ในงาน CEBIT ASEAN Thailand 2020 โตชิบา ได้เปิดตัวโซลูชันป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์สำหรับภาคอุตสาหกรรม อาทิ โซลูชันด้านความปลอดภัยสำหรับระบบควบคุม CYTHEMIS™, CyberX, WaterFall และ Meister Series ตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้าภาคอุตสาหกรรมระบบพลังงาน ระบบการบำบัดน้ำ และ อุตสาหกรรมการผลิต
-‘ดิสรัปเตอร์’ ในช่วงโควิด-19 เพิ่มโอกาสทำธุรกิจให้กับอุตสาหกรรมหลักในอาเซียน
-5G สร้างมูลค่าใหม่ให้ภาคอุตสาหกรรม เปิดโอกาสการเติบโตใหม่ทางธุรกิจ
ทาคาชิ อามาโนะ ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ บริษัท โตชิบา คอร์ปอเรชั่น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยของข้อมูล บริษัท โตชิบา ดิจิทัล โซลูชันส์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ปัจจุบันการโจมตีทางไซเบอร์เพิ่มมากขึ้นทั่วโลก และซับซ้อนมากขึ้น มีทั้งภัยคุกคามที่รู้จักและไม่รู้จัก องค์กรต้องปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานใหม่จากการเฝ้าระวังเป็นการป้องกันในเชิงรุก ซึ่งประเทศไทยถือเป็นตลาดเป้าหมายที่สำคัญแห่งหนึ่งของโตชิบาในการขยายธุรกิจ โซลูชันด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
คนอาจจะคุ้นเคยกับการโจมตีทางไซเบอร์ที่เข้ามาทำขโมยข้อมูลในเซิร์ฟเวอร์เพื่อเรียกค่าไถ่ อย่างพวก Ransomware แต่กับการโจมตีโรงงานอุตสาหกรรมจะโจมตีอีกรูปแบบหนึ่ง คือ การโจมตีไปที่ฮาร์ดแวร์ หรือเครื่องจักรโดยตรง เช่น ทำให้เครื่องหยุดทำงาน หรือกรณีโจมตีโรงงานไฟฟ้าก็อาจจะทำให้ไฟดับทั้งเมืองได้เช่นกัน
“โตชิบา มีองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านการผลิตมากว่า 140 ปี เรามีความรู้ด้าน Information Technology (IT), Operational Technology (OT) และ ผลิตภัณฑ์ (Product) มานาน ซึ่งเราสามารถส่งมอบโซลูชันที่สนับสนุนได้ในทุกรูปแบบ และเต็มรูปแบบ (Full Services)”
ทาคาชิ กล่าวต่อว่า การผสมผสานความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีโลกไซเบอร์และเทคโนโลยีกายภาพเข้าด้วยกัน จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม โตชิบาพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเข้มแข็งแก่ระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในประเทศไทย ให้มีความทนทานหรือยืดหยุ่นต่อการถูกโจมตี (Cyber Resilience) ในลักษณะต่าง ๆ
เปิดตัวโซลูชัน เพื่อป้องกันเครื่องจักรถูกโจมตี
ในงาน CEBIT ASEAN Thailand 2020 โตชิบา ได้โชว์เทคโนโลยีที่ช่วยลดความเสี่ยงทางไซเบอร์ในระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและอุตสาหกรรม ซึ่งวางแผนจะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย อาทิ โซลูชันด้านความปลอดภัยสำหรับระบบควบคุม CYTHEMIS™, CyberX, WaterFall และ Meister Series ซึ่งรองรับการทำงานแบบเรียลไทม์ ทั้งการแสดงผลข้อมูล การตรวจจับภัยคุกคาม และการแจ้งเตือน รวมถึงการส่งผ่านข้อมูลทางเดียวจากระบบเทคโนโลยีเชิงปฏิบัติงาน (OT) ไปสู่ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานและภาคอุตสาหกรรมที่มีการนำเทคโนโลยี IoT เข้ามาใช้
ทาคาชิ กล่าวว่า โซลูชันดังกล่าวสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของลูกค้าแต่ละราย ใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือน สำหรับการดำเนินการติดตั้งระบบ ขึ้นอยู่กับขนาดของอุตสาหกรรม
โดยโซลูชันจะเข้ามาป้องกันครอบคลุมในส่วนของ เครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรม (Industrial Infrastructure Network Configuration) ทั้งหมด ตั้งแต่ “เครือข่ายข้อมูล” ที่อยู่บนอินเทอร์เน็ต จะมีระบบป้องกับข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ไปที่เซิร์ฟเวอร์ ไปจนถึง “เครือข่ายควบคุมภายใน” จะมีระบบรักษาความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องจักรต่าง ๆ หรืออุปกรณ์ IoT ภายในโรงงาน
ทั้งนี้ โตชิบา ตั้งเป้าจะเจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มแรกไปที่ อุตสาหกรรมระบบพลังงาน ระบบการบำบัดน้ำ และ อุตสาหกรรมการผลิต ด้านอุตสาหกรรม SMEs ทาคาชิ มองว่าเป็นกลุ่มลูกค้าที่ส่วนมากไม่มีทีมสำหรับการรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว จึงเป็นอีกกลุ่มที่ต้องการระบบเข้ามาช่วย เพราะความเสียหายที่เกิดจากการโจมตีมีมูลค่ามากกว่าการเลือกใช้โซลูชันเพื่อป้องกัน
“ลูกค้าสามารถเลือกบริการหลากหลายรูปแบบ เราสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ ซึ่งเราสามารถสนับสนุนลูกค้าได้แบบ End-to-End”
