TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessLazMall ปรับโฉมให้ความรู้สึกเหมือนเดินห้างจริง เน้นเพิ่มพรีเมียมแบรนด์

LazMall ปรับโฉมให้ความรู้สึกเหมือนเดินห้างจริง เน้นเพิ่มพรีเมียมแบรนด์

LazMall จะโฟกัส Premium Mall มากขึ้น เพราะมีโอกาสให้โตอีกมาก โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจที่คาดว่าจะซบเซาซึ่งไม่มีผลกระทบกับฐานลูกค้ากลุ่มนี้ จะมีการเพิ่มจำนวนแบรนด์และจำนวนลูกค้าในกลุ่มนี้มากขึ้น

ธนิดา ซุยวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจ บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) กล่าวกับ The Story Thailand ว่า ได้เริ่ม LazMall มา 2 ปีกว่า โดยวางตำแหน่งทางการตลาดเป็น LazMall ห้างสรรพสินค้าออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่รวบรวมแบรนด์และร้านค้าชั้นนำทั้งในไทยและต่างประเทศไว้ ปัจจุบันมีมากกว่า 3,000 แบรนด์มาเปิด Flagship Store บน LazMall

“ลูกค้ามั่นใจได้ว่าสินค้าเป็นของแท้ที่ขายโดยแบรนด์ และระดับการให้บริการจะสูงขึ้น เพราะแบรนด์จะมีการจัดส่งที่เร็วขึ้น และเร็ว ๆ นี้ในกรุงเทพฯ จะมี Next Day Delivery และระยะเวลาในการคืนสินค้าจะยาวขึ้นกว่าแพลตฟอร์มทั่วไป จะอยู่ที่ 15 วัน (หากลูกค้าซื้อสินค้าไปแล้วไม่สบายใจ) และหากซื้อสินค้าแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่ของแท้สามารถเคลมเงินคืนได้ 5 เท่าของราคาที่จ่ายไป เพราะเราการันตีแน่นอนว่าเป็นของแท้”

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในไทยตอนนี้เป็นช่วงเริ่มต้น มีสัดส่วนในธุรกิจค้าปลีกไม่ถึง 5% เพราะฉะนั้น ยังมีโอกาสให้เติบโตได้อีกมาก

ในช่วงโควิด-19 ฐานลูกค้าของ LazMall โตขึ้นมาเกือบ 100% เนื่องจากห้างและร้านค้าปิดชั่วคราว ทำให้ลูกค้าย้ายมาช้อปปิ้งบนออนไลน์ ทำให้ฐานลูกค้า LazMall เพิ่มมากขึ้น และแบรนด์มีการทำโปรโมชั่นต่าง ๆ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคให้คุ้นเคยกับโลกออนไลน์มากขึ้น ลูกค้าเริ่มกลับมาซื้อบ่อยขึ้น มีลูกค้ารายใหม่มากขึ้น

หนึ่งในโฟกัสหลักของ LazMall ในปีนี้ คือ การเพิ่มจำนวนแบรนด์ ในช่วงโควิด-19 ไม่กี่เดือน มีการเพิ่มจำนวนแบรนด์มากขึ้นเกือบ 3 เท่า พอแบรนด์ที่เข้ามาแล้วมี Success Case ก็มีแบรนด์ที่อยู่ในธุรกิจใกล้ ๆ กันก็อยากเข้ามา ยกตัวอย่าง แบรนด์ในกลุ่มของ Premium Mall ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีราคาสูง และมีภาพลักษณ์แบรนด์ ซึ่งตอนแรกลังเลที่จะเข้ามา แต่เข้ามาแล้วพบว่ามีฐานลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงบน LazMall ทำให้มีแบรนด์อื่นตามเข้ามา

“โควิด-19 ทำให้แบรนด์เข้ามาเปิดร้านบน LazMall มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม เรายังมุ่งหน้าเพิ่มจำนวนแบรนด์ เพื่อนำเสนอสินค้าที่หลากหลายให้ลูกค้า และเร็ว ๆ นี้จะมีแบรนด์ที่ใหญ่มากมาเปิดร้านบน LazMall ซึ่งได้เปิดร้านไปแล้วในต่างประเทศ แบรนด์ที่จะมาเปิดร้านบน LazMall จะต้องเป็นเจ้าของแบรนด์ หรือเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ”

ในอีกกลุ่ที่ค่อนข้างโฟกัสในปีที่ผ่านมาคือ กลุ่มแฟชั่น ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมามีการเปิดตัว Thai Designer Club เป็นแบรนด์ไทยที่เป็น Premium Brand อาทิ Asava ซึ่งตอนนี้มี 50 แบรนด์แล้ว เป็นการดึงฐานลูกค้าแฟชั่นเข้ามาที่ LazMall เพราะแบรนด์เหล่านี้มีฐานลูกค้าประจำ ฐานลูกค้าที่เป็น KOL (Key Opinion Leader) ที่มีคนติดตามเยอะ ตรงนี้เป็นการเพิ่ม Awareness ให้กับ LazMall ด้วยว่าเป็น Fashion Destination

มูลค่าในการจ่ายเพื่อซื้อสินค้า (Basket Size) บน LazMall กับลูกค้าบนน Lazada ขึ้นกับประเภทสินค้า หากเป็นสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะไม่ต่างกันมาก แต่หากเป็นสินค้าแฟชั่น การจับจ่ายใช้สอยโดยเฉลี่ยของลูกค้าบน LazMall จะสูงกว่า Lazada ประมาณ 30% ส่วนสินค้าความงามแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ Premium Beauty จะมี Basket Size ใหญ่กว่า Lazada เกือบ 2 เท่า และกลุ่มที่เป็น Mass Beauty ขนาดของมูลค่าในการจ่ายเพื่อซื้อสินค้าจะใกล้เคียงกัน

ไม่กี่เดือนที่ผ่านมามีการปรับปรุง LazMall ทั้งหมดเพื่อที่จะให้ Look and Feel มีความใก้ลเคียงกับห้างสรรพสินค้ามากขึ้น

จะมี Engagement Tools ต่าง ๆ ที่ให้แบรนด์สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น อาทิ Brand Placement มีลูกเล่นมากมายให้แบรนด์สามารถมีไอคอนต่าง ๆ ได้เพื่อทำให้เป็น Flagship Store ของแบรนด์”

บริษัทมีงบการตลาดเพื่อทำให้ลูกค้ารู้จัก LazMall มากขึ้น อาทิ แคมเปญ 11.11 จะมี Cash Back 5% ให้กับสินค้าบน LazMall ทุกชิ้น และมีปุ่ม Follow หากใคร Follow จะได้ Voucher เพื่อซื้อสินค้าใน LazMall

นอกจากนี้ ยังมีการใช้ Data Intelligence ซึ่งเข้ามาดูข้อมูลเชิงลึกของแต่ละแบรนด์เลยว่าฐานลูกค้าเป็นอย่างไร กลับมาซื้อบ่อยขนาดไหน ลูกค้าที่ซื้อสินค้าครั้งแรกซื้อสินค้าอะไร เวลากลับมาซื้ออีก ซื้ออะไร ซื้อที่ราคาเท่าไร เป็นต้น ซึ่งนำข้อมูลเหล่านี้ไปทำงานร่วมกับแบรนด์ เพื่อนำเสนอโปรโมชั่นต่าง ๆ ให้ตอบโจทย์ทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าที่อยากให้กลับมาซื้อซ้ำ

และมีระบบหลังบ้านเรียกว่า Business Advisor เป็น Dashboard ที่เป็นเรียลไทม์ แบรนด์สามารถเข้ามาดูได้เลยว่าเวลานี้มีคนเข้ามาดูสินค้ากี่คน ดูอะไรบ้าง และมี Conversion เท่าใด ช่วยให้แบรนด์วางแผนได้ว่าสินค้าอะไรน่าจะขายดี หรือขายไม่ดี ราคาไหนคือราคาที่เหมาะสม

ในส่วนของ Logistic จะมี Fulfillment by Lazada (FBL) ซึ่งหลายแบรนด์ได้มาใช้คลังสินค้าของ Lazada ทำให้สินค้าไปถึงมือผู้บริโภคในเวลาที่รวดเร็ว

“กลยุทธ์การเพิ่มฐานลูกค้าของ LazMall มาจากทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าจาก Lazada ในช่วง Mega Campaign จำนวนลูกค้าที่เข้ามาซื้อที่ LazMall จะใหญ่กว่าลูกค้าทั่วไปบน Lazada เพราะเป็นแคมเปญที่ใหญ่มาก และแบรนด์มาทำโปรโมชั่น คนก็อยากซื้อตรงจากแบรนด์”

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ