TH | EN
TH | EN
หน้าแรกThe MovementWorkday เผยองค์กรส่วนใหญ่ในไทย ยังล้าหลังเรื่องความคล่องตัวทางดิจิทัล

Workday เผยองค์กรส่วนใหญ่ในไทย ยังล้าหลังเรื่องความคล่องตัวทางดิจิทัล

รายงานผลการศึกษาตามที่ได้รับมอบหมายจาก Workday ผู้นำด้านเทคโนโลยีการเงินและทรัพยากรบุคคลสำหรับองค์กร ระบุว่า องค์กรส่วนใหญ่ในประเทศไทย (91%) ยังคงล้าหลังในเรื่องของความคล่องตัวทางดิจิทัล (Digital Agility) โดยจัดอยู่ในระดับที่ดำเนินการล่าช้าหรือกำลังวางแผน ซึ่งนับว่าสวนทางกับโอกาสในการเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล หรือดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน และการปรับใช้เทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาด  

ผลการศึกษาดังกล่าวยังพบอีกด้วยว่า ในแง่ของการสรรหาและดึงดูดบุคลากร ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรที่มีความชำนาญถือเป็นหนึ่งในปัญหาท้าทายที่สำคัญที่สุดสำหรับองค์กรไทย และเป็นอุปสรรคต่อการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น

รายงานดัชนีความคล่องตัวทางดิจิทัลของ IDC-Workday สำหรับเอเชีย-แปซิก ประจำปี 2565 (IDC-Workday Digital Agility Index Asia/Pacific 2022) ได้รับการจัดทำร่วมกับ IDC โดยมุ่งเน้นการสำรวจความก้าวหน้าขององค์กรต่าง ๆ ในเอเชีย-แปซิฟิก (APAC) ในส่วนที่เกี่ยวกับความคล่องตัวทางดิจิทัลนับตั้งแต่ที่เกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19  การศึกษาดังกล่าวเริ่มต้นเป็นครั้งแรกในปี 2563 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อประเมินและจัดอันดับองค์กรต่าง ๆ ตามดัชนี Digital Agility Index (DAI)  จากคะแนนที่ได้รับ องค์กรจะถูกระบุว่าอยู่ในกลุ่ม “ผู้นำด้านความคล่องตัว” (Agility Leaders) ถ้าหากองค์กรนั้น ๆ จัดอยู่ในระดับที่มีความคล่องตัว/มีการบูรณาการที่ดี  แต่ถ้าหากอยู่ในระดับที่ดำเนินการล่าช้า/กำลังวางแผน ก็จะจัดอยู่ในกลุ่ม “ผู้ตามด้านความคล่องตัว” (Agility Followers)

ไทยตกไปอยู่ที่อันดับ 9 ตามดัชนีความคล่องตัวทางดิจิทัล

จากผลการศึกษา พบว่า 9 ประเทศที่ได้รับการสำรวจในภูมิภาค APAC มีระดับความก้าวหน้าด้านความคล่องตัวทางดิจิทัลที่แตกต่างกัน สำหรับองค์กรไทย มีเพียง 9% เท่านั้นที่มีความคล่องตัวทางดิจิทัลในระดับสูง ส่งผลให้ไทยครองอันดับ 9 ตามดัชนี DAI โดยลดลงหนึ่งอันดับเมื่อเทียบกับการจัดอันดับเมื่อปี 2563  ทั้งนี้ ไทยถูกแซงหน้าโดยอินโดนีเซีย ซึ่งครองอันดับ 8 ในปีนี้ เพราะมีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีที่เหนือกว่า องค์กรในออสเตรเลียมีความก้าวหน้าสูงสุดในแง่ของการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น และครองอันดับ 1 ในปีนี้ ส่วนอันดับรองลงมาได้แก่ สิงคโปร์ นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ และฮ่องกง ขณะที่ไต้หวัน ซึ่งเพิ่งได้รับการเพิ่มเติมเข้ามาในปีนี้ ครองอันดับ 6 ตามมาด้วยมาเลเซีย

ในมุมมองระดับภูมิภาค พบว่าองค์กรใน APAC มีเพียง 38% เท่านั้นที่มีความคล่องตัวทางดิจิทัลระดับสูง อย่างไรก็ตาม ถือว่ามีการพัฒนาก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง เพราะตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 18 จุด (Percentage point) เมื่อเทียบกับปี 2563 ส่วน 62% ขององค์กรใน APAC ที่จัดว่าล้าหลังในแง่ของความคล่องตัวทางดิจิทัล (กล่าวคือ เป็นผู้ตามด้านความคล่องตัว) มีการปรับใช้เทคโนโลยี โดยเป็นผลมาจากความต้องการของหน่วยงานต่าง ๆ และความจำเป็นทางธุรกิจ เช่น อี-คอมเมิร์ซ มาตรการด้านความปลอดภัย และการทำงานจากที่บ้านในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาด

HR เจอปัญหาการกำหนดทักษะที่เหมาะสม เพื่อรองรับความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนไป

การขาดแคลนบุคลากรที่มีความชำนาญในการดำเนินโครงการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ถือเป็นปัญหาท้าทายที่สำคัญซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขในไทย โดย 80% ของผู้บริหารฝ่าย HR ประสบปัญหาในการกำหนดทักษะที่เหมาะสมเพื่อรองรับความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง และมีองค์กรไทยเพียงส่วนน้อย (7%) ที่มีกลยุทธ์การจัดการบุคลากรอย่างรอบด้าน โดยมีการสนับสนุนการมีส่วนร่วมของพนักงาน และใช้ระบบวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อระบุความจำเป็นในการฝึกอบรมเพิ่มเติม รวมถึงการพัฒนาอาชีพ ซึ่งตอกย้ำถึงความสำคัญของการลดช่องว่างด้านทักษะความชำนาญของบุคลากร

ขาดการปรับใช้เทคโนโลยีระดับองค์กร

การบูรณาการเครื่องมือดิจิทัลและกระบวนการต่าง ๆ อย่างครบถ้วนจะช่วยให้องค์กรสามารถตรวจสอบทรัพยากรได้อย่างรอบด้าน พร้อมทั้งกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึกได้อย่างเหมาะสม และเพิ่มความคล่องตัวทางดิจิทัล  อย่างไรก็ดี ในปัจจุบัน 61% ขององค์กรในไทยเริ่มดำเนินโครงการดิจิทัลต่าง ๆ ที่ระดับของสายงานธุรกิจ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการอย่างทันท่วงที แทนที่จะเป็นการปรับใช้แบบครอบคลุมทุกสายงานในระดับองค์กร  

ในทางกลับกัน แนวโน้มดังกล่าวนับเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของธุรกิจ อีกทั้งปัญหาท้าทายในการปรับใช้เทคโนโลยีก็แตกต่างกันไปในแต่ละฟังก์ชันการทำงาน โดยปัญหาท้าทายที่ผู้บริหารฝ่ายไอทีกล่าวถึงได้แก่ การขาดการบูรณาการระบบต่าง ๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจ (40%) และความยากลำบากในการเลือกใช้โซลูชันเทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อช่วยขับเคลื่อนความคล่องตัวของธุรกิจ (70%)  ในทางตรงกันข้าม ผู้บริหารฝ่ายการเงิน (80%) ประสบปัญหาท้าทายในการสร้างวัฒนธรรมที่มุ่งเน้นการควบคุมค่าใช้จ่ายเพื่อให้เงินสดหมุนเวียนมีเสถียรภาพและคาดการณ์ได้  ทุกวันนี้มีองค์กรไทยเพียง 3% ที่จัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายโดยใช้ระบบปรับปรุงประสิทธิภาพที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลที่ครอบคลุมทั่วทั้งองค์กรและระบบนิเวศ

ความจำเป็นในการร่วมมือกันระหว่างผู้บริหารฝ่ายการเงิน ฝ่าย HR และฝ่ายสารสนเทศ

ในโลกวิถีใหม่ที่ถูกชี้นำด้วยระบบเศรษฐกิจดิจิทัล การใช้ประโยชน์จากความคล่องตัวทางดิจิทัลจะช่วยเพิ่มความได้เปรียบด้านการแข่งขัน ซึ่งจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อองค์กรปรับเปลี่ยนวิธีคิดและแนวทางในการลดช่องว่างด้านความคล่องตัวทางดิจิทัลโดยอาศัยเทคโนโลยีและการปรับความต้องการทางธุรกิจของแต่ละสายงานให้สอดคล้องกันในระดับของผู้บริหารระดับสูง  

นอกจากนี้ เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ทางธุรกิจที่เหมาะสม องค์กรจะต้องเร่งการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น เพื่อลดช่องว่างด้านความคล่องตัวทางดิจิทัล และกำหนดแนวทางแบบบูรณาการเพื่อรองรับกลยุทธ์ในการดำเนินงาน โดยผู้บริหารฝ่ายการเงิน ฝ่าย HR และฝ่ายสารสนเทศ จะต้องประสานงานร่วมกันในโครงการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นโดยครอบคลุมหลากหลายสายงาน พร้อมทั้งบูรณาการระบบดิจิทัลสำหรับการจัดการบุคลากร รวมไปถึงระบบงานด้านการเงินและ HR

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

SCB 10X แต่งตั้ง มุขยา พานิช เป็น CEO พร้อมก้าวสู่ผู้นำอาเซียน ด้านการลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัล

กสศ. จับมือ สพฐ. เปิดตัว One Application ช่วยเหลือนักเรียน คัดกรองความเสี่ยงหลุดระบบการศึกษา

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ