Waymo หนึ่งในสตาร์ตอัพผู้บุกเบิกเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับประกาศเป็นพันธมิตรกับ Uber ผู้ให้บริการรับ-ส่งผ่านแอปพลิเคชัน เพื่อร่วมพัฒนาระบบขนส่งคนและอาหารในพื้นที่เมืองฟีนิกซ์ ด้วยรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ หรือรถยนต์ไร้คนขับที่เรียกว่า Robotic Cars
ความร่วมมือดังกล่าวนับเป็นการแก้ปัญหาท้าทายที่บริษัททั้งสองฝ่ายเผชิญอยู่ เนื่องจากทำให้ Waymo มีช่องทางอื่นในการขยายบริการหุ่นยนต์แท็กซี่ (Robotaxi) ที่ดำเนินการในพื้นที่ฟีนิกซ์มาตั้งแต่ปลายปี 2020 ขณะที่ Uber สามารถลดการพึ่งพาแรงงานคนขับที่ต้องแบ่งส่วนแบ่งรายได้บางส่วนจาก Uber
ถือเป็นการจับมือที่สลายการแข่งขันเพื่อแย่งชิงผู้โดยสารในตลาดของทั้งสองฝ่ายได้ทางหนึ่ง
ทั้งนี้ จนถึงขณะนี้ ฟีนิกซ์ถือเป็นพื้นที่เมืองใหญ่เพียงแห่งเดียวที่มีหุ่นยนต์แท็กซี่ให้บริการทั่วทั้งเมือง โดยมี Waymo เป็นผู้ให้บริการรายหลัก ขณะที่ในซานฟรานซิสโกก็มีบริการที่คล้ายกันโดยบริษัท Cruise บริษัทลูกในเครือ General Motors
ความร่วมมือในครั้งนี้ยังมีขึ้น หลังจากที่ Waymo และ Uber ทุ่มเงินหลายล้านดอลลาร์สหรัฐต่อสู้กันในศาลนานถึง 5 ปี ก่อนที่ Uber ตกลงจ่ายเงินมูลค่า 245 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อยุติข้อกล่าวหาที่ทาง Waymo ระบุว่า Travis Kalanick อดีต CEO ของ Uber สมคบคิดกับ Anthony Levandowski อดีตวิศวกรของ Google ขโมยเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับของ Waymo ไปให้ Uber ใช้งาน
โดย Waymo ยื่นฟ้องในปี 2017 หลังจากที่บริษัทเพิ่งจะแยกตัวออกจาก Google ได้ไม่นาน ก่อนที่ทาง Uber จะยินยอมจ่ายเงินเพื่อยุติคดีในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2018 ซึ่ง Uber ยังตัดสินใจขายแผนกรถยนต์ไร้คนขับที่ก่อให้เกิดข้อกล่าวหาเรื่องการโจรกรรมในเดือนมีนาคมปีเดียวกัน เพื่อเป็นการจบปัญหากับทาง Waymo อย่างแท้จริง รวมถึงเป็นการตัดปัญหากรณีที่ระบบรถยนต์ไร้คนขับดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุที่คร่าชีวิตคนเดินถนนในเมืองเทมพี รัฐแอริโซนา ในช่วงเวลาดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม 5 ปีหลังจากมรสุมทั้งหมดที่เกิดขึ้น ในที่สุด ทั้งสองฝ่ายก็หันมาจับมือร่วมกันเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีไร้คนขับ เนื่องจาก Uber ยังคงแสดงท่าทีให้ความสนใจในการพัฒนาเทคโนโลยีไร้คนขับ ซึ่งบริษัทเชื่อว่าเป็นหนึ่งในวิธีที่มีศักยภาพในการเพิ่มผลกำไรโดยลดความต้องการใช้คนไปนั่งอยู่หลังพวงมาลัย
ความเป็นหุ้นส่วนครั้งใหม่ของทั้งสองบริษัทในนี้ ทาง Waymo จะรับหน้าที่เป็นผู้จัดส่งยานพาหนะไร้คนขับบางส่วนเพื่อรับ-ส่งผู้โดยสารและให้บริการส่งอาหารเมื่อมีการเรียกผ่านแอพ Uber ภายในเมืองฟีนิกซ์ในช่วงปลายปีนี้
อย่างไรก็ตาม ทั้ง Waymo และ Uber ไม่ได้เปิดเผยว่า Uber จะใช้หุ่นยนต์ของ Waymo กี่ตัวในการให้บริการ รับ-ส่งผู้โดยสาร และส่งอาหาร
ทั้งนี้ การเพิ่มจำนวนตัวเลขหุ่นยนต์แท็กซี่ของ Waymo เป็นอีกหนึ่งโมเมนตัมสำคัญที่คาดว่าจะช่วยผลักดันการเติบโตของ Uber หลังจากที่กลับมาฟื้นตัวเคลื่อนไหวได้อีกครั้งในช่วงปีที่ผ่านมาเมื่อรัฐบาลท้องถิ่นในหลายเมืองทั่วสหรัฐฯ ผ่อนคลายมาตรการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จนทำให้ความต้องการใช้รถโดยสารเพิ่มกลับขึ้นมาอีกครั้ง ในขณะที่บริการส่งอาหารยังคงรักษาลูกค้าจำนวนมากไว้ได้ เนื่องจากเป็นพฤติกรรมที่คุ้ยเคยจากการใช้งานเป็นประจำในช่วงล็อคดาวน์อยู่กับบ้าน
นอกจากนี้ การสนับสนุนบริการของ Uber ยังเป็นประโยชน์กับ Waymo เนื่องจากการแนะนำยานพาหนะไร้คนขับให้กับกลุ่มประชากรที่กว้างขึ้นในพื้นที่ฟีนิกซ์ เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคในตลาดได้ทำความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีไร้คนขับหรือหุ่นยนต์แท็กซีของ Waymo มากขึ้น โดยสอดคล้องกับแผนการของบริษัทที่เปิดเผยเมื่อช่วงต้นเดือที่ผ่านมาว่ากำลังเตรียมขยายบริการหุ่นยนต์แท๊กซี่ให้ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ในซานฟรานซิสโก
ทั้งนี้ ทั้ง Waymo และคู่แข่งอย่าง Cruise ต่างหวังว่าจะได้รับการอนุมัติให้สามารถเริ่มเรียกเก็บเงินสำหรับการเดินทางแบบไร้คนขับตลอด 24 ชั่วโมงทั่วซานฟรานซิสโกจากหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งจะมีการพิจารณาทบทวนคำร้องขอดังกล่าวในวันที่ 29 มิถุนายนนี้
ที่มา AP News
