ในยุคที่ใคร ๆ ก็อยากเป็น “ครีเอเตอร์” และเม็ดเงินมหาศาลต่างวิ่งเข้าสู่อุตสาหกรรมนี้ คำถามสำคัญที่สะท้อนอยู่ในใจของผู้คนในวงการเสมอมาคือ “แล้วเราจะเติบโตไปทางไหน?” เราต่างพูดว่าวงการนี้โตขึ้น แต่กลับไม่มีใครบอกได้ว่า “โตแค่ไหน” หรือมี “ข้อมูลเชิงลึก” ใดเป็นเข็มทิศนำทาง
ช่องว่างมหาศาลนี้เอง คือจุดเริ่มต้นของภารกิจตลอด 2 ปีเต็มของ เอ็ม-ขจร เจียรนัยพานิชย์ แห่ง Rainmaker ผู้จัดงาน iCreator Conference ที่ได้เผยถึง Pain Point ส่วนตัวบนเวทีแถลงข่าวเปิดตัว iCreator Conference 2025 ว่า ครั้งหนึ่งเคยถูกพรรคการเมืองตั้งคำถามถึงภาพรวมของวงการ แต่กลับไม่มีข้อมูลใด ๆ ในมือมาตอบได้เลย นั่นจึงเป็นประกายไฟให้เกิดโปรเจกต์ “iCreator Report 2025” รายงานข้อมูลภูมิทัศน์ครีเอเตอร์ไทยฉบับแรกที่สมบูรณ์และครอบคลุมที่สุดเท่าที่เคยมีมา
นี่ไม่ใช่แค่รายงานตัวเลขธรรมดา แต่คือ “พิมพ์เขียว” และ “รากฐาน” ที่เกิดจากการระดมสรรพกำลังจากพาร์ทเนอร์ยักษ์ใหญ่อย่าง Wisesight, Tellscore และคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลกว่า 200,000 records การสัมภาษณ์เชิงลึกกับครีเอเตอร์และผู้เกี่ยวข้อง และการทุ่มเทของทีมงาน จนกลั่นออกมาเป็นรายงานความยาวกว่า 90 หน้า ที่จะกลายเป็นสมบัติสาธารณะให้ทุกคนนำไปใช้ต่อยอดได้
ถอดรหัสครีเอเตอร์ไทย: ไม่ได้กระจุกแค่ในกรุงและไม่ได้ทำคนเดียวเสมอไป
ภาพจำของครีเอเตอร์ที่ต้องอยู่ในเมืองหลวงอาจไม่จริงเสมอไปอีกแล้ว รายงานชี้ให้เห็นว่า แม้ครีเอเตอร์ส่วนใหญ่จะยังอยู่ภาคกลาง แต่ภาคเหนือและภาคอีสานกลายเป็นแหล่งกำเนิดครีเอเตอร์จำนวนมหาศาล เกิดเป็น Local Content ที่แข็งแกร่งและมีเอเจนซี่ในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
อีกหนึ่งสถิติที่น่าประหลาดใจคือ แม้ 73.7% จะเป็นครีเอเตอร์สายเดี่ยว (Solo Creator) แต่มีครีเอเตอร์ที่ ทำงานเป็นทีมมากถึง 27% ซึ่งบ่งชี้ว่าวงการนี้ได้พัฒนาไปสู่การทำธุรกิจอย่างเป็นระบบมากขึ้น มีการจัดตั้งบริษัท และมีการร่วมมือกันอย่างจริงจัง
นอกจากนี้ ในขณะที่ครีเอเตอร์ไทย 85% ยังไม่มีสังกัด (MCN) แต่เมื่อถามถึงความต้องการ กลับพบว่า เกือบ 60% อยากจะมีสังกัด นี่คือสัญญาณที่ชัดเจนถึงโอกาสทางธุรกิจ MCN ที่ยังมีช่องว่างให้เติบโตอีกมหาศาลในประเทศไทย
สมรภูมิแพลตฟอร์ม: TikTok คือดาวรุ่งแต่ “Engagement” คือตัวชี้วัดที่แท้จริง

หากถามว่าแพลตฟอร์มไหนคือบ้านของครีเอเตอร์ไทย คำตอบคือ “ทุกแพลตฟอร์ม” โดยเรียงลำดับความนิยมได้แก่ Facebook, TikTok, Instagram และ YouTube ซึ่งสะท้อนว่าไม่มีแพลตฟอร์มใดครองตลาดได้ 100% แต่เมื่อเจาะลึกถึง “แพลตฟอร์มที่อยากจะโดดเด่นที่สุด” ในวันนี้ TikTok คือคำตอบของคน 52.1% ด้วยเหตุผลด้านอัลกอริทึมที่เอื้อต่อการแจ้งเกิดและสร้างรายได้
อย่างไรก็ตาม รายงานได้ชี้ให้เห็นมิติที่ลึกกว่าแค่ความนิยม นั่นคือประสิทธิภาพในการสร้างปฏิสัมพันธ์ (Engagement) ซึ่งพบว่า ขนาดไม่ใช่คำตอบเสมอไป Micro และ Nano Creator มีพลัง Engagement ที่สูงกว่าที่คาดมาก ถึงขนาดที่ Micro Creator 4 คน อาจสร้าง Engagement ได้เกือบเท่า Macro Creator 1 คน นี่คือเหตุผลที่แบรนด์หันมาสนใจครีเอเตอร์กลุ่มนี้มากขึ้น และ แต่ละแพลตฟอร์มมีหมวดหมู่ดาวเด่นไม่ใช่ทุกคอนเทนต์จะปังในทุกที่ เช่น คอนเทนต์ Beauty ทำผลงานบน TikTokได้ดีกว่า Instagram ในปัจจุบัน ในขณะที่คอนเทนต์ ยานยนต์ จะโดดเด่นที่สุดบน YouTube อย่างชัดเจน
คอนเทนต์คือหัวใจ: วิดีโอสั้นครองเมืองและ “ความตลก” คือราชา
ยุคนี้เป็นยุคของวิดีโอสั้นอย่างแท้จริง เมื่อข้อมูลระบุว่า 82.7% ของคอนเทนต์ที่ครีเอเตอร์ผลิตคือ “คลิปสั้น” ซึ่งกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมไปแล้ว
สำหรับหมวดหมู่ยอดนิยม 6 อันดับแรกยังคงเป็นกลุ่มเดิม (Lifestyle, Beauty, บันเทิง, ท่องเที่ยว, เกม, อาหาร) แต่ที่น่าสนใจคือการเติบโตของหมวดหมู่นอกสายตาอย่าง “สัตว์เลี้ยง (Pet)” และ “สุขภาพ (Fitness & Wellness)” ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่เมื่อวัดกันที่ “ค่าเฉลี่ย Engagement ต่อโพสต์” หมวดหมู่ที่ครองแชมป์เหนือทุกหมวดคือ “ตลก (Comedy)” ซึ่งสะท้อนว่าคอนเทนต์ที่สร้างเสียงหัวเราะยังคงเชื่อมต่อกับผู้ชมได้ดีที่สุด
เปิดเส้นเลือดใหญ่แห่งรายได้: Affiliate กำลังผงาดและโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน
ยุคของครีเอเตอร์ที่รายได้ 100% มาจากสปอนเซอร์ได้จบลงแล้ว ปัจจุบันครีเอเตอร์แทบทุกคนมีรายได้จากหลายช่องทาง โดย 3 อันดับแรกคือ รายได้จากแพลตฟอร์ม สปอนเซอร์ และที่น่าจับตามองคือ การติดตะกร้าสินค้า (Affiliate Marketing) ซึ่งขึ้นมาเป็นอันดับ 3 และขยายตัวไปนอกเหนือจาก E-commerce ทั่วไปสู่แพลตฟอร์มเฉพาะทางอย่าง Agoda (ท่องเที่ยว) และ Grab (บริการ)
ที่สำคัญคือ ครีเอเตอร์จำนวนมากพิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนได้โดยไม่ต้องพึ่งสปอนเซอร์เป็นหลัก เช่น Rubsarb Production ที่มีรายได้หลักจากการขายสินค้า (Merchandise) พี่นัท (P’Natt) จากระบบสมาชิก (Membership) หรือ ฟาโรส (Farose) จากการจัดอีเวนต์
เครื่องมือคู่ใจครีเอเตอร์: เมื่อความง่ายและ AI เข้ามามีบทบาท
เทรนด์การเลือกใช้เครื่องมือของครีเอเตอร์สะท้อนการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ โดยซอฟต์แวร์ที่ใช้งานง่ายและรวดเร็วอย่าง CapCut และ Canva ได้รับความนิยมแซงหน้าโปรแกรมระดับโปรอย่าง Adobe ไปแล้ว นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยี AI มาปรับใช้ก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เมื่อ Midjourney (เครื่องมือสร้างภาพด้วย AI) กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือยอดนิยมที่ครีเอเตอร์เลือกใช้
เสียงจากครีเอเตอร์ถึงภาครัฐ: ขอแค่ “การยอมรับ” ให้เป็นอาชีพ
สิ่งที่เหล่าครีเอเตอร์ต้องการจากการสนับสนุนของภาครัฐ อันดับหนึ่งไม่ใช่เรื่องเงินทุน แต่เป็นสิ่งที่เรียบง่ายทว่าสำคัญที่สุด นั่นคือ การบรรจุครีเอเตอร์ให้เป็นอาชีพอย่างเป็นทางการ
การไม่ถูกยอมรับในระบบสร้างปัญหามากมาย ตั้งแต่การยื่นภาษี การทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคาร (การกู้เงิน, ทำบัตรเครดิต) ไปจนถึงการขาดสวัสดิการที่เหมาะสม พวกเขาต้องการการศึกษาที่ถูกต้องด้านภาษี กองทุนสนับสนุน และการมีสมาคมวิชาชีพเพื่อขับเคลื่อนวงการอย่างยั่งยืน
iCreator Report 2025 ไม่ใช่เพียงรายงานสรุป แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งใหม่ ที่จะนำพาอุตสาหกรรมครีเอเตอร์ไทยให้เติบโตไปไกลระดับโลกบนรากฐานของ “ข้อมูล” ที่แข็งแกร่งและเปิดกว้างสำหรับทุกคนอย่างแท้จริง
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ไปรษณีย์ไทย x กรมประมง เปิดเส้นทางส่ง ‘ปลากัดไทย’ สู่ตลาดโลก
‘คิดน้อย ทำเยอะ’ กับดักนักการตลาดยุค AI Lacks Strategy ลืมสร้างแบรนด์