คริปโทเคอร์เรนซีสกุลแรกของโลกอย่าง Bitcoin นับเป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจเมื่อเข้ามาสู่วงการ แม้ Bitcoin จะมีอายุมากกว่า 13 แล้ว และยังมีคริปโทฯ เหรียญอื่นอีกมากมาย แต่ Bitcoin ก็ยังครองตำแหน่งคริปโทเคอร์เรนซีที่มีมูลค่าตลาดรวมสูงที่สุด (ข้อมูล ณ วันที่ 19 ธันวาคม 2022) ได้โดยที่ยังไม่มีเหรียญอื่นมาสั่นคลอนตำแหน่งได้
แล้วเพราะเหตุใด Bitcoin ถึงได้ความนิยมในฐานะเงิน (Money) ที่ดี บทความนี้จะพาคุณไปดูเหตุผลทั้ง 5 ข้อที่ทำให้ Bitcoin เป็นตัวอย่างของเงินที่ดีกันครับ
1) การกระจายอำนาจ
เนื่องจาก Bitcoin ทำงานอยู่บนเทคโนโลยีบล็อกเชนที่กระจายข้อมูลเก็บไว้ตามโหนดต่าง ๆ ภายในเครือข่าย ข้อมูลไม่ได้ถูกเก็บไว้ที่ตัวกลางแต่เพียงผู้เดียว นั่นจึงทำให้ Bitcoin มีการกระจายอำนาจสูง
การกระจายอำนาจที่สูง หมายความว่าไม่มีใครที่มีอำนาจในการควบคุม Bitcoin โดยสมบูรณ์ หรือไม่สามารถแก้ไขข้อมูลในเครือข่ายเพื่อทำให้ตัวเองได้ผลประโยชน์แต่เพียงผู้เดียวได้นั่นเอง หากเปรียบเทียบกับเงินเฟียต (Fiat currency) ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งมีธนาคารกลางของแต่ละประเทศเป็นผู้ควบคุม พวกเขาสามารถควบคุมเงินเฟียตผ่านการขึ้นดอกเบี้ยหรือออกนโยบายการเงินต่าง ๆ ได้ จึงอาจนำมาซึ่งปัญหาอย่างเงินเฟ้อหรือการคอร์รัปชันได้
2) อุปทานจำกัด
นับตั้งแต่อดีตกาล สื่อกลางในการแลกเปลี่ยน (Medium of exchange) มักมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เริ่มตั้งแต่เปลือกหอย และค่อย ๆ เปลี่ยนไปสู่แร่เงิน แร่ทองคำ และพันธบัตรทองคำตามยุคสมัย แต่สิ่งหนึ่งที่สื่อกลางเหล่านี้มีเหมือนกันหมดนั่นคือจำนวนหรืออุปทาน (Supply) ที่มีจำกัด และ Bitcoin เองก็ถูกออกแบบมาให้มีจำนวนจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญเท่านั้น ไม่สามารถมีมากไปกว่านี้ได้
แต่เงินเฟียตที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ไม่ได้ถูกค้ำประกันด้วยทองคำเหมือนเมื่อก่อนแล้ว นั่นหมายความว่าธนาคารกลางสามารถพิมพ์เงินออกมาเมื่อไหร่และเท่าไหร่ก็ได้ อย่างช่วงที่เกิดวิกฤติโควิด-19 ช่วงปี 2020 – 2021 สหรัฐอเมริกาก็ได้ใช้มาตรการ Unlimited QE พิมพ์เงินดอลลาร์ออกมากว่าล้านล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ผลที่ตามมาก็คือเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน
3) พกพาสะดวก
เนื่องจาก Bitcoin เป็นเงินดิจิทัล หมายความว่ามันสามารถถูกส่งและรับผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังสามารถจัดเก็บและเข้าถึงได้จากทุกที่ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยอาจไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ในการจัดเก็บเพิ่มเติม เพียงผู้ใช้จำรหัสผ่านหรือ Private Key ไว้ในหัว เพียงเท่านี้ก็สามารถเข้าถึง Bitcoin ของตัวเองได้จากทุกที่ที่มีอินเทอร์เน็ตแล้ว
4) การแบ่งหน่วยย่อย
การแบ่งหน่วยย่อยในที่นี้หมายถึงการที่เราไม่จำเป็นต้องใช้ Bitcoin เต็ม 1 เหรียญในการทำธุรกรรมทุกครั้ง เราสามารถแบ่งจ่ายเป็นทศนิยมได้ เช่น 0.5 bitcoin ซึ่งสามารถแบ่งทศนิยมได้มากถึง 7 หลัก หรือ 0.00000001 bitcoin หรือเรียกว่า 1 satoshi
คุณสมบัติดังกล่าวนี้ทำให้เราสามารถใช้ Bitcoin เพื่อทำธุรกรรมขนาดเล็กและมีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง คล้ายกับเงินในปัจจุบัน อย่างเงินบาทที่มีหน่วยย่อยเป็นสตางค์ หรือเงินดอลลาร์ที่มีหน่วยย่อยเป็นเซนต์ เป็นต้น
5.ความปลอดภัย
แม้ Bitcoin จะเป็นระบบแบบกระจายอำนาจ แต่ผู้ใช้ก็สามารถได้รับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยได้ในเดียวกัน เนื่องจาก Bitcoin ใช้การเข้ารหัสเพื่อความปลอดภัยในการทำธุรกรรมและป้องกันการปลอมแปลง โดยมี Private Key เป็นเหมือนกุญแจที่ใช้เพื่อเข้าถึงสินทรัพย์ในกระเป๋า และใช้เซ็นรับรองในขั้นตอนการทำธุรกรรม
Private Key จะมีหน้าตาเหมือนรหัสผ่านยาว ๆ ที่มีทั้งตัวเลขและตัวอักษรภาษาอังกฤษผสมกัน ทำให้การสุ่มเจอหรือเลียนแบบ Private Key ชุดเดียวกันแทบเป็นไปไม่ได้เลย นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถสร้าง Private Key และกระเป๋าขึ้นมาหลายชุดเพื่อเป็นกระเป๋าสำรอง กระจายความเสี่ยง หรือรักษาความเป็นส่วนตัวได้อีกด้วย
สรุป
โดยสรุปแล้ว Bitcoin มีอยู่ 5 คุณสมบัติที่ทำให้มันเป็นตัวอย่างของเงินที่ดี ได้แก่ การกระจายอำนาจ การมีอุปทานจำกัด พกพาสะดวก การแบ่งหน่วยย่อย และความปลอดภัย
การศึกษาคุณสมบัติเหล่านี้ทำให้เราสามารถเข้าใจได้ว่าทำไม Bitcoin จึงได้รับความนิยมจนเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในปัจจุบัน และยังทำให้เราเข้าใจถึงความเป็นมาของสื่อกลางการแลกเปลี่ยน ได้อีกด้วย
ที่มา Bitkub Blog (1), Bitkub Blog (2), Bitkub Blog (3)
*สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**คริปโทเคอร์เรนซีมีความเสี่ยงสูง คุณอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน
***ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต
