เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จัดงานสัมมนา Delta Future Industry Summit เป็นปีที่ 3 เพื่อเป็นเวทีพิเศษให้ทุกภาคส่วนได้เชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนแนวโน้มอุตสาหกรรมล่าสุด ร่วมผลักดันประเทศไทยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหลังยุคโควิด-19 รวมถึงขับเคลื่อนการฟื้นตัวของธุรกิจผ่านนวัตกรรมในยุค Next Normal ภายใต้หัวข้อ Future Proofing Thailand for the Next Normal เพื่อค้นพบประสบการณ์โซลูชันนวัตกรรมใหม่ ๆ ทั้งระบบศูนย์ข้อมูล โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล การคมนาคมด้วยยานยนต์ไฟฟ้า และโซลูชันสำหรับเมืองและบ้านอัจฉริยะ
-PMCU Solar Carpark ลานจอดรถพลังงานสะอาด ต่อยอดแนวคิด “เมืองจุฬาฯ อัจฉริยะ”
-บีซีพีจี ลุยซื้อ รง.พลังงานแสงอาทิตย์ในไทย คาดรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 3
จากการที่ภาคอุตสาหกรรมไทยก้าวขึ้นมามีบทบาทนำการฟื้นตัวหลังการระบาดของโควิด-19 ภาครัฐและผู้นำในอุตสาหกรรมหลายรายกำลังร่วมมือกันเพื่อส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืน โดย กอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า “แม้จะมีการแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19 แต่เรายังคงเดินหน้าโครงการ Big Brother หรือพี่ช่วยน้อง เชื่อมโยงผู้นำในภาคอุตสาหกรรมเช่นเดลต้า เข้ากับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีท้องถิ่นทั่วไทย เพื่อมุ่งพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน ควบคู่ไปกับโครงการมอบเงินทุน 5 ล้านบาท แก่สตาร์ตอัพ Delta Angel Fund ที่จัดเป็นประจำทุกปี เพื่อสนับสนุนธุรกิจสตาร์ตอัพในประเทศและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจที่โดดเด่นกว่า 500 ล้านบาท”
แจ็คกี้ จาง ประธานบริหาร เดลต้า ประเทศไทย กล่าวถึงความท้าทายปัจจุบันและโอกาสการเติบโตในอนาคตว่า “การเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่จากออฟไลน์สู่ออนไลน์ ได้ช่วยย้ำหน้าที่สำคัญของโซลูชันพลังงานไฟฟ้าจากเดลต้า ในการมอบพลังงานอย่างต่อเนื่องแก่ระบบสาธารณสุขและการสื่อสารที่สำคัญต่อชีวิตและความปลอดภัยของผู้คนนับล้าน และในยุค Next Normal เราหวังว่าจะได้ร่วมงานกับพาร์ทเนอร์ในทุกพื้นที่ เพื่อนำเสนอโซลูชันขั้นสูงของเดลต้าด้านศูนย์ข้อมูล พลังขับเคลื่อนยานยนต์ไฟฟ้า และที่อยู่อาศัยอัจฉริยะ เพื่อช่วยให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามนโยบายประเทศไทย 4.0 และสร้างสังคมที่ปลอดภัย สุขภาพดี และมีความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ”
ด้าน วชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Living Solution Business เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง กล่าวว่า Next Normal ไม่ได้เกิดจากโควิด-19 แต่โควิด-19 แค่เข้ามาเร่งให้เกิดขึ้น และบังคับให้คนได้ทดลองใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีใหม่ ๆ ขณะเดียวกันการแพทย์ทางไกลเป็นเทรนด์ที่คนใช้หลังโควิด-19 และเห็นว่าเป็นประโยชน์ อีกส่วนคนเริ่มตระหนักเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศเร็วขึ้น ฉะนั้น Smart Living ใน Next Normal คือการใช้เทคโนโลยีเข้ามาแก้ปัญหาการอยู่อาศัย ซึ่งปัจจุบันมีเทคโนโลยีหลายอย่างที่เข้ามาแก้ปัญหาได้
“เราต้องใช้ป่ามากกว่า 850,000 ตารางกิโลเมตรในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์จากพลังงานที่ใช้ไปต่อปี เพราะฉะนั้นการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าจึงเป็นสิ่งจำเป็น ถ้าเราสามารถพัฒนาเทคโนโลยีประหยัดพลังงานร่วมกันก็จะสามารถทำให้ชีวิตคนในเมืองดีขึ้นได้”
นอกจากนี้ Delta ยังได้นำโซลูชั่นที่พัฒนามาจัดแสดงภายในงาน ดังนี้
Hybrid Solar System : สามารถนำพลังงานแสงอาทิตย์มาเปลี่ยนเป็นพลังงานใช้ในบ้านได้ และมีกล่องเก็บแบตเตอรี่สำรองเพื่อที่จะไม่ต้องลดการผลิตพลังงานจากโซลาร์เซลล์ในช่วงเวลาที่ไม่อยู่บ้าน โดยพลังงานสามารถเก็บสำรองไว้ใช้ในกรณีไฟดับ สำรองไว้ใช้เวลากลางคืน รวมถึงสามารถใช้ร่วมกับอุปกรณ์ชาร์จรถยนต์ EV
EV Charger : รุ่นใหม่สำหรับชาร์จรถยนต์ EV เป็นที่ชาร์จขนาดเล็กที่รองรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตออกมาทั่วโลก สามารถติดตั้งที่บ้านหรืออาคารได้ ระยะเวลาเฉลี่ยการชาร์จแบตเตอรี่ต่อครั้ง 6 ชม. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของแบตเตอรี่ของรถแต่ละรุ่น
Face Recognition : ใช้สแกนใบหน้า และวัดอุณหภูมิ ใช้แทนการตอกบัตรเข้างานของโรงงานทั่วไป หรือในพื้นที่หวงห้าม
Indoor Air Quality : เป็นพัดลมดูดอากาศและสามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้ โดยพัฒนาจะหมุนโดยอัตโนมัติตามสภาพอากาศและปรับความชื้นได้เล็กน้อย สามารถติดตั้งในบ้านได้
Container Data Center : เป็นไอเดียดาต้าเซ็นเตอร์แบบเคลี่อนที่ได้ที่จะใช้ในอนาคต
“ในปีหน้า Delta Group จะครบรอบ 50 ปีของการก่อตั้งบริษัท ซึ่งเราจะนำจอโปรเจคเตอร์ระดับ 8K ที่วางแผนจะใช้ในโอลิมปิกที่ญี่ปุ่นเข้ามาที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก ภายในเดือนเมษายน-พฤษภาคม ปี 2021” แจ็คกี้ จาง กล่าวสรุป
