Share on

[seed_social]

บล็อกเชน x นโยบายภาครัฐ สะพานเชื่อมเทคโนโลยี

บล็อกเชน x นโยบายภาครัฐ สะพานเชื่อมเทคโนโลยี

บล็อกเชนถูกมองว่าเป็นสะพานเชื่อมระหว่างเทคโนโลยีกับนโยบายภาครัฐ โดยมี Sandbox เป็นตัวช่วยทดสอบและขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลไทย

บล็อกเชนไม่เพียงเป็นเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูล แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพ การเสวนาครั้งนี้เน้นบทบาทของ Sandbox เป็นพื้นที่สำหรับการปรับปรุงและทดสอบนโยบายเพื่อให้เห็นผลลัพธ์จริงก่อนนำไปใช้อย่างเต็มรูปแบบ และย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน รวมถึงประชาชนในการพัฒนานวัตกรรมดิจิทัล

งาน Block Mountain 2025 เปิดเวทีเสวนาภายใต้ หัวข้อ “Bridging Policy and Technology: The Role of Blockchain in Modern Governance” รวบรวมวิทยากรผู้เชี่ยวชาญหลายท่านที่มาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับบทบาทของบล็อกเชนในการบริหารจัดการภาครัฐยุคใหม่

โดยมี นาวาอากาศตรี ศิธา ทิวารี อดีตนายทหารอากาศ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รศ.ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการฝ่ายแผนและยุทธศาสตร์องค์กร หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการ พัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม แห่งชาติ (สอวช.) ดร.ชินาวุธ ชินะประยูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ (กลุ่มงานส่งเสริมระบบนิเวศเศรษฐกิจ ดิจิทัล) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล depa ดร.ธรรม์ธีร์ สุกโชติรัตน์ ผู้เขียนหนังสือ Data Driven ใช้เป็นเห็นอนาคต และ CEO JIB Soft

บล็อกเชนถูกมองว่าเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่เปลี่ยนโลก

หากมองในบริบทของประเทศไทย อะไรคือปัญหา และบล็อกเชนจะสามารถช่วยแก้ปัญหานั้นได้อย่างไร

รศ.ดร.ปุ่น แสดงความคิดเห็น โดยชี้ให้เห็นว่า ศักยภาพของบล็อกเชนมีอยู่มาก แต่สิ่งที่เป็นอุปสรรคหลักคือ นโยบายที่ยังไม่สอดคล้องกับเทคโนโลยี รวมถึงความจำเป็นที่ทั้งสองฝ่ายต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

ในอดีต หลายคนมักเข้าใจว่าบล็อกเชนคือคริปโทฯ หรือสินทรัพย์ดิจิทัลเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วมีศักยภาพมากกว่านั้น ปัจจุบันความเข้าใจในเรื่องนี้เริ่มดีขึ้น แต่ยังมีความท้าทายในการนำไปปฏิบัติจริง เนื่องจากสิ่งที่พูดกับสิ่งที่เห็นในหน้างานจริงอาจไม่ตรงกัน

อีกหนึ่งข้อเสนอสำคัญคือการสร้าง Sandbox เพื่อทดลองและเรียนรู้ร่วมกันระหว่างภาครัฐและชุมชน หากต้องการให้รัฐเกิดความเชื่อมั่นต่อเทคโนโลยีนี้ จำเป็นต้องมีการทดลองจริง บนพื้นที่ที่ควบคุมได้ เพื่อดูว่ามีจุดไหนที่ติดขัดบ้างฃ

ความสำคัญของการนำบล็อกเชนไปใช้งานจริงและความจำเป็นของการสร้าง Sandbox

ดร.ธรรม์ธีร์ สุกโชติรัตน์

ดร.ธรรม์ธีร์ กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีบล็อกเชนมีความชัดเจน และได้รับการพิสูจน์แล้วในหลายกรณี ทั้งในระดับโลกและระดับประเทศ หลายอุตสาหกรรมได้มีการนำบล็อกเชนไปใช้งานจริงและแสดงให้เห็นถึงศักยภาพ เช่น อุตสาหกรรมการแพทย์ และอุตสาหกรรมหลักอื่น ๆ ของประเทศไทย แอปพลิเคชันบางอย่างที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเริ่มแสดงให้เห็นถึงข้อจำกัดในระดับโลกแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน บล็อกเชนต่างได้พิสูจน์ตัวเองผ่านหลายกรณีศึกษาว่าสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้จริง ไม่ว่าจะเป็นในด้าน การปรับปรุงการเข้าถึง การลดต้นทุน รวมไปถึงการจัดการโลจิสติกส์ และการเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายพันธมิตร

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ท้าทายจริง ๆ ในการนำบล็อกเชนไปใช้งานในประเทศไทยไม่ใช่เรื่องของเทคโนโลยีอีกต่อไป แต่คือเรื่องของ การดำเนินการจริง และ การนำไปปฏิบัติจริง เพราะการนำเทคโนโลยีมาใช้ไม่ได้ง่ายเหมือนกับการคัดลอกหรือปรับใช้จากประเทศอื่นแล้วนำมาใช้ในบริบทของไทยโดยตรง

เมื่อพูดถึงการใช้งานจริงในประเทศไทย ยกตัวอย่างอุตสาหกรรมที่บล็อกเชนสามารถเข้ามามีบทบาทสำคัญ เช่น การเกษตร โลจิสติกส์ และการศึกษาทางการเงิน โดยเฉพาะการช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับโครงการของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เริ่มนำ Retail Data มาใช้ในการพัฒนานโยบายและบริการทางการเงิน

ท้ายที่สุดสิ่งสำคัญคือ การเน้นเรื่องการนำไปปฏิบัติจริงและการดำเนินการ เราไม่สามารถปล่อยให้ภาครัฐทำงานนี้เพียงลำพังได้ ต้องเกิดความร่วมมือระหว่างหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชน เพื่อให้บล็อกเชนสามารถสร้างประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาประเทศไทยต่อไป

บล็อกเชนสามารถเข้ามาแก้ปัญหาอะไรในประเทศไทยได้บ้าง

นาวาอากาศตรี ศิธา แสดงความคิดเห็นโดยเน้นว่า “บล็อกเชนสามารถสร้างประโยชน์ได้หลากหลายด้าน โดยเฉพาะในการยืนยันข้อมูลและป้องกันการทุจริต”

หนึ่งในศักยภาพของบล็อกเชนคือ การยืนยันตัวตน ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการจัดเก็บข้อมูลประชาชนอย่างปลอดภัย เช่น การยืนยันตัวบุคคล การยืนยันข้อมูลสำคัญ รวมถึงการใช้ในกระบวนการสำรวจความคิดเห็นสาธารณะ หรือแม้แต่ในการรายงานการทุจริตภาครัฐอย่างโปร่งใส หากนำระบบบล็อกเชนมายืนยันตัวตนเป็นส่วนกลางของประเทศ ทำ KYC (Know Your Customer) จะสามารถรู้ได้ทันทีว่าข้อมูลที่ใช้อยู่นั้นเป็นจริง สิ่งนี้จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการข้อมูลประชาชน และสามารถต่อยอดไปถึงการจัดการระบบการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น เช่น อำเภอ ตำบล จังหวัด ได้อย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใสยิ่งขึ้น

นาวาอากาศตรี ศิธา ยังนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการสร้าง ธรรมนูญท้องถิ่น (Local Constitution) ที่สามารถปรับแต่งกฎหมายและนโยบายให้เหมาะสมกับบริบทเฉพาะของแต่ละพื้นที่ เช่น เชียงใหม่มีวัฒนธรรมแบบหนึ่ง นักท่องเที่ยวก็มีความต้องการแบบหนึ่ง เราอาจจะมีกฎหมายที่เหมาะสมกับพื้นที่นั้น ในขณะที่ภูเก็ตต่างมีความต้องการที่แตกต่างกัน สิ่งนี้จะช่วยให้การบริหารจัดการท้องถิ่นมีความยืดหยุ่นมากขึ้น แทนที่จะใช้กฎหมายชุดเดียวกันทั่วประเทศที่อาจไม่ตอบโจทย์ทุกพื้นที่

ต่อมามุมมองด้าน Sandbox ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือสำหรับการทดลองเทคโนโลยีใหม่ ๆ เท่านั้น แต่ยังเป็น พื้นที่สำหรับการปรับปรุงและทดสอบนโยบาย เพื่อให้เห็นผลลัพธ์จริงก่อนนำไปใช้อย่างเต็มรูปแบบ Sandbox ช่วยให้สามารถเว้นข้อจำกัดทางกฎหมายบางประการ เพื่อทดสอบว่าการปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์นั้นจะมีผลลัพธ์อย่างไรบ้าง

ปัญหาเชิงโครงสร้างของระบบราชการในประเทศไทย บล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนโลก แต่ปัญหาคือระบบราชการของเรายังไม่ปรับตัวให้เข้าใจโลกที่เปลี่ยนไป

นาวาอากาศตรี ศิธา กล่าวเสริมว่า การตัดสินใจในระดับนโยบายยังคงอยู่ในมือของกลุ่มคนที่อาจไม่ได้อัปเดตความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทำให้เกิดความล่าช้าในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล

บล็อกเชนไม่ใช่แค่เทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยในอนาคต แต่มันได้เปลี่ยนโลกไปแล้ว ความท้าทายจึงไม่ได้อยู่ที่การนำบล็อกเชนมาใช้ แต่คือ การปรับตัวของระบบราชการและผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ ให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะการทำความเข้าใจและสนับสนุนการใช้งาน Sandbox อย่างจริงจัง เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนในระดับประเทศ

นโยบายของภาครัฐไทยในการปรับตัวรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ถือว่าทำได้ดีหรือไม่ และถ้าต้องเพิ่มนโยบายเพื่อให้ดียิ่งขึ้น อยากเสนออะไรบ้าง

รศ.ดร.ปุ่น ตอบคำถามนี้ โดยเน้นถึงจุดแข็งของบล็อกเชนที่เกี่ยวข้องกับ การกระจายอำนาจ (Decentralization) ซึ่งช่วยลดการพึ่งพาการตัดสินใจจากส่วนกลาง และเปิดโอกาสให้ระบบอัตโนมัติ เช่น Smart Contracts และ AI สามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ หัวใจสำคัญของบล็อกเชนคือการสนับสนุนการกระจายอำนาจ (Decentralization) ซึ่ง Smart Contract เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างอัตโนมัติและโปร่งใส โดยไม่ต้องพึ่งการตัดสินใจจากหน่วยงานรัฐมากนัก การขับเคลื่อนนวัตกรรมดิจิทัลในไทยจำเป็นต้องมี ผู้บุกเบิกที่จะช่วยผลักดันและริเริ่มการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้อย่างจริงจัง ถ้าเราไม่มีคนที่กล้าลองสิ่งใหม่ ๆ พอโลกภายนอกเปลี่ยน เราจะไม่สามารถตามทันได้

ความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายภาครัฐในการสนับสนุนเทคโนโลยีใหม่ ๆ

ดร.ชินาวุธ ให้ความเห็นว่า ที่ผ่านมา “ภาครัฐมีความพยายามในการขับเคลื่อนนโยบายด้านเทคโนโลยี แต่ยังคงมีลักษณะเฉพาะแบบไทย ๆ ซึ่งอาจขาดความต่อเนื่องและความรวดเร็วในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง” ยกตัวอย่างโครงการต่าง ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามของภาครัฐ เช่น Destination Thailand Visa สำหรับ Digital Nomad ที่ถูกออกแบบมาเพื่อดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาทำงานในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัญหาในการนำไปปฏิบัติจริง เช่น ปัญหาการจัดการกับ Digital Nomad ที่กระจุกตัวอยู่ในบางพื้นที่ เช่น เชียงใหม่

ทั้งนี้ ในแง่ของการสนับสนุนเทคโนโลยีบล็อกเชน แม้จะมีความพยายามในการกำหนดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน เช่น นโยบายเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับการกำกับดูแลโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แต่กระบวนการสนับสนุนยังคงขาดความต่อเนื่องและไม่เข้มแข็งเพียงพอ

อย่างไรก็ตาม การพัฒนานโยบายควรเน้นไปที่การ เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนระดับโลก พร้อมทั้งสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่เอื้อต่อการเติบโตของนวัตกรรมใหม่ ๆ ภาครัฐจำเป็นต้องมุ่งเน้นไปที่การผลักดันนโยบายที่สร้างความต้องการในตลาดควบคู่กับการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันได้ทั้งในประเทศและเวทีระดับโลก ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยในอนาคต

การเสวนาครั้งนี้สะท้อนถึงความสำคัญของ การสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการขับเคลื่อนนวัตกรรมดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น บล็อกเชน และปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม ตอกย้ำถึงความจำเป็นในการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของนวัตกรรม โดยการสนับสนุนจากภาครัฐควรเน้นไปที่การเปิดโอกาสใหม่ ๆ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล และการส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในเวทีระดับโลก

ถ้าภาครัฐ เอกชน และประชาชนเข้มแข็ง ประเทศก็จะเติบโตต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม การที่จะสามารถเดินหน้าได้อย่างมั่นคงจำเป็นต้องได้รับการผลักดันและการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากภาครัฐ

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

8 ผู้เชี่ยวชาญฉายแนวคิด พลิกโฉมธุรกิจด้วย “เว็บไซต์” หัวใจสำคัญยุคดิจิทัล

WHA Group กางโรดแมพแผนธุรกิจ ตั้งเป้ารายได้ 5 ปีแตะ 150,000 ล้านบาท

ผู้เขียน