กระแสความความนิยมอาหารโปรตีนจากพืช (Plant-based protein) ในไทยกำลังเติบโตด้วยปัจจัยการรักสุขภาพและสิ่งแวดล้อม คาร์กิลล์ เป็นหนึ่งในบริษัทผู้นำด้านอาหารและอุตสาหกรรมการเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดตัว PlantEver โปรตีนจากพืชสำหรับลูกค้าในไทย เตรียมส่งผลิตภัณฑ์หลากหลายรายการออกสู่ตลาดตลอดปีนี้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านโปรตีนทางเลือกที่มีรสชาติอร่อยและอุดมด้วยโภชนาการ สำหรับลูกค้าที่เป็นมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดปี 2564 ตลาดโปรตีนทางเลือกจากนวัตกรรมอาหารใหม่ในไทยจะมีมูลค่าราว 4,500 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 12% ของตลาดโปรตีนทางเลือกทั้งหมดในไทย และคาดว่าปี 2567 มูลค่าตลาดโปรตีนทางเลือกจากนวัตกรรมใหม่มีโอกาสขยับสู่ 5,670 ล้านบาท (CAGR 2564-2567: 8% ต่อปี)
ปัจจุบันโปรตีนทางเลือกจากนวัตกรรมใหม่ในไทยกว่า 89% ของมูลค่าตลาดรวมอยู่ในกลุ่มอาหาร อีก 11% อยู่ในกลุ่มเครื่องดื่ม ซึ่งมูลค่าตลาดโปรตีนทางเลือกนับว่ายังมีสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับมูลค่าตลาดอาหารและเครื่องดื่มโปรตีนทั้งหมดในไทย จึงยังมีช่องว่างทางการตลาดอีกมาก
วัชรพล ประสพเกียรติโภคา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจคาร์กิลล์โปรตีน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวกับ The Story Thailand ว่า ตลาดโปรตีนจากพืชในไทยมีทิศทางการเติบโตที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ คาร์กิลล์โปรตีนลงทุนในนวัตกรรมทางเทคโนโลยี กำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์โปรตีนจากสัตว์และโปรตีนทางเลือกเพื่อตอบสนองความต้องการโปรตีนทั่วโลกที่คาดว่าจะเติบโตขึ้น 70% ในช่วง 30 ปีข้างหน้า
อาจกล่าวได้ว่า จุดแข่งขันหลักสำหรับตลาดผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืชที่หลาย ๆ แบรนด์กำลังแข่งขันในตลาด คือ การทำให้โดนใจผู้บริโภค รสชาติและความหลากหลาย (ตัวเลือก) เป็นเรื่องสำคัญ เพราะผู้บริโภคมีความต้องการและมีประสบการณ์ทดลองอาหารเพื่อสุขภาพที่แตกต่างกัน แต่อาจไม่เกิดการซื้อซ้ำเพราะรสชาติยังไม่โดนใจ และตัวเลือกมีจำกัด ไม่หลากหลายสำหรับความต้องการ
“เราเชื่อว่าเรื่องของรสชาติต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ดังนั้นเราจึงใส่ใจเรื่องรสชาติพอ ๆ กับคุณค่าทางโภชนาการ ไม่เพียงให้คุณประโยชน์กับร่างกาย แต่รสชาติถือเป็นปัจจัยหลักที่ผู้บริโภคไม่ขอประนีประนอม ดังนั้น ผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืชต้องสามารถสร้างความแปลกใหม่ในเรื่องรสชาติ ให้ลูกค้าได้ชิมรสชาติที่ไม่น่าเบื่อ คำว่า “อร่อย” จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้ผลิตต้องพัฒนาความรู้และเทคโนโลยีเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืชที่มีรสชาติอร่อยออกสู่ตลาด” วัชรพล กล่าว
คาร์กิลล์มีทีม R&D และ Innovation Centre ที่กระจายอยู่ทั่วภูมิภาค มีการลงทุนในเรื่องผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือก (alternative protein) จึงมีการแลกเปลี่ยนความรู้ แชร์เทคโนโลยี ตั้งแต่ระดับ global สู่ local โดยเน้นความสำคัญไปที่การพัฒนา วิจัย คิดค้น ปรับรสชาติโปรตีนจากพืช อาทิ นักเก็ต ให้ถูกปากคนไทยโดยเฉพาะ ในฐานะผู้ผลิต
กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือ กลุ่ม flexitarian ที่เริ่มหันมาใส่ใจตัวเอง ดูแลสุขภาพ ดูแลเรื่องการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย โดยที่ยังคงต้องการรสชาติความอร่อยควบคู่ไปกับโภชนาการที่ได้รับ คนกลุ่มนี้มองหาผลิตภัณฑ์ที่ให้สารอาหารที่มีประโยชน์ และไม่หนักท้องจนเกินไปอย่างโปรตีนจากพืช
“ตลาดโปรตีนจากพืชยังคงเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม ผู้บริโภคอาจยังไม่รู้ว่าโปรตีนจากพืชมีประโยชน์หรือรสชาติแบบไหน ทำให้ยังไม่กล้าลองสินค้า” วัชรพล กล่าว
นอกจากนี้ โปรตีนจากพืชยังไม่สามารถเลียนแบบรสชาติและเนื้อสัมผัสได้เหมือนเนื้อสัตว์จริง ๆ และมีเมนูที่ไม่หลากหลาย คาร์กิลล์เชื่อว่าในฐานะผู้ผลิต จะต้องนำเสนอทางเลือกให้กับผู้บริโภคมากขึ้น จึงได้เตรียมสินค้าภายใต้แบรนด์ PlantEver ที่จะออกสู่ตลาดเพื่อให้คนไทยได้ลิ้มลองเพิ่มมากขึ้น เพราะเชื่อมั่นว่าโปรตีนจากพืช คือ อนาคตของโปรตีนทางเลือกที่ผู้บริโภคมองหา
“เราให้ความสำคัญกับแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) PlantEver เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เราใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้พลังงานทางเลือกในการผลิต เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในสิ่งแวดล้อม” วัชรพล กล่าว
เกษตรกรรมมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาของประเทศไทย เกษตรกรรมมีการเปลี่ยนแปลงและมีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของตลาดในประเทศและทั่วโลก คาร์กิลล์โปรตีน จะเสริมความแข็งแกร่งให้ประเทศไทย ในฐานะผู้มีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานอาหารของโลก
“กลยุทธ์ของคาร์กิลล์ในด้านอุตสาหกรรมอาหารและอาหารสัตว์มีพื้นฐานมาจากการช่วยให้ลูกค้าเจริญเติบโตในขณะที่ความต้องการโปรตีนเพิ่มขึ้นทั่วโลก ด้วยการลงทุนในนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เราสามารถทำให้ห่วงโซ่อุปทานของเรามีประสิทธิภาพและยั่งยืนที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในขณะที่เราทำงานเพื่อหล่อเลี้ยงผู้คนในประเทศไทยและทั่วโลก” วัชรพล กล่าว
