ผู้บริหาร กรุงศรี ฟินโนเวต เผยผ่าน “Finnovate Update” รายการใหม่ล่าสุดของกรุงศรี ฟินโนเวต ที่จะมาอัปเดตผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของบริษัท แผนงานในอนาคต และเป้าหมายของบริษัทที่ต้องการบรรลุให้สำเร็จ
โดย แซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด ให้ข้อมูลว่า Krungsri Finnovate ทำให้กรุงศรีเป็นธนาคารที่ทำงานร่วมกับสตาร์ตอัพมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยทำงานกับสตาร์ตอัพกว่า 72 บริษัท กว่า 122 โปรเจกต์ และส่งเสริมการทำงานด้านดิจิทัลของกรุงศรีและบริษัทในเครือถึง 38 หน่วยธุรกิจ ปัจจุบันลงทุนไปแล้ว 18 บริษัท มีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 5,000 ล้านบาท
บริษัทฯ ได้ตั้ง Finnoventure Private Equity Trust 1 กองทุนมูลค่า 3,000 ล้านบาท กองแรกในไทยที่มุ่งลงทุนในสตาร์ตอัพและเปิดให้นักลงทุนรายบุคคล (UI) ได้ร่วมลงทุน แต่ทุ่มกว่า 1,000 ล้านบาท ลงทุนในสตาร์ตอัพไทยด้าน DeFi ผ่านกองทุน Finnoverse โดยเป้าหมายเพื่อผลักดัน FinTech Startup ให้เติบโตสู่ยูนิคอร์น
โฟกัส FinTech, E-Commerce Tech และ Automative Tech
แซม ตันสกุล เริ่มต้นในรายการ โดยเปิดเผยว่า “Krungsri Finnovate ได้ลงทุนในสตาร์ตอัพมาได้ 5 ปีแล้ว จนหลาย ๆ คนเริ่มถามว่า ในพอร์ตการลงทุนของเรามียูนิคอร์นอยู่แล้วถึง 2 บริษัท ไม่ว่าจะเป็น Flash Express และ Grab ซึ่งมีความน่าสนใจมาก และนำมาสู่คำถามที่นักลงทุนหลาย ๆ คนเริ่มถามว่า ถ้าอยากจะร่วมลงทุนกับสตาร์ตอัพเหล่านั้นด้วย ต้องทำอย่างไร
นี่จุดเริ่มต้นที่ทำให้ Krungsri Finnovate กลับมาพิจารณาถึงรูปแบบและความเป็นไปได้ ว่าจริง ๆ แล้ว เราไม่จำเป็นต้องลงทุนเองรายเดียว แต่สามารถสร้างการลงทุนร่วมได้ นำมาสู่การสร้างโมเดลการลงทุนในรูปแบบ Private Equity หรือการรวบรวมเงินทุนจากลูกค้าสถาบันรายใหญ่และลูกค้า Private Banking ของธนาคารมาร่วมลงทุนด้วยกัน มีมูลค่าเกือบ 3,000 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าดังกล่าวมีส่วนที่ Krungsri Finnovate ร่วมลงทุนอยู่ด้วยที่ 500 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังได้พันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าง OR ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สยามราชธานี ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ ซึ่งเป็นกลุ่มของมาม่า และยังมี NTT Data ที่เป็น Global Tech จากทางญี่ปุ่นมาร่วมลงทุน เราเรียกกลุ่มนักลงทุนเหล่านั้นว่าเป็น ‘Avengers’
ผลจากการร่วมลงทุนของ Krungsri Finnovate และกลุ่ม Avengers บวกกับทุนจากนักลงทุนในกลุ่ม Private Banking ส่งผลให้ปัจจุบัน มีเงินทุน 3,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนในกิจการสตาร์ตอัพทั้งไทยและอาเซียน โดยมีเป้าหมายในการสนับสนุนให้สตาร์ตอัพที่มีศักยภาพเหล่านั้นโตไปเป็นยูนิคอร์นไปด้วยกัน
สำหรับกองทุน Private Equity นี้หลัก ๆ จะเลือกลงทุนใน 3 ด้านคือ 1. FinTech 2. E-Commerce Tech และ 3. Automative Tech ซึ่งกองทุนนี้จะถูกรู้จักในชื่อ “Finnoventure Fund’
ให้สตาร์ตอัพ ช่วยองค์กรทำงานด้านเทคโนโลยี
แซม เล่าต่อว่า “นอกจากเรื่องของการจัดตั้งกองทุนแล้ว ยังมีในส่วนของการทำโปรเจกต์ความร่วมมือระหว่างกรุงศรีกรุ๊ป กับสตาร์ตอัพด้วย ซึ่งปัจจุบันมีหน่วยงานในกรุงศรีกรุ๊ปถึง 38 หน่วยงานแล้วที่ได้ร่วมทำงานกับสตาร์ตอัพ โดยมีทีมกรุงศรี ฟินโนเวต เป็นผู้นำเสนอและจับคู่ให้
ปัจจุบันหน่วยงานต่าง ๆ เองเล็งเห็นว่าการทำงานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี หากจะกระโดดมาลงมือทำเองต้องใช้ทั้งเวลาและต้นทุนที่สูงมาก ในทางกลับกัน หากเลือกทำงานร่วมกับสตาร์ตอัพ ก็จะช่วยลดทอนในเรื่องของทั้งต้นทุนและเวลา อาจจะใช้เวลาเพียง 3-6 เดือน ก็สามารถเริ่มโปรเจกต์ใหม่ หรือโซลูชันใหม่ได้
ขณะที่สตาร์ตอัพเองมี Mindset พร้อมลุย พร้อมที่จะต่อยอด ปัจจัยเหล่านี้จึงเป็นที่มาของความสำเร็จในวันนี้ ที่เราได้ทำงานร่วมกับสตาร์ตอัพมากมายกว่า 72 บริษัท กับอีก 122 โปรเจกต์ เรียกได้ว่าเราทำงานกับสตาร์ตอัพมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของทีมงาน Krungsri Finnovate’
ดัน 5 สตาร์ตอัพไทย สู่ระดับยูนิคอร์น
แซม เผยเพิ่มเติมถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้และต้องการบรรลุเป้าหมายให้สำเร็จว่า “ปัจจุบัน จากทั้งหมด 18 กิจการสตาร์ตอัพที่กรุงศรี ฟินโนเวตได้ลงทุนไป มีสตาร์ตอัพที่เป็นยูนิคอร์นแล้ว 2 ราย ขณะที่อีก 5 สตาร์ตอัพไทยกำลังเตรียมตัวทำ IPO
สิ่งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเรามี Track record ที่ดี เราดูแลสตาร์ตอัพในพอร์ตของเราอย่างดี โดยไม่ใช่แค่เพียงเข้าไปลงทุนอย่างเดียว แต่ยังพร้อมสนับสนุนและช่วยเหลืออย่างจริงใจ และคิดเสมอว่าจะเข้าไปช่วยแก้ปัญหาธุรกิจให้สตาร์ตอัพเหล่านั้นได้อย่างไร
ดังนั้น เราจึงไม่ได้เป็น Passive investor แต่เราเป็น Active investor นั่นเอง
นอกจากนี้ เรายังพยายามหาทางต่อยอดธุรกิจสตาร์ตอัพกับกรุงศรีกรุ๊ป และ Investor ในกลุ่ม Avengers ดังนั้น Krungsri Finnovate และ Avengers พร้อมที่จะผลักดันให้สตาร์ตอัพเหล่านั้นเติบโต โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่า เราจะมี 5 ยูนิคอร์นที่เราสร้างเอง เหมือนกับ Flash ที่เราเลือกลงทุนตั้งแต่ยังไม่เป็นยูนิคอร์น และในที่สุดก็สามารถขึ้นมาเป็นยูนิคอร์นได้ นี่คือเป้าหลักสำคัญของเรา”
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เอเปค 2022 …. ฝันเห็นโลกสีเขียว
LINE MAN Wongnai เผย Roadmap หลังระดมทุนซีรีส์ B พุ่งเป้าอัปเกรด Tech Team
