TH | EN
spot_img
TH | EN
spot_imgspot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกTechnologyAI ขับเคลื่อนหุ่นยนต์อุตสาหกรรมไทยใน 3 ปี | Teradyne แนะกลยุทธ์ SME สู่ Industry 4.0

AI ขับเคลื่อนหุ่นยนต์อุตสาหกรรมไทยใน 3 ปี | Teradyne แนะกลยุทธ์ SME สู่ Industry 4.0

ท่ามกลางความท้าทายรอบด้านของภาคอุตสาหกรรมไทย ทั้งปัญหาขาดแคลนแรงงาน ต้นทุนที่พุ่งสูง และการแข่งขันในเวทีโลกที่ดุเดือด เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI กำลังจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด (The biggest transformation) ของวงการหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในอีก 3 ปีข้างหน้า

“การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการนำ AI มาใช้ในหุ่นยนต์ มันกำลังเกิดขึ้นแล้ว แต่เมื่อระบบนิเวศพัฒนาขึ้น AI จะง่ายสำหรับผู้ใช้และผู้รวมระบบที่จะนำมาใช้ ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง” อักเซล กุสตาฟสัน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท ยูนิเวอร์ซัล โรบอท (Universal Robots: UR) กล่าวในงาน Collaborate Thailand 2025 ซึ่งสะท้อนทิศทางอนาคตที่ภาคการผลิตไทย นับเป็นการส่งสัญญาณว่า เทคโนโลยีหุ่นยนต์ที่เคยถูกมองว่าซับซ้อน กำลังจะฉลาดขึ้นและเข้าถึงง่ายขึ้นในเวลาอันใกล้

AI ขับเคลื่อนหุ่นยนต์อุตสาหกรรมไทยใน 3 ปี | Teradyne แนะกลยุทธ์ SME สู่ Industry 4.0

“สะพานเชื่อม” สู่ Industry 4.0 แก้โจทย์ใหญ่ผู้ผลิตไทย

Teradyne Robotics ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Universal Robots (UR) ผู้ผลิตแขนหุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติการ (Cobot) และ Mobile Industrial Robots (MiR) ผู้ผลิตหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ (AMR) ไม่ได้มองว่าผลิตภัณฑ์ของตนเป็นเพียงเครื่องจักร แต่คือ สะพานเชื่อมที่จะพาอุตสาหกรรมไทยข้ามผ่านช่องว่างระหว่างการผลิตที่พึ่งพาแรงงานเข้มข้นไปสู่ยุค Industry 4.0 ที่เป็นระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ

“แม้ว่าโรงงานหลายแห่งในประเทศไทยจะยังไม่มีระบบอัตโนมัติที่สมบูรณ์ แต่ UR และ MiR มีบทบาทสำคัญในฐานะสะพานเชื่อม เราสามารถนำหุ่นยนต์ของเราเข้ามาทำงานร่วมกับพนักงานที่เป็นมนุษย์ได้อย่างราบรื่น ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและช่วยให้โรงงานก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง” ธนกฤต ธานีรัตน์ ผู้จัดการประจำภูมิภาคอินโดจีน บริษัท เทอราไดน์ โรบอทิกส์ (Teradyne Robotics) อธิบาย

ผลิตภัณฑ์ของทั้งสองแบรนด์ถูกวางตำแหน่งไว้อย่างชัดเจน UR คือ “แขน” ที่ทำงานในสายการผลิต เช่น การหยิบและวาง การเชื่อม หรือการดูแลเครื่องจักร ขณะที่ MiR คือ “ขา” ที่ทำหน้าที่ขนส่งวัสดุจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งโดยอัตโนมัติ โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ภาคอุตสาหกรรมหลักของไทยอย่างยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์

คำแนะนำถึง SME: “เริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ” ทลายกำแพงความลังเล

หนึ่งในโจทย์ที่ท้าทายที่สุดคือ ทำอย่างไรให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) กล้าที่จะลงทุนในเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ ความลังเลและความกลัวในความเสี่ยงคืออุปสรรคสำคัญที่ผู้บริหาร Teradyne เข้าใจเป็นอย่างดี

“ความลังเลเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ แต่อนาคตมีการแข่งขันสูง และมันมาถึงแล้ว” ปอยตุง ตังรอง ประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ของบริษัท เทอราไดน์ โรบอทิกส์ (Teradyne Robotics) ให้คำแนะนำที่จับต้องได้

“เพื่อเอาชนะความกลัวในความเสี่ยง ให้เริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ ทำโครงการนำร่องขนาดเล็กเพื่อประเมินประโยชน์ในแง่ของ ROI เวลาหยุดทำงานที่ลดลง และความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น เมื่อคุณรู้สึกคุ้นเคยแล้ว ก็สามารถค่อย ๆ เพิ่มการลงทุนของคุณได้”

กลยุทธ์นี้สอดคล้องกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เน้นความง่ายในการใช้งานผ่านแพลตฟอร์มที่เปรียบเสมือนตัวต่อเลโก้ ผู้ใช้สามารถลากแขนหุ่นยนต์ไปยังตำแหน่งที่ต้องการและบันทึกค่าได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดซับซ้อน พร้อมทั้งมีหลักสูตรออนไลน์ฟรีผ่าน UR Academy และบริการหลังการขาย “UR Care” เพื่อสนับสนุน SME ที่อาจไม่มีทีมวิศวกรโดยเฉพาะ

เสียงจากผู้ใช้งานจริง: กรณีศึกษา Toyoda Gosei

ความสำเร็จของการนำหุ่นยนต์ไปใช้ไม่ได้เป็นเพียงทฤษฎี แต่ได้รับการยืนยันจากลูกค้าคนสำคัญอย่าง บริษัท โตโยด้า โกเซ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ นำโดย เคอิโงะ คิมูระ รองประธานบริษัท และ อะโตมุ นากามูระ ผู้ประสานงานแผนกวิศวกรรมการผลิต ซึ่งได้ร่วมยืนยันถึงผลลัพธ์ที่น่าพอใจ โดยยอมรับว่าในตอนแรกก็คาดว่าหุ่นยนต์อาจทำงานได้ช้ากว่ามนุษย์

“หลังจากที่เราติดตั้งและทำการปรับปรุง เราพบว่าตอนนี้หุ่นยนต์ทำงานได้เร็วพอ ๆ กับพนักงานของเรา ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเราอย่างมาก” ตัวแทนจาก Toyota Gosei กล่าว ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า หากมีการวางแผนและปรับปรุงกระบวนการอย่างเหมาะสม หุ่นยนต์สามารถทลายขีดจำกัดเดิม ๆ และสร้างผลลัพธ์ที่น่าพอใจได้จริง

เดินหน้าจับมือรัฐบาลสถาบันการศึกษาปั้นอนาคตอุตสาหกรรมไทย

นอกจากการนำเสนอเทคโนโลยีแล้ว Teradyne Robotics ยังทำงานเชิงรุกร่วมกับภาครัฐและสถาบันการศึกษาในไทยอย่างใกล้ชิด การสนับสนุนนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการลงทุนในเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติ ถือเป็นแรงจูงใจสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจของภาคธุรกิจ

ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้ลงทุนสร้างบุคลากรสำหรับอนาคตผ่านการมอบโคบอทและหลักสูตรการเรียนการสอนให้แก่สถาบันการศึกษา เพื่อสร้างวิศวกรรุ่นใหม่ที่มีความพร้อมสำหรับอุตสาหกรรมยุคใหม่ ควบคู่ไปกับการสร้างระบบนิเวศของซัพพลายเออร์และผู้รวมระบบในประเทศ (System Integrator) เพื่อให้เกิดการพัฒนาและบริการที่ยั่งยืน

ESG: อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการพัฒนายั่งยืน

ในยุคที่ความยั่งยืนเป็นเรื่องสำคัญ Teradyne Robotics ยังชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยีของพวกเขาสอดคล้องกับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) อย่างไร ตั้งแต่การใช้วัสดุรีไซเคิลในกระบวนการผลิต ไปจนถึงการออกแบบหุ่นยนต์ให้เป็นหนึ่งในรุ่นที่ประหยัดพลังงานที่สุดในตลาด ซึ่งไม่เพียงช่วยลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการ แต่ยังส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวมอีกด้วย

การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบอัตโนมัติไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นทางรอดและความจำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมไทย และการมาถึงของ AI ที่จะผนวกรวมเข้ากับหุ่นยนต์อย่างสมบูรณ์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า คือคลื่นลูกใหม่ที่ผู้ประกอบการไทยต้องเตรียมโต้รับ เพื่อสร้างความได้เปรียบและยืนหยัดในเวทีการแข่งขันระดับโลกได้อย่างยั่งยืน

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Cisco ชี้องค์กรทั่วโลกตื่นตัว AI แต่พร้อมจริงแค่ 13%

AI ไทยในกับดัก: เมื่อความตื่นตัวสูงแต่ความสำเร็จสวนทาง

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Latest News

MUST READ