TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessเดอะมอลล์กรุ๊ป จับมือ บิทคับ ตั้ง JV "บิทคับ เอ็ม" ดันไทยเป็นฮับสินทรัพย์ดิจิทัลภูมิภาคเอเชีย

เดอะมอลล์กรุ๊ป จับมือ บิทคับ ตั้ง JV “บิทคับ เอ็ม” ดันไทยเป็นฮับสินทรัพย์ดิจิทัลภูมิภาคเอเชีย

บริษัท เดอะ มอลล์ กรุ๊ป เครือค้าปลีกรายใหญ่ของไทย นำทัพเครือข่ายกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจทั้งจากภาครัฐและเอกชน ร่วมผนึกกำลังกับ บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลเบอร์หนึ่งของไทย กรุยทางสร้างประเทศไทยไปสู่การเป็นศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัลของภูมิภาคเอเชีย หวังดึงดูดนักลงทุนรุ่นใหม่เข้าประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจดิจิทัลและการท่องเที่ยวของไทย ด้วยการริเริ่มสร้างดิจิทัล คอมมูนิตี้ Bitkub M Social 

ศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร เดอะมอลล์กรุ๊ป ระบุว่า สถานการณ์ทางธุรกิจและเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ไม่ใช่โลกธุรกิจแบบเดิมที่รู้จักกันอีกต่อไป ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เข้ามา ดังนั้น การเดินหน้าเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศที่ได้รับผลกระทบจากทั้งวิกฤติโควิด-19 และดิจิทัล ดิสรัปชัน จึงไม่อาจใช้รูปแบบความคิดและกรอบการทำงานแบบเดิม ๆ ในการจัดการได้อีกต่อไป

ภายใต้ 3 ปัจจัยหลักสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยที่ต้องคำนึงถึง คือ 1) ความเป็นโลกยุคใหม่ไร้พรมแดน (Globalization) ที่ผู้คนเดินทางได้อย่างเสรี 2) การปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล (Digitalization) ที่หมายรวมถึงการไหลเวียนของข้อมูลหรือดาต้ามหาศาล และ 3) การท่องเที่ยวและการบริการรูปแบบใหม่ (Tourism) ที่หันไปมุ่งเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งส่วนใหญ่คือนักลงทุนรุ่นใหม่ และกลุ่มเศรษฐีใหม่ (New Wealth) ที่แจ้งเกิดจากการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ ศุภลักษณ์ อธิบายว่า เพราะการท่องเที่ยวเป็นจุดแข็งของไทย ดังนั้น การท่องเที่ยวจึงมีบทบาทอย่างมากในฐานะทางลัดสำคัญของการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย อีกทั้งกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่ตั้งเป้าให้เป็นกลุ่มนักลงทุนรุ่นใหม่ ทำให้ไทยจำเป็นต้องวางโครงสร้างขั้นพื้นฐานและระบบนิเวศที่เป็นมิตรต่อสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อดันให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวคุณภาพอีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลดีต่อห่วงโซ่ธุรกิจอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจค้าปลีก เอ็นเตอร์เทนเมนท์ โรงแรม สายการบิน เรือท่องเที่ยว เรือสำราญ โรงพยาบาล สุขภาพและความงาม ตลอดจนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

เคแบงก์ผนึก 5 รพ.รัฐพัฒนา Digital Healthcare Platform ให้คนไข้ เข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว

หมายเหตุ โควิด-19

การร่วมมือกับบิทคับครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดให้เป็นประเทศไทยเป็นฮับของเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาคเอเชีย โดยบิทคับคือตัวแทนของนวัตกรรมและโลกดิจิทัลยุคใหม่ ขณะที่เดอะมอลล์คือส่วนของคอนเทนต์ และประสบการณ์ ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างแบ่งปันความชำนาญของการและกันในการวางกลยุทธ์ที่จะช่วยขับเคลื่อนการสร้างระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อให้เศรษฐกิจดิจิทัลไทยสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และกลายเป็นสวรรค์ของนักลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลและการท่องเที่ยวต่อไป” ศุภลักษณ์ กล่าว

สำหรับความร่วมมือระหว่างเดอะมอลล์และบิทคับครั้งนี้ หมายรวมถึงการร่วมทุนจัดตั้ง บริษัทบิทคับ เอ็ม จำกัด (Bitkub M Company Limited) ในสัดส่วน 50:50 บริหารจัดการ Bitkub M Social หรือ ดิจิทัล คอมมูนิตี้แห่งแรกของไทย ซึ่งจะเป็นพื้นที่ให้ผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษา แลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงใช้เป็นสถานที่ในการจัดประชุมสัมมนาที่เกี่ยวข้องกับด้านเศรษกิจดิจิทัล การปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล 

นอกจากนี้  Bitkub M Social ยังจะให้การสนับสนุนการสร้างองค์ความรู้สำหรับสตาร์ตอัพ และการเป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ เป็นแหล่งพบปะนักลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ตลอดจนเป็นศูนย์กลางการเทรดและแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล ไปจนถึงการมี NFT Gallery เกมมิง และโลกเมตาเวิร์ส 

ศุภลักษณ์ กล่าวว่า Bitkub M Social จะเป็นโมเดลสำคัญในการช่วยส่งเสริมภาคธุรกิจ การลงทุน การพัฒนาบุคลากรทางด้านดิจิทัล สร้างงานสร้างอาชีพ ช่วยกระจายรายได้ และลดช่องว่างทางสังคม เลี่ยงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแบบ K-shape ที่ทำให้ความเหลื่อมล้ำในสังคมรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ไทยสามารถพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมได้มั่นคง และช่วยให้ไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางของสินทรัพย์ดิจิทัลระดับภูมิภาคเอเชียได้ไม่ยาก

สำหรับก้าวแรกของการเริ่มต้น ทางเดอะมอลล์ได้เชิญพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำเข้าร่วมด้วยส่วนหนึ่ง ครอบคลุมทุกธุรกิจสำคัญของไทยจากทั้งภาครัฐและเอกชน ประกอบด้วย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), สายการบินแอร์เอเชีย สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส โรงพยาบาลเกษมราษฏร์ (BCH) เครือโรงแรมดุสิตธานี อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ พร็อพเพอร์ตี้ และบริษัทฯ ในเครือ และ มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป คอร์เปอรชั่น (MGC-Asia) ซึ่งทั้งหมดให้การตอบรับและพร้อมที่จะสนับสนุนการสร้างชุมชนดิจิทัลแห่งแรก ๆ ของไทยในครั้งนี้ 

ด้าน จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้ง บิทคับ กล่าวว่า รอบการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีจะเกิดขึ้นทุก 10 ปี โดยปี 2000 คือคอมพิวเตอร์ ปี 2010 คืออินเทอร์เน็ต ปี 2020 คือสมาร์ทโฟน และปี 2030 คือเทคโนโลยีแบบองค์รวม ที่รวมเอานวัตกรรมอย่าง AI, VR, Blockchain, IoT และคลาวด์ ตลอดจนสินทรัพย์ดิจิทัล ขมวดรวมเข้าไว้ด้วยกัน ดังนั้น ทักษะที่สำคัญและจำเป็นที่สุดนับจากนี้ คือ ทักษะของการเรียนรู้และการปรับตัว คือรู้ให้เข้าใจและเท่าทันเทคโนโลยีกับปรับตัวที่จะประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมให้มาเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานและการใช้ชีวิต 

แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่โลกหันหน้าเข้าหาดิจิทัลมากขึ้น จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่จะได้เห็นเทคโนโลยีอย่างบล็อกเชนเข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงในแวดวงการเงินจนเกิดเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งจิรายุสเชื่อมั่นว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะกระจายไปสู่การยกระดับและเพิ่มมูลค่าให้กับแวดวงธุรกิจอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน 

การร่วมมือกับทางเดอะมอลล์ครั้งนี้ ไม่เพียงสร้างพื้นที่ส่วนกลางเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ด้านสินทรัพย์ดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังเป็นการพลิกโฉมครั้งสำคัญในการสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้ง เพราะจะมีการผสานทั้งการใช้กระเป๋าดิจิทัลในการแลกเปลี่ยนสินค้ากับทางเครือเดอะมอลล์กรุ๊ปได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น รวมถึงการให้โปรโมชั่น สิทธิพิเศษผ่านกลไกของ NFT ตลอดจนการนำเกมมาใช้เพิ่มช่องทางเชื่อมโยงกับลูกค้าเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายหรือจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย” จิรายุสกล่าว

ทั้งนี้ ด้วยกระแสของโลกที่มีกลุ่มมั่งคั่ง (New Wealth) กลุ่มใหม่ เพราะมีรายได้จากการลงทุนหรือการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ ๆ หรือเป็นผู้ที่ทักษะสามารถทำงานในบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ทำให้คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเป้าหมายที่น่าสนใจที่หลายฝ่ายเชื่อว่าจะเข้ามาช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจโลก โดยจิรายุส กล่าวว่า คนเหล่านี้สามารถทำงานที่ไหนก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องเข้าสำนักงาน (Digital Nomad) หรือเป็นคนหลากทักษะที่ทำงานให้หลายบริษัทในขณะเดียวกัน (Nano Entrepreneur) คนกลุ่มนี้มักมีกำลังซื้อค่อนข้างมาก และมีเวลาที่จะเดินทางไปพักผ่อนในต่างประเทศและทำงานไปด้วยเป็นระยะเวลานาน (Workation) 

“หากประเทศของเรามีโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี และภาคส่วนต่าง ๆ ที่พร้อมรองรับความต้องการและสร้างความสะดวกให้แก่ลูกค้ากลุ่มนี้ได้ ก็น่าจะช่วยเร่งให้เศรษฐกิจของไทยสามารถฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว และช่วยเพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยวของไทยที่จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหลังยุคโควิดแน่นอน” จิรายุส กล่าว 

จิรายุส ย้ำอีกว่า นอกจากประโยชน์ในการทำให้ธุรกิจค้าปลีกมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ด้วยการสร้างประการณ์การค้าและการใช้จ่ายที่สะดวกสบายมากขึ้นแล้ว การที่บิทคคับและเดอะมอลล์ยังเปิดพื้นที่ให้ความรู้ ยังมีส่วนสำคัญในการสร้างระบบนิเวศทางเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยให้แข็งแกร่งและยั่งยืน

สำหรับพื้นที่ดิจิทัล คอมมูนิวตี้ Bitcoin M Social นี้ มีขนาดกว่า 2,000 ตารางเมตร บริเวณชั้น 8-9 โซนฮีลิกซ์ ควอเทียร์ อาคารเอ ของ ดิ เอ็มควอเทียร์ ภายในประกอบด้วยศูนย์การเรียนรู้ อบรม สัมมนา ห้องประชุม NFT Gallery ร้านค้า คาเฟ่ และบาร์

ผู้สนใจสามารถสมัครเป็นสมาชิกที่แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักคือ LUNAR ค่าสมัคร 12,000 บาท/ปี, ZIRCRON ที่ 20,000 บาท/ปี และ EMERALD ที่ 50,000 บาท/ปี โดยสมาชิกEMERALD จะสามารถสมัครได้ก็ต่อเมื่อได้รับการเรียนเชิญแล้วเท่านั้น  

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ