized Retail’ จับมือไมโครซอฟท์ นำเทคโนโลยีคลาวด์ เริ่มใช้งาน SAP on Azure สร้างศักยภาพธุรกิจรีเทลให้แข็งแกร่ง เชื่อมต่อออนไลน์และออฟไลน์เข้ากันแบบไร้รอยต่อ วางระบบเทคโนโลยีรวมศูนย์กลางเป็นหนึ่งเดียว เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค
ประสบการณ์และความประทับใจที่ลูกค้ามองหา หรือ Customer Experience (CX) เป็นสิ่งที่บริษัทในหลายอุตสาหกรรมให้ความสำคัญ ยิ่งในธุรกิจรีเทลที่มีลูกค้ามาใช้บริการจำนวนมากในทุกๆ วันโดยไม่มีวันหยุด สิ่งสำคัญยิ่งกว่าการรู้ว่าลูกค้าต้องการอะไรคือธุรกิจต้องสามารถปรับกลยุทธ์ให้ตอบสนองความต้องการได้ตรงโจทย์และทันใจลูกค้า
เดอะมอลล์ กรุ๊ป กลุ่มบริษัทผู้ดำเนินธุรกิจรีเทลรายใหญ่ในประเทศไทยมองเห็นถึงความสำคัญนี้ โดยระหว่างสถานการณ์โควิด-19 สองปีที่ผ่านมามีลูกค้าใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์เป็นจำนวนมาก เมื่อเทียบกับปัจจุบันที่จำนวนลูกค้ากลับมาใช้บริการที่ห้างสรรพสินค้าเพิ่มมากขึ้น แต่การใช้บริการทางออนไลน์ก็ยังไม่ลดน้อยลง การปรับตัวในการให้บริการยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง
เดอะมอลล์ กรุ๊ป ให้ความสำคัญในเรื่องของ Customer Journey Ecosystem ทำให้เราเข้าใจทุกความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง และนำเสนอสินค้ารวมถึงบริการได้ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากที่สุด จนเกิดเป็นแนวคิด Seamless O2O การผสมผสานธุรกิจจากออนไลน์ไปสู่ออฟไลน์ได้อย่างไร้รอยต่อไร้ข้อแตกต่าง ด้วยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเชื่อมต่อให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ในการเลือกซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ ที่ไม่แตกต่างกันเสมือนการยกห้างมาอยู่ในโลกออนไลน์
เดอะมอลล์ กรุ๊ป ขยายบริการให้ลูกค้าซื้อสินค้าผ่าน M ONLINE APPLICATION แอปเดียวช้อปครบทุกห้างฯ เสมือนยกห้างฯ เดอะมอลล์ เอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ พารากอน และเอ็มไลฟ์สโตร์ มาไว้ในมือถือ พร้อมชูกลยุทธ์Redefined 4P’s (Product Curation, Privileges, Personalization และ Partnership) สร้าง M ONLINE FASHION & LIFESTYLE COMMUNITY CITIZENS ผสานการช้อปปิ้ง ONLINE และ OFFLINE เพื่อตอบโจทย์นักช้อปยุคใหม่ ที่ไม่ใช่เน้นแค่สินค้าอะไรก็ได้ แต่ต้องเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ มาตรฐาน และสไตล์ที่ใช่ รวมถึง Personalized และ Brand ระดับแนวหน้า และ INTREND เหมาะกับลูกค้ารุ่นใหม่สายแฟชั่น ไลฟ์สไตล์และบิวตี้สุดล้ำพิเศษ ด้วยโปรโมชันเดียวกับที่มีในห้าง ชวนลูกค้ามาสัมผัสบริการที่ยังคงไว้ซึ่งความประทับใจเดิม แต่สะดวกสบายเพิ่มขึ้น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า
จากแนวคิดดังกล่าวทำให้เกิดเป็นภารกิจ ‘ยกระดับ ช้อปปิ้งห้างสู่ ออนไลน์ ’ ที่ เดอะมอลล์ กรุ๊ป ตั้งเป้าหมายจะทำให้สำเร็จ โดยนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ขับเคลื่อนให้เกิดเป็น ‘Modernized Retail’ เพิ่มความกระฉับกระเฉงให้กับธุรกิจ ให้ตอบรับความต้องการของลูกค้าได้เร็วยิ่งขึ้นและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าด้วยการบริการที่ดีที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้ เดอะมอลล์ กรุ๊ป ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ Future of Retail อย่างเต็มตัว
จิรยุทธ์ กาญจนมยูร ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายไอที เดอะมอลล์ กรุ๊ป กล่าวว่า “หากพูดถึงอนาคต แน่นอนว่าการจะสร้างรากฐานของการทำธุรกิจให้ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า การพลิกโฉมธุรกิจด้วยคลาวด์นับว่าตรงเป้าหมาย การย้ายระบบครั้งใหญ่ของ เดอะมอลล์ กรุ๊ป ในครั้งนี้นอกจากเพื่อการผสานกันระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ ยังมาพร้อมการคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยเป็นสำคัญ ที่รวมไปถึงความปลอดภัยของข้อมูล และการเตรียมพร้อมพนักงานให้พร้อมรับมือกับเทคโนโลยีนี้อย่างถูกต้อง และด้วยเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์ ที่มาพร้อมมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลกนับเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการปรับเปลี่ยนของเรานั้นเป็นไปอย่างราบรื่นและมาพร้อมความมั่นใจในด้านความปลอดภัยของข้อมูล และช่วยต่อยอดนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาใช้ดำเนินงานด้านต่างๆ ที่จะต้องพัฒนาให้พร้อมรับกับทุกสถานการณ์ในอนาคต”
เดอะมอลล์ กรุ๊ป เลือกใช้โซลูชัน SAP ของ Microsoft Azure เป็นเพราะว่าโซลูชันดังกล่าวตอบรับกับเป้าหมายทางธุรกิจของบริษัท ทั้งในเรื่องการทำ Seamless O2O และการเป็นโซลูชันที่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา ซึ่งความปลอดภัยของข้อมูลเป็นเรื่องที่ เดอะมอลล์ กรุ๊ป ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก เนื่องจากบริษัทจัดเก็บและจัดการกับข้อมูลจำนวนมาก นอกจากนี้ยังเป็นโซลูชันที่ช่วยให้ระบบของบริษัทสามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับ เช่น พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA ได้โดยที่ยังคงไว้ซึ่งความคล่องตัว ความรวดเร็วในการทำงาน และอิสระในการปรับสเกลต่างๆ ที่ตอบรับกับการขยายตัวทางธุรกิจ
“เป้าหมายของเราคือการให้บริการเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดสำหรับธุรกิจรีเทลในประเทศไทย เราตั้งใจอย่างมากที่จะทำให้สำเร็จ ตลอด 6-7 ปีที่ผ่านมาระบบไอทีของเราเติบโตแบบก้าวกระโดด เราลงทุนด้านเทคโนโลยีอย่างเต็มกำลังด้วยความเชื่อมั่นว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนแปลงที่จะสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับเราได้ และมุ่งเป้าจะขยายอย่างต่อเนื่อง สำหรับการย้ายโซลูชัน SAP สู่คลาวด์อย่าง Microsoft Azure ถือเป็นโปรเจกต์ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในระยะเวลาอันรวดเร็วเพียง 3 เดือนครึ่ง นับว่าเป็นระยะเวลาที่เร็วที่สุดในการบริหารจัดการระบบไอทีที่เคยมีมา ผมต้องขอขอบคุณไมโครซอฟท์กับระบบและเครื่องมือรองรับที่ดีของ Microsoft Azure พร้อมทีมงานที่วางแผนงานได้ดีและกลยุทธ์อันแข็งแกร่ง ทำให้ทุกขั้นตอนราบรื่นไม่ติดขัด และในระหว่างที่ทำการทดสอบจนถึงใช้งานจริง เดอะมอลล์ กรุ๊ป ยังสามารถให้บริการลูกค้าได้ตามปกติ” จิรยุทธ์ กล่าว
นอกจากเรื่องของเทคโนโลยี เดอะมอลล์ กรุ๊ป มีแผนที่จะพัฒนาทีมไอทีให้เต็มไปด้วยกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยบริษัทมีความโดดเด่นในเรื่องความทันสมัย กล้าที่จะนำนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ดีที่สุดเข้ามาให้ทีมไอทีได้ลองใช้งาน ได้เรียนรู้ และพัฒนาไปพร้อมๆกับการก้าวเดินของเทคโนโลยี เนื่องจากทีมไอทีทำหน้าที่เป็น IT Center ดูแลระบบทั้งหมด ของ เดอะมอลล์ กรุ๊ป ในทุกภาคส่วน ทำให้ทุกคนในทีมมีโอกาสเรียนรู้ สนุก ตื่นเต้นไปกับแคมเปญต่างๆ ตลอดจนได้ร่วมประสบความสำเร็จทั้งทางด้านไอทีและด้านธุรกิจไปพร้อมกัน ที่จะมาพร้อมการเรียนรู้ฝึกฝนและได้รับการชี้แนะเพื่อความก้าวหน้าในสายงานจากผู้บริหาร
“ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ต้องขอขอบคุณที่เดอะมอลล์ กรุ๊ป ที่ให้โอกาสเทคโนโลยีของเรา เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการtransform ธุรกิจของ เดอะมอลล์ กรุ๊ป และผมมั่นใจเป็นอย่างมากว่า เทคโนโลยีแรกที่เราผลักดันอย่างSAP บน Microsoft Azure จะสามารถสร้างศักยภาพได้อย่างไม่มีขีดจำกัดให้แก่ลูกค้า ทั้งนี้ผมต้องขอขอบคุณผู้เชี่ยวชาญอย่าง เมโทรซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชั่น ที่เข้ามาร่วมดูแล เดอะมอลล์ กรุ๊ป ไปด้วยกัน และผมหวังว่าเทคโนโลยีของเราจะเข้ามาช่วยสร้างต่อยอดการให้บริการลูกค้าได้อย่างไร้รอยต่อพร้อมทั้งเป็นหนึ่งพื้นฐานสำคัญในการสร้างคลาวด์ที่ปลอดภัยและไว้วางใจได้ให้กับธุรกิจรีเทล มุ่งสู่เป้าหมายการเป็น ‘Modernized Retail’ ได้อย่างสมบูรณ์” วัชระ จิระเจริญสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ สายงานกลุ่มธุรกิจลูกค้ากิจการขนาดใหญ่ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย กล่าวทิ้งท้าย
SAP on Azure เป็นซอฟต์แวร์ที่จะเข้ามาช่วยบริหารจัดการองค์กรให้ใช้งานอยู่บนคลาวด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาพร้อมความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือและปรับใช้งานได้ตามรูปแบบที่ต้องการ ด้วยระบบโครงสร้างพื้นฐานที่รับรองด้วย SAP ที่ทำงานบน Azure บริการจัดการ transactions และการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ได้ในขั้นตอนเดียว ช่วยเร่งกระบวนการดำเนินธุรกิจ สร้างธุรกิจให้มีประสิทธิภาพยิ่งกว่าที่เคย และเชื่อมต่อระบบไอทีทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเดียว
