TH | EN
spot_img
TH | EN
spot_imgspot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกBusiness'ลงทุนแมน' ชี้ทางมั่งคั่งยุคใหม่: Passive Income อย่างเดียวไม่พอ

‘ลงทุนแมน’ ชี้ทางมั่งคั่งยุคใหม่: Passive Income อย่างเดียวไม่พอ

ปิดฉากลงอย่างน่าประทับใจสำหรับงาน ลงทุนแมน Summit 2025 ซึ่งหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาท้าทายความคิดของผู้ร่วมงานนับพันคน มาจากการบรรยายเปิดงานของ ธณัฐ เตชะเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอลทีเอ็มเอช จำกัด (มหาชน) หรือ LTMH และผู้ก่อตั้งเพจ “ลงทุนแมน” ที่ได้ทลายมายาคติเรื่อง “Passive Income” ซึ่งเคยเป็นเป้าหมายสูงสุดของนักแสวงหาอิสรภาพทางการเงิน โดยชี้ว่านั่นอาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของความมั่งคั่งในยุคนี้อีกต่อไป

Active Income: หัวใจแห่งความมั่งคั่งที่ไม่ควรมองข้าม

คุณธณัฐ กล่าวว่า ความคิดที่ว่าทำงานหนักเพื่อเกษียณเร็วแล้วใช้ชีวิตอยู่กับ Passive Income เพียงอย่างเดียวนั้น อาจนำไปสู่ความน่าเบื่อและการสูญเสียความหมายของชีวิต ดังที่หลายคนได้ประสบมาแล้วในช่วงโควิด-19

เพื่อตอกย้ำแนวคิดดังกล่าว เขาได้ยกตัวอย่างเปรียบเทียบที่น่าสนใจระหว่าง 2 กรณี ได้แก่ 

เคสที่ 1 Passive ล้วน คือ คนที่มีเงินตั้งต้น 2 ล้านบาท และนำไปลงทุนได้รับผลตอบแทน 5% ต่อปี เป็นเวลา 40 ปี เมื่อเกษียณจะมีเงิน 14 ล้านบาท

เคสที่ 2 Active + Passive) คือ คนที่เริ่มต้นจาก 0 บาท แต่ทำงานประจำ สมมติเงินเดือนเริ่มต้น 20,000 บาท และแบ่งเงิน 30% ไปลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เป็นเวลา 40 ปี เมื่อเกษียณจะมีเงินสูงถึง 20 ล้านบาท

“นี่คือตัวอย่างง่าย ๆ ที่บอกว่า Active Income สำคัญมาก” คุณธณัฐกล่าว พร้อมชี้ว่ามหาเศรษฐีระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น อีลอน มัสก์ (Tesla) มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Meta) แบร์นาร์ด อาร์โนลต์ (LVMH) หรือแม้แต่เจ้าของ Zara และ Uniqlo ล้วนยังคงทำงานอย่างแข็งขันในธุรกิจของตนเอง พวกเขาไม่ได้หยุดทำงานเพื่อรอรับเงินปันผลเพียงอย่างเดียว แต่ยังคงสร้างคุณค่าผ่านธุรกิจซึ่งเป็นแกนหลักของ Active Income อย่างต่อเนื่อง

Passive Income: เครื่องมือเร่งสปีดความมั่งคั่ง

แม้จะเน้นย้ำความสำคัญของ Active Income แต่คุณธณัฐก็ไม่ได้ปฏิเสธความจำเป็นของ Passive Income ในทางกลับกัน เขามองว่ามันคือ “เครื่องมือ” สำคัญที่จะทำให้เงินทุนที่หามาได้งอกเงยขึ้น แทนที่จะถูกด้อยค่าลงจากการฝากไว้ในธนาคารเฉย ๆ

เขาได้เปิดเผยข้อมูลสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนโดดเด่นนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นแนวทางให้นักลงทุนเห็นภาพตลาดโลกที่กว้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ทองคำ +40% (ในรูปเงินดอลลาร์) Nvidia +35% (บริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก ณ ปัจจุบัน) Bitcoin +30% Microsoft +23% และ S&P 500: +10%

“ลองย้อนถามตัวเองว่า ถ้าต้นปีมีเงิน 100 บาท ตอนนี้เงินของคุณมีเท่าไหร่? ถ้ายังมี 100 เท่าเดิม คุณต้องหาความรู้จากงานวันนี้ให้เยอะที่สุด” คุณธณัฐกล่าวทิ้งท้ายในส่วนนี้ เป็นการกระตุ้นให้ผู้ฟังตระหนักถึงต้นทุนค่าเสียโอกาสของการไม่นำเงินไปลงทุน

3 แกนหลักสู่ความมั่งคั่ง: ธุรกิจ-การลงทุน-การตลาด

หัวใจสำคัญของงาน Summit ในครั้งนี้ ถูกสรุปออกมาเป็น 3 ศาสตร์ที่ทับซ้อนและเกื้อหนุนกันอย่างแยกไม่ออก อันได้แก่ ธุรกิจ การลงทุน และการตลาด ซึ่งเปรียบเสมือนวงกลม 3 วงที่สร้างพื้นที่แห่งความมั่งคั่งอันไร้ขีดจำกัด

ต้องรู้เรื่องธุรกิจ เพื่อให้ลงทุนได้อย่างแม่นยำ “นักลงทุนที่สำเร็จมองจากธุรกิจ ไม่ได้มองราคาหุ้น” คุณธณัฐเน้นย้ำจากประสบการณ์หลายสิบปีในตลาดทุน

ต้องรู้เรื่องการตลาด เพื่อให้ทำธุรกิจสำเร็จ เพราะการตลาดคือการทำความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ

งานลงทุนแมน Summit 2025 ในครั้งนี้ จึงเป็นการรวบรวมผู้เชี่ยวชาญตัวจริงในทั้ง 3 ด้าน ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนระดับหมื่นล้าน หรือนักการตลาดที่รู้จักลูกค้าดีที่สุดในประเทศ มาเพื่อถ่ายทอดความรู้และไอเดียให้ผู้เข้าร่วมงานได้นำไปปรับใช้และต่อยอดสู่ความมั่งคั่งในแบบฉบับของตัวเองต่อไป

สิ่งที่คุณธณัฐ เตชะเลิศ ได้ทิ้งไว้บนเวที ลงทุนแมน Summit 2025 ไม่ใช่เพียงสูตรสำเร็จในการลงทุน แต่เป็นปรัชญาการสร้างความมั่งคั่งที่ปรับให้เข้ากับโลกยุคใหม่ นั่นคือความมั่งคั่งที่ยั่งยืนไม่ได้เกิดจากการหยุดทำงาน แต่เกิดจากวงจรที่ไม่สิ้นสุดของการสร้างคุณค่าผ่าน Active Income และต่อยอดความมั่งคั่งนั้นด้วย Passive Income โดยมีองค์ความรู้ด้าน ธุรกิจ การลงทุน และการตลาด เป็นรากฐานสำคัญ นับเป็นสาระสำคัญที่กระตุกให้ผู้ร่วมงานทุกคนต้องกลับมาทบทวนและออกแบบเส้นทางสู่ความสำเร็จของตนเองใหม่ในศตวรรษที่ 21 นี้

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

เคล็ดลับทำ Loyalty Program ให้โต 20 เท่า

เจาะลึกสมรภูมิ Pet Shop: โอกาสบนความท้าทาย

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Latest News

MUST READ