อาลีบาบา ร่วมมือกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ และ Thaitrade.com เปิดตัวโครงการ “Alibaba.com Pandemic Recovery Support Program” โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ของไทยในช่วงที่วิกฤติโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย
สตีเฟน คัว ผู้อำนวยการ Alibaba.com ประจำเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกตกอยู่ในความไม่แน่นอน แต่ขณะเดียวกัน ก็ทำให้ระบบเศรษฐกิจและผู้คนหันหน้าเข้าสู่โลกออนไลน์และดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งในส่วนของอาลีบาบาเองพบว่า ในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา จำนวนผู้ซื้อสินค้าทางออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก จนกล่าวได้ว่า อนาคตของการค้าดิจิทัลนั้นเป็นไปในทิศทางบวก
“การค้าแบบ B2B ทั่วโลกกำลังเปลี่ยนจากออฟไลน์มาเป็นออนไลน์ อาลีบาบา จึงค้นหาวิธีใหม่ ๆ เพื่อให้ผู้ค้าทั้งหลายได้มีช่องทางในการนำเสนอและจัดแสดงสินค้าของตนเพิ่มขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มความต้องการในการซื้อและทำให้ยอดขายสินค้าของผู้ค้าในอาลีบาบาเพิ่มสูงขึ้น และเพื่อช่วยให้ผู้ค้าสามารถสื่อสารกับผู้ซื้อทั่วโลกได้อย่างสะดวกมากขึ้น ซึ่งการจัดอบรมในครั้งนี้ ก็เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยได้เข้าใจ เห็นภาพ และใช้งานเครื่องมือบนแพลตฟอร์มอาลีบาบาได้อย่างเต็มที่” ผู้อำนวยการ Alibaba.com ประจำเอเชียแปซิฟิก กล่าว
ทั้งนี้ คัวกล่าวเพิ่มเติมว่า หลักสูตรสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยในครั้งนี้ ได้รับการออกแบบมาสำหรับการทำธุรกิจอี-คอมเมิร์ซโดยเฉพาะ และเปิดให้เข้าร่วมฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยระยะเวลาการอบรมจะมีเปิดให้เข้าร่วมจนถึงเดือนมีนาคม
ขณะที่ ซาแมนต้า สุริวัณ เติ้ง หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์และปฏิบัติการ Alibaba.com ประเทศไทย ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการว่า หลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรพิเศษที่ทางอาลีบาบาจัดทำขึ้นเพื่อผู้ค้าของอาลีบาบาโดยเฉพาะ โดยมีชื่อเรียกว่า Alibaba.com Seller Training E-Course (ASTE) โดยมีเป้าหมายหลัก 2 ประการคือ 1) ให้ผู้ค้าเข้าใจระบบการเทรดของอี-คอมเมิร์ซมากขึ้น และ 2) ให้ผู้ค้าสามารถใช้เครื่องมือได้อย่างเชี่ยวชาญมากขึ้น
สำหรับคอร์สเรียนออนไลน์ ASTE นี้ จะเป็นคอร์สอบรมวันเดียวจบ กินระยะเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็น 4 ส่วนหลัก ๆ ส่วนแรกจะเป็นการแนะนำปรับแนวคิดของผู้ประกอบการ ทำความเข้าใจระบบโลจิสติกส์ และโครงสร้างพื้นฐานบวกกับกลยุทธ์การเทรดแบบ B2B ออนไลน์
ส่วนที่ 2 คือ ทักษะต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการเทรดบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น การสอนจัดวางสินค้า การทำตัวอย่างสินค้า การรับคำสั่งซื้อสินค้า เป็นต้น ขณะที่ส่วนที่ 3 ก็คือวิธีการเริ่มต้นเทรดบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และส่วนที่ 4 ก็คือการเริ่มต้นเข้ามาเป็นผู้ค้ากับทางอาลีบาบา ซึ่งหมายรวมถึงการแนะนำระบบฟังก์ชันและการใช้งาน
“เดิมหลักสูตร ASTE นี้ของอาลีบาบาจะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยครั้งละ 300 เหรียญสหรัฐ แต่ครั้งนี้ เป็นโครงการพิเศษที่ทางอาลีบาบาเปิดรับให้เข้าร่วมอบรมได้ฟรี ภายใต้การสนับสนุนจาก DITP และ Thaitrade.com โดยอาลีบาบาจะแบ่งเป็น 3 รอบ ให้ผู้ที่สนใจเลือกลงทะเบียนผ่านทางเฟซบุ๊ก Alibaba.com Thailand“
เติ้งกล่าวว่า การอบรม 3 รอบนี้จะมีขึ้นในวันที่ 20 มกราคม, 3 กุมภาพันธ์ และ 3 มีนาคม ตั้งแต่เวลาประมาณ 14.00 – 17.00 น. ตั้งเป้ารับผู้เข้าร่วมอบรมคร่าว ๆ ที่รอบละหลักร้อย แต่ไม่เกินหลักพัน
ด้าน ภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กล่าวแสดงความยินดีกับความร่วมมือในครั้งนี้ โดยอาลีบาบา ถือเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ขนาดใหญ่ เฉพาะในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2021 ที่ผ่านมา ปริมาณซื้อขายสินค้าบนแพลตฟอร์มดังกล่าวทำมูลค่าได้สูงถึง 20,000 ล้านบาท ดังนั้น จึงเป็นโอกาสดีที่ผู้ประกอบการไทยจะสามารถใช้ประโยชน์และขยายช่องทางสร้างรายได้เพิ่มเติมจากแพลตฟอร์มอาลีบาบา
“การสัมมนาและฝึกอบรมจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะยกระดับทักษะความสามารถผู้ประกอบการไทยบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ให้สามารถเข้าถึงตลาดการค้าออนไลน์ระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากทีมงานมืออาชีพของอาลีบาบาดอทคอม และมั่นใจว่าองก์ความรู้เหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการชาวไทย” ภูสิตกล่าว
ขณะที่ทาง ฉันทพัทธ์ ปัญจมานนท์ ผู้อํานวยการสำนักตลาดพาณิชย์ดิจิทัล กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า นับตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิด-19 เป็นต้นมา ช่องทางออนไลน์ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกสำคัญที่กระทรวงพาณิชย์สนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยปรับเปลี่ยนเข้าหาในฐานะช่องทางการค้าใหม่ ๆ สู่ตลาดการค้าโลก
“ช่องทางออนไลน์กลายเป็นช่องทางการค้าใหม่ที่ผู้ซื้อผู้ขายมาเจอกัน และได้รับความนิยมอย่างมากในโลกยุคนิวนอร์มอล จนกลายเป็นความคุ้นชินในชีวิตประจำวันในการซื้อขายสินค้าออนไลน์ ที่ผ่านมาทางสำนักตลาดพาณิชย์ดิจิทัล ก็มีบริการออนไลน์แมทชิง ให้ผู้ขายชาวไทยและผู้ซื้อชาวต่างชาติมาเจรจาการค้ากัน ช่วยให้สามารถสร้างยอดขายเพิ่มเติมในปีที่ผ่านมาได้อีก 18,500 ล้านบาท” ฉันทพัทธ์ กล่าว ก่อนเสริมว่า การจัดอบรมโครงการของอาลีบาบาในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์และทำให้ผู้ประกอบการชาวไทยและผู้ที่สนใจมีความพร้อมกับการดำเนินการการค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น
ขณะเดียวกัน เนี่ยนสือ ฟัง หัวหน้าฝ่ายการตลาดและพัฒนาธุรกิจ Alibaba.com เสริมว่า ข้อมูลการศึกษาของอาลีบาบายืนยันได้ว่าการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเติบโตแบบก้าวกระโดดที่ผู้บริโภคทั่วโลกต่างหันมาสั่งซื้อสินค้าแทบทุกประเภทบนโลกออนไลน์ กระนั้น การเติบโตของอีคอมเมิร์ซถือเป็นกระแสที่มีมาก่อนโลกออนไลน์อยู่แล้ว ซึ่งสินค้าไทยที่ได้รับความนิยมสูงสุดบนแพลตฟอร์มของอาลีบาบาในช่วงปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าเกษตร ยานยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่ง อาหารและเครื่องดื่ม อุปกรณ์เครื่องเขียนและเครื่องใช้สำนักงาน สินค้าด้านสุขภาพและเวชภัณฑ์ สินค้าด้านความงามและการบำรุง แร่ธาตุและแร่โลหะ สินค้าด้านการรักษาความปลอดภัย และสินค้าในกลุ่มรองเท้าและเครื่องประดับตกแต่ง
อย่างไรก็ตาม เนี่ยนสือ ฟัง กล่าวว่า ผู้ประกอบการไทยอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในหมวดสินค้ายอดนิยมก็ไม่ต้องถอดใจแต่อย่างใด เพราะความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกมีหลากหลาย ดังนั้น การเปิดโอกาสด้วยการพาตัวเองเข้าสู่โลกออนไลน์ จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ไม่ควรพลาด
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
กรุงไทย แนะธุรกิจเกษตรและอาหาร เร่งปรับตัวรับเทรนด์ Net Zero