TH | EN
TH | EN
หน้าแรกTechnologyคลาวด์ มาร์เก็ตเพลส เพิ่มโอกาส เสิร์ฟซอฟต์แวร์ ป้อนตลาดทั่วโลก

คลาวด์ มาร์เก็ตเพลส เพิ่มโอกาส เสิร์ฟซอฟต์แวร์ ป้อนตลาดทั่วโลก

คลาวด์ มาร์เก็ตเพลส ตลาดที่นำผู้ขายและผู้ซื้อ SaaS มาพบกัน กลายเป็นตัวเร่งให้เกิดการซื้อขายซอฟต์แวร์ได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น จากการที่บริษัท SaaS จะเข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อระดับองค์กรจำนวนมาก เพิ่มโอกาสการซื้อขายมูลค่ามหาศาลจากทั่วโลก ปัจจุบันมีผู้เล่นรายใหญ่ 3 ราย คือ Amazon Web Services (AWS), Microsoft Azure และ Google Cloud Platform (GCP) ยังไม่รวมตลาดกลางซื้อขายซอฟต์แวร์เฉพาะด้านขนาดเล็กลงมา

อัตราการเติบโตของการใช้จ่ายด้านไอทีทั่วโลกเป็นปัจจัยหนุนที่สำคัญ ซึ่งตามคาดการณ์ของการ์ทเนอร์ ระบุว่าการใช้จ่ายด้านไอทีทั่วโลกจะมีมูลค่ารวม 4.4 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ (2565) หรือเพิ่มขึ้น 4% จากปี 2564 และการใช้จ่ายด้านซอฟต์แวร์จะเพิ่มขึ้น 9.8% เป็น 6.749 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนบริการด้านไอทีจะเติบโต 6.8% เป็น 1.3 ล้านล้านดอลลาร์

การตัดสินใจซื้อซอฟต์แวร์ของผู้ซื้อทั่วโลกจะเร็วขึ้น โดย 85% ของผู้ซื้อทั้งหมดใช้เวลาน้อยกว่า 6 เดือนจากปกติใช้เวลาตัดสินใจนานเป็นปี ซึ่งการเข้าซื้อซอฟต์แวร์ผ่านแอป สโตร์ทำให้การซื้อสะดวกมากขึ้น ซึ่ง 17% ของการซื้อซอฟต์แวร์จะทำผ่านคลาวด์ มาร์เก็ตเพลส และภายในปี 2567 คลาวด์ มาร์เก็ตเพลส จะเป็นช่องทางหลักในการจัดซื้อซอฟต์แวร์การดำเนินงานโครงสร้างพื้นฐาน

ภายในปี 2568 การติดต่อการขาย B2B ระหว่างซัพพลายเออร์และผู้ซื้อจะเกิดขึ้นในช่องทางดิจิทัล 80% ในช่วงที่เกิดโควิด การค้าแบบอี-คอมเมิร์ซ เติบโตแบบทวีคูณ ไม่มีสัญญาณของการชะลอตัว เนื่องจากผู้ซื้อยังคงมองหาช่องทางดิจิทัลที่สะดวกยิ่งขึ้น 

ส่วนข้อมูลจากฟอร์เรสเตอร์ ระบุด้วยว่า ภายในปี 2566 การใช้จ่ายแบบ B2B มูลค่า 13 ล้านล้านดอลลาร์จะไหลเข้าสู่คลาวด์ มาร์เก็ตเพลส

ขณะที่ ไอดีซี ชี้ว่าปี 2565 การซื้อเอ็นเตอร์ไพร์ซซอฟต์แวร์ 30% จะเป็น SaaS และปี 2573 การใช้งานซอฟต์แวร์ขององค์กร 80% จะเป็น SaaS โดยคลาวด์จะช่วยให้บริษัทเหล่านี้ Transform ได้เร็ว ดังนั้น SaaS จึงเป็นโอกาสขนาดใหญ่ของบริษัทซอฟต์แวร์ ซึ่งการขายจะไม่ปิดกั้นเฉพาะในประเทศ แต่เกิดขึ้นได้ทั่วโลก

เมื่อใดก็ตามที่ก้าวเข้าไปอยู่บนคลาวด์ มาร์เก็ตเพลส บริษัทต้องพร้อมให้บริการลูกค้าจากทั่วโลก เพื่อช่วงชิงโอกาสให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะลูกค้าฝั่งสหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรปที่ครองสัดส่วนตลาดสูงสุด

APN หนุนคู่ค้า AWS

สแตนลีย์ ชาน หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรเทคโนโลยี ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก อะเมซอน เว็บ เซอร์วิส (AWS) กล่าวว่า AWS มีโปรแกรม AWS Partner Network (APN) ที่เป็นโครงการสนับสนุนคู่ค้าทั่วโลก (The Global Partner Program) สำหรับการให้บริการต่างๆ ที่สร้างบน AWS โดยมีแค็ตตาล็อกดิจิทัลที่รวบรวมซอฟต์แวร์โซลูชันระดับโลกกว่าพันรายการจากผู้ซอฟต์แวร์อิสระ (Independent Software Vendor: ISV) เป็นมาร์เก็ตเพลสที่มีลูกค้านับแสนรายจากทั่วโลกอยู่ในตลาดนี้

แค็ตตาล็อกดิจิทัลดังกล่าวได้รับการดูแลจัดการจาก AWS ทำให้องค์กรต่าง ๆ ค้นหา จัดซื้อ ให้สิทธิ์ จัดเตรียม และควบคุมซอฟต์แวร์ third-party เพื่อใช้จริงได้อย่างง่ายดาย ช่วยให้เกิดการขายทั่วโลก

ดังนั้น บริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ที่อยู่บนมาร์เก็ตเพลสจึงมีโอกาสเติบโตในต่างประเทศ ให้บริการ SaaS แก่ลูกค้าทั่วโลก ซึ่ง 90% ของบริษัทท็อป 100 เลือกใช้โปรแกรมจากบริษัทที่อยู่มาร์เก็ตเพลส

ล่าสุด เอมิตี้ (Amity) ได้เป็นเทคคอมพานีรายแรกของประเทศไทยเข้าไปอยู่ในรายการของ AWS Marketplace

ทั้งนี้ เอมิตี้ คือบริษัทสตาร์ทอัพผู้พัฒนาและจัดจำหน่ายซอฟต์แวร์อิสระ (ISV) เป็นผู้บริการแพลตฟอร์มเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมทางสังคม (social engagement platform) แบบเต็มรูปแบบที่ช่วยให้บริษัทหรือองค์กรต่าง ๆ บูรณาการโซเชียลฟีเจอร์ (social features) เข้ากับแอปพลิเคชันที่มีขององค์กรได้อย่างง่ายดาย จากการเป็นคู่ค้าด้านเทคโนโลยีที่ใช้บริการคลาวด์ของ AWS 

AWS มีบริการและเครื่องมือที่ครอบคลุมและหลากหลาย ได้แก่ คอนเทนเนอร์ ฐานข้อมูล และแมชชีนเลิร์นนิ่ง สนับสนุนสตาร์ทอัพเจ้าของซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์โดยใช้เครื่องมือหลายแบบ สนับสนุนด้านเทคโนโลยี ช่วยแนะนำ และนำเข้าสู่ตลาด การทำงานร่วมกับบริษัทซอฟต์แวร์เพื่อให้มั่นใจว่าได้สร้างซอฟต์แวร์ที่ทันสมัย ปลอดภัย มีเสถียรภาพ เติบโตได้ แนะช่องทาง วิธีการนำเสนอขาย การคิดราคา ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ เช่น ระบบสมาชิก ขายเป็นเมกะไบต์ เปย์ เปอร์ ยูส และอื่นๆ สร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าที่ซื้อไปใช้งานว่ามีระบบสนับสนุนหลังการขาย โดยการจัดงานต่างๆ หลายงานขึ้นช่วยให้สัมผัสลูกค้าและโปรโมตผลิตภัณฑ์ได้ เช่น งานอีเวนต์ งานสัมมนา งานออนไลน์ 

เข้าอเมริกา-ยุโรปเร็วสุด

กรวัฒน์ เจียรวนนท์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) เอมิตี้ กล่าวว่า เราสร้างโปรดักส์ก็คิดสร้างระดับโลก เป็นเซ็กเตอร์ใหม่ที่ยังไม่มีคู่แข่ง โดยมองลูกค้าสหรัฐอเมริกาและยุโรปที่อัตราการเติบโต 700-800% ต่อปี ดังนั้น ปรัชญาการทำงานของบริษัทจะต้องเข้าตลาดดังกล่าวให้เร็วที่สุด เพื่อมั่นใจได้ว่าจะเป็น Vertical Leader ได้ ซึ่งการจะชนะต้องชนะตั้งแต่แรก

“ต้องใหญ่ในอเมริกาและยุโรปก่อน ไม่ลืมตลาดอาเซียนและไทยแน่ ซึ่งในเชิงธุรกิจ SaaS ต่างจากบริษัทเทคอื่นๆ เป็นธุรกิจที่มาร์จินเติบโตสูงมากกว่า 70% ลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ไปใช้จะซื้อยาว เป็นเซ็กเตอร์ที่ใหญ่กว่าตลาดคอนซูเมอร์ แต่ในประเทศไทยเกือบไม่มี SaaS”

ปัจจุบัน บริษัทต่างๆ ซื้อโซลูชัน Amity Social Cloud (ASC) ได้ทั่วโลกเพื่อสร้างฟีเจอร์ต่าง ๆ ทั้งแชต หรือวิดีโอสตรีมมิง ช่วยให้บริษัทต่างๆ รวมถึงนักพัฒนาสามารถเพิ่มโซเชียลฟีเจอร์แบบ plug-and-play ลงในแอปพลิเคชัน หรือแพลตฟอร์มดิจิทัลใดๆ ได้ง่าย ช่วยให้ทีมผลิตภัณฑ์และการตลาดสร้างชุมชน ขับเคลื่อนการมีส่วนร่วม สนับสนุนการรักษาลูกค้า ไปจนถึงสร้างรายได้

การได้เข้าไปอยู่ในรายการของ AWS Marketplace นับเป็นการเสริมความแข็งแกร่งในการเป็นคู่ค้าพันธมิตรร่วมกับ AWS

นอกจากนี้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Amity ยังได้เข้าร่วมโปรแกรม AWS ISV Accelerate เพื่อรับการสนับสนุนด้านการขายร่วมกันจาก AWS การเข้าถึงทรัพยากรต่างๆ ของกระบวนการที่เสริมสร้างให้ทำการขายได้ (sales enablement) ยิ่งขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือเพื่อเร่งกระบวนการหรือรอบการขาย (sales cycle) และโปรแกรมนี้ยังช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้ดีกว่าเดิม

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ