Share on

[seed_social]

ถอดรหัส 3 โมเดลธุรกิจพลิก ‘ขยะอุตสาหกรรม’ สู่ ‘ขุมทรัพย์เศรษฐกิจหมุนเวียน’

ถอดรหัส 3 โมเดลธุรกิจพลิก 'ขยะอุตสาหกรรม' สู่ ‘ขุมทรัพย์เศรษฐกิจหมุนเวียน'

เมื่อ “ของเสีย” ไม่ได้เป็นเพียงปลายทางของการผลิต แต่คือ “จุดเริ่มต้น” ของโอกาสทางธุรกิจใหม่ เศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy ได้กลายเป็นพิมพ์เขียวสำคัญที่ภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกกำลังมุ่งหน้าไป แต่เส้นทางสายนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

The Story Thailand จะพาไปพบ 3 กรณีศึกษาที่ความท้าทายเกิดขึ้นจริงและนวัตกรรมเป็นคำตอบ ผ่านมุมมองของ 3 ผู้ประกอบการจาก 3 อุตสาหกรรมที่แตกต่าง แต่มีเป้าหมายเดียวกันคือการเปลี่ยน Waste ให้กลายเป็น Value นั่นคือ บริษัท อูเบะ เทคนิคอล เซ็นเตอร์ (เอเชีย) จำกัด ยักษ์ใหญ่เคมิคอลที่ท้าทายข้อจำกัดของไนลอนรีไซเคิล บริษัท ยูเนี่ยน เจ.พลัส (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลที่ต่อสู้กับปัญหาการปนเปื้อนจากต้นทาง และ บริษัท ไร้ท์ รีแอคติเวชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีฟื้นฟูสภาพที่เปลี่ยนของเสียจากกระบวนการให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

ความท้าทายที่แตกต่างบนเส้นทางเดียวกัน: เมื่อคุณภาพคือหัวใจ

แม้จะมาจากคนละอุตสาหกรรม แต่ทั้งสามบริษัทต่างเผชิญกับ Pain Point ร่วมกัน นั่นคือ คุณภาพและความสม่ำเสมอของวัตถุดิบรีไซเคิล ซึ่งเป็นกำแพงสำคัญที่ขวางกั้นการยอมรับในตลาด โดยโจทย์ท้าทายนี้ได้สะท้อนออกมาในรูปแบบที่แตกต่างกัน

รูปแบบแรกคือ โจทย์การทลายกำแพงการรับรู้ในตลาด ซึ่งเป็นภารกิจที่ บริษัท อูเบะ เทคนิคอล เซ็นเตอร์ (เอเชีย) จำกัด ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง จุฑาภรณ์ วิภาชนม์ หัวหน้าทีมเทคนิค กลุ่มผลิตภัณฑ์โพลิเอไมด์ ได้นำเสนอกรณีศึกษา ‘การออกแบบผลิตภัณฑ์จากวัสดุหมุนเวียนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก’ โดยชี้ให้เห็นปัญหาเชิงลึกว่า ตลาดมักมีภาพจำว่า “ของรีไซเคิลคุณภาพต้องด้อยกว่าและราคาต้องถูกกว่า” UBE จึงต้องทุ่มเทวิจัยและพัฒนาเพื่อพิสูจน์ว่า เม็ดไนลอนรีไซเคิล สามารถมีคุณสมบัติเทียบเท่าหรือดีกว่าเม็ดใหม่ (Virgin) ได้ ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแรงทนแรงกระแทก ความยืดหยุ่น หรือแม้กระทั่งการเพิ่มประสิทธิภาพในสายการผลิตของลูกค้า แต่ถึงกระนั้น ความผันผวนของคุณภาพวัตถุดิบที่รับเข้ามา ก็ยังคงเป็นความท้าทายที่ต้องใช้ทั้งเทคโนโลยีและการสร้างมาตรฐานที่เข้มงวดเข้าจัดการ

ในขณะที่ UBE ต้องต่อสู้กับภาพจำและความผันผวนเชิงคุณภาพ ความท้าทายของ บริษัท ยูเนี่ยน เจ.พลัส (ไทยแลนด์) จำกัด กลับเป็น สงครามความสะอาด ที่เริ่มต้นตั้งแต่ต้นน้ำ จิราภรณ์ แสงวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายควบคุมคุณภาพ ได้สะท้อนปัญหาอย่างตรงไปตรงมาผ่านกรณีศึกษา ‘การออกแบบกระบวนการและการควบคุมซัพพลายเชนเพื่อผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง’ ว่า “วัตถุดิบของเราก็คือขยะ” การปนเปื้อนของสิ่งสกปรก เช่น เจล หรือสติกเกอร์ คือตัวการสำคัญที่ทำให้คุณภาพของฟิล์มที่ผลิตได้ลดลง ซึ่งแม้จะพยายามแก้ปัญหาโดยการแจ้งให้ซัพพลายเออร์คัดแยกตั้งแต่ต้นทาง แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะยกระดับผลิตภัณฑ์สู่เกรดพรีเมียมหรือฟู้ดเกรด (Food Grade) ตามเป้าหมายที่วางไว้

หากแต่ความท้าทายในมิติที่ซับซ้อนยิ่งกว่า กลับเป็นปัญหาของเสียที่เกิดขึ้นจากกระบวนการฟื้นฟูภายในโรงงานของ บริษัท ไร้ท์ รีแอคติเวชั่น จำกัด (มหาชน) เอง โมเดลธุรกิจของพวกเขามีความน่าสนใจอย่างยิ่งในฐานะ “Regenerator” ไม่ใช่แค่ “Recycler” ซึ่ง ดร.ธานี เจิมวงศ์รัตนชัย รักษาการ กรรมการผู้จัดการ ได้อธิบายในกรณีศึกษา ‘การออกแบบกระบวนการฟื้นฟูถ่านกัมมันต์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเป็นวัสดุหมุนเวียน’ ว่า ธุรกิจของพวกเขาคือการ “ฟื้นฟูสภาพ” ถ่านกัมมันต์ (Activated Carbon) และตัวเร่งปฏิกิริยา (Catalyst) ที่ใช้แล้ว ให้กลับมาใช้งานใหม่ได้ แต่ปัญหากลับเกิดขึ้นในกระบวนการของตัวเอง นั่นคือ ผงคาร์บอนขนาดเล็ก (Under size) ที่ไม่ผ่านมาตรฐาน ซึ่งกลายเป็นของเสียที่ไม่สามารถนำกลับไปขายได้ และกลายเป็นโจทย์ที่ต้องหาทาง “หมุนเวียน” ทรัพยากรภายในโรงงานของตนเองให้ได้

บริษัท ไร้ท์รีแอคติเวชั่น จำกัด (มหาชน)

นวัตกรรมคือคำตอบ: เมื่อเทคโนโลยีและแนวคิดใหม่เข้ามาปลดล็อก

จากปัญหาที่เผชิญ ทั้งสามบริษัทได้ทำงานร่วมกับทีมที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญ เพื่อนำนวัตกรรมเข้ามาแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด ซึ่งแต่ละกรณีศึกษาสะท้อนแนวทางการใช้เทคโนโลยีและแนวคิดใหม่ที่น่าสนใจแตกต่างกันไป

ในกรณีของ UBE คำตอบเป็นการ ยกระดับไนลอนรีไซเคิลด้วยเทคโนโลยีและแฟชั่น ไปพร้อมกัน โดยไม่เพียงแต่ปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพของเม็ดไนลอนรีไซเคิลให้แข็งแกร่งและฉีดขึ้นรูปได้เร็วขึ้น (ลด Cooling Time) แต่ยังก้าวไปอีกขั้นด้วยการสร้างความร่วมมือที่น่าทึ่งกับแบรนด์แฟชั่นชั้นนำอย่าง PIPATCHARA เพื่อผลิตกระเป๋าจากเม็ดรีไซเคิล ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าวัสดุหมุนเวียนสามารถเข้าไปอยู่ในสินค้าแฟชั่นระดับสูงได้จริง นอกจากนี้ เพื่อแก้ปัญหาความผันผวนของวัตถุดิบ UBE ยังมีการนำเทคโนโลยี Machine Learning เข้ามาช่วยในการตรวจสอบคุณภาพ เพื่อลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการทดสอบวัตถุดิบแต่ละล็อต

ส่วนทางออกของ Union J. Plus คือการ เสริมเกราะป้องกันด้วยกระบวนการล้างและคัดแยกที่มีประสิทธิภาพ โดยเน้นการพัฒนา 2 จุดสำคัญไปพร้อมกัน ได้แก่ 1) การควบคุมซัพพลายเชนต้นน้ำ เพื่อให้มีการคัดแยกวัตถุดิบที่ดีขึ้น และ 2) การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการล้าง โดยใช้สารล้างชนิดพิเศษ (Detergent) เข้ามาช่วยขจัดสิ่งปนเปื้อนและลดปัญหาค่าเจลในผลิตภัณฑ์ ซึ่งองค์ความรู้ที่ได้จากโครงการนี้ จะถูกนำไปเป็นรากฐานสำคัญในการต่อยอดสู่สายการผลิตใหม่ที่มุ่งเป้าไปยังตลาดฟู้ดเกรดโดยเฉพาะ

ทว่านวัตกรรมที่ถือเป็นจุดเปลี่ยนอย่างแท้จริง คือการ สร้างมูลค่าใหม่จาก Waste สู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งเป็นหัวใจในความสำเร็จของ ไร้ท์รีแอคติเวชั่น โดยบริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยี การขึ้นรูป (Agglomeration) เพื่อนำผงคาร์บอนขนาดเล็กที่เคยถูกมองว่าเป็นของเสีย มาอัดเป็นเม็ดใหม่ที่มีความแข็งแรงเพียงพอที่จะสามารถกลับเข้าสู่กระบวนการใช้งานและฟื้นฟูสภาพได้อีกหลายรอบ นี่จึงไม่ใช่แค่การแก้ปัญหา Pain Point ที่มีอยู่ แต่คือการ “Upcycle” สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ และยังสามารถต่อยอดไปสู่การผลิตถ่านกัมมันต์จากวัตถุดิบธรรมชาติในประเทศ เพื่อลดการนำเข้าได้ในอนาคต

จากบทเรียนสู่ข้อเสนอแนะ: สร้าง Ecosystem เพื่อเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ยั่งยืน

ความสำเร็จของทั้งสามบริษัทไม่ได้จบลงแค่ในโรงงานของตัวเอง แต่ยังได้มอบมุมมองและข้อเสนอแนะสำหรับผู้ประกอบการรายอื่นที่ต้องการเดินบนเส้นทางสายนี้ โดยสะท้อนให้เห็นว่าการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ยั่งยืนต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติ

จุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดคือ การเปลี่ยนปรัชญาในการออกแบบ ซึ่งเป็นประเด็นที่ ดร.ธานี จาก ไร้ท์ รีแอคติเวชั่น ได้ฝากไว้อย่างน่าคิดว่า “ลูกค้าส่วนใหญ่มักคิดถึง Lifetime (อายุการใช้งาน) แต่ไม่ค่อยคิดถึง After life (ชีวิตหลังการใช้งาน)” ดังนั้น การออกแบบผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ต้นทางจึงเป็นหัวใจสำคัญ โดยต้องคำนึงอยู่เสมอว่าจะทำอย่างไรให้วัสดุสามารถนำกลับมาฟื้นฟูหรือรีไซเคิลได้ง่ายและมีคุณภาพสูงสุด

บริษัท อูเบะ เทคนิคอล เซ็นเตอร์ (เอเชีย) จำกัด

ทว่าผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาอย่างดีเยี่ยมก็ยังต้องการระบบนิเวศที่แข็งแกร่งมารองรับ ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของ คุณจุฑาภรณ์ จาก UBE ที่เน้นย้ำถึง ความร่วมมือตลอดทั้ง Value Chain เพราะการทำ Circular Economy ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากบริษัทใดบริษัทหนึ่งเพียงลำพัง แต่ต้องเกิดจากการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน ตั้งแต่ผู้ผลิตวัตถุดิบ ผู้แปรรูป ไปจนถึงเจ้าของแบรนด์และผู้บริโภค

และจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่สำคัญอย่างยิ่งในการเชื่อมต่อวงจรนี้ให้สมบูรณ์ คือบทบาทของผู้บริโภค ซึ่งเป็นมุมมองจาก คุณจิราภรณ์ แห่ง ยูเนี่ยน เจ.พลัส ที่เรียกร้องไปถึงจุดเริ่มต้นที่ใกล้ตัวที่สุด นั่นคือการแยกขยะอย่างจริงจัง เพราะหากวัตถุดิบต้นทางมีความสะอาดและคุณภาพดี ก็จะส่งผลให้ทั้งระบบสามารถผลิตสินค้าที่มีมูลค่าสูงขึ้น และท้ายที่สุดคือการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนที่แข็งแกร่งให้เกิดขึ้นได้จริงในประเทศไทย

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ภาคเอกชนเสนอสูตร ‘Unlock-Transform’ แก้ปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจไทย

KTC หนุน SME ส่งแอปฯ ‘KTC Merchant App’ รับชำระเงินครบวงจรค่าธรรมเนียมเริ่มต้น 1%

AXONS-AWS สร้างแอป ‘Farm One’ เพิ่มคุณภาพเกษตรกรไทยด้วย AgriTech

ผู้เขียน