วงการคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ที่เคยถูกมองว่าเป็นเพียงงานอดิเรกที่ขับเคลื่อนด้วย Passion ได้แปรเปลี่ยนสู่ “Creator Economy” อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย 3 ผู้เล่นหลักในสมรภูมินี้ ที่เป็นตัวแทนจากแพลตฟอร์ม แบรนด์ และครีเอเตอร์ตัวจริง ร่วมกันถอดรหัสว่าทำอย่างไรให้ความชอบกลายเป็นอาชีพที่ยั่งยืนในยุคที่การแข่งขันสูงเสียดฟ้า และคำตอบที่ได้ก็ชัดเจนว่า “Passion อย่างเดียวไม่พออีกต่อไป”
ภาพรวมเศรษฐกิจครีเอเตอร์: เติบโตไร้ขีดจำกัดแต่การแข่งขันสูง
ในมุมมองของแพลตฟอร์ม พัฐวร ผ่องแผ้ว Head of Product and Technology Department จาก True ID กล่าวว่า โครงการ True ID Creator ที่เริ่มต้นในปี 2019 จนถึงปัจจุบันมีจำนวนครีเอเตอร์เข้าร่วมกว่า 20,000 คน ซึ่งเติบโตขึ้นกว่า 1,000% ในเวลาเพียง 5-6 ปี โดยวิวัฒนาการไม่ได้หยุดอยู่แค่จำนวน แต่ยังรวมถึงรูปแบบคอนเทนต์ที่พัฒนาจากบทความตัวอักษรไปสู่วิดีโอและคอนเทนต์รูปแบบอื่น ๆ ที่ซับซ้อนขึ้น ปัจจัยเร่งสำคัญคือเครื่องมือที่เข้าถึงง่ายขึ้น
“ในอดีต การสร้างคอนเทนต์วิดีโอหนึ่งชิ้นต้องมีสตูดิโอและอุปกรณ์ตัดต่อที่ซับซ้อน กว่าจะเสร็จหนึ่งคลิปใช้เวลาเป็นอาทิตย์แต่ปัจจุบัน แค่มีโทรศัพท์เครื่องเดียวก็สามารถถ่ายทำและตัดต่อคลิปสั้นลง TikTok ได้จบภายในวันเดียว” พัฐวร กล่าว
ด้าน ดร.ธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ CEO จาก EGG Digital ได้ให้มุมมองฝั่งแบรนด์ว่า ตลาด Influencer Marketing มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 70% ต่อปี และมีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง โดยแบรนด์ที่ใช้คอนเทนต์ครีเอเตอร์สามารถสร้าง Brand Uplift และ Sales Uplift ได้ตั้งแต่ 20-45% เหตุผลสำคัญคือพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“สมัยก่อนยุค Generation ผม เราชอบให้คนมาบอก ต้องมี BA (Beauty Advisor) หรือ PC (Product Consultant) คอยแนะนำ แต่ปัจจุบันคนเริ่มหาข้อมูลเองเพิ่มมากขึ้นเพราะเราเป็น Digital Self-sufficient ไม่ต้องไปถามเพื่อน เสิร์ชก็ได้ข้อมูลทั้งหมดแล้ว” ดร.ธีรเดชอธิบาย ทำให้ผู้บริโภคเชื่อและคล้อยตามไลฟ์สไตล์ของครีเอเตอร์ที่พวกเขารู้สึกเชื่อมโยงได้มากกว่า
ขณะที่ ปิยวัฒน์ ปิยวัชรวิจิตร เจ้าของช่องยูทูป “Bangk Pll” ในฐานะครีเอเตอร์ที่อยู่ในวงการมานาน สะท้อนว่า แม้ยุคนี้จะเป็นโอกาสของคนหน้าใหม่ แต่ก็มาพร้อมความท้าทายมหาศาล “สมัยก่อนการแข่งขันไม่เยอะเท่านี้ แต่สมัยนี้ทุกคนมีช่อง TikTok เป็นของตัวเองได้ การแข่งขันจึงสูงมาก ซึ่ง Passion อย่างเดียวไม่พอแล้ว แต่ต้องมีทั้ง Mindset และทักษะในการทำคอนเทนต์ด้วย”
จาก Passion สู่อาชีพ: เมื่อ “วินัยและทักษะ” สำคัญกว่าแค่ความชอบ
ปิยวัฒน์กล่าวว่า จุดเปลี่ยนที่ทำให้ครีเอเตอร์ไปต่อได้อย่างยั่งยืนว่า “หลายคนเริ่มต้นจาก Passion แต่สุดท้ายมันจะมีวันนึงที่คุณรู้สึกว่าคุณเบื่อแล้ว ทำไมมันตันไปหมดเลย มันรู้สึกเหนื่อย จุดเปลี่ยนของผมคือการถอยออกมามองตัวเอง แล้วพบว่าต้องมีความจริงจังเหมือนการทำอาชีพ นั่นคือ วินัยและความสม่ำเสมอ ซึ่งมันขาดไป เช่น ใช้ชีวิตไม่ปกติ นอนดึก ทำให้เวลาทำงานน้อยลง”
ซึ่งทักษะที่จำเป็นสำหรับครีเอเตอร์ยุคใหม่ ก็คือ Storytelling การเล่าเรื่องเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้คนดูรู้สึกร่วมและสนุกไปกับคอนเทนต์ Branding การสร้างคาแรคเตอร์หรือกิมมิคที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองให้เป็นที่จดจำ Data Analysis การวิเคราะห์ข้อมูลหลังบ้านเป็นสิ่งขาดไม่ได้ “สมมติคลิป YouTube ยาว 15 นาที ถ้าคนดูเราแค่ 7-10 นาที นี่คือเยอะและเก่งมาก ๆ แล้ว เราต้องเอาข้อมูลนี้มาปรับใช้ว่าช่วงไหนของคลิปที่อาจจะเริ่มเอื่อย เพื่อใส่กิมมิคเพิ่มเข้าไป”
AI as an Assistant การใช้ AI เป็นเครื่องมือช่วยคิดไอเดียคอนเทนต์ในภาพกว้าง หรือช่วยวางตารางงาน แต่ยังคงต้องใส่ความเป็นตัวเองลงไปในเนื้องาน และ Understanding Regulations การศึกษาและปฏิบัติตามกฎกติกาของแต่ละแพลตฟอร์ม รวมถึงกฎหมายและศีลธรรม เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง “เราเห็นหลายคนมีผู้ติดตามเป็นล้าน แต่ก็ตกม้าตายเพียงเพราะไลฟ์สดแล้วพูดคำต้องห้ามไม่กี่คำ จนโดนปิดช่องถาวรไปเลย”
Ecosystem แห่งการสนับสนุน: แพลตฟอร์มยุคใหม่ที่ไม่ได้ให้แค่พื้นที่
เมื่อการเป็นครีเอเตอร์ต้องใช้ทักษะรอบด้าน แพลตฟอร์มและแบรนด์จึงเข้ามามีบทบาทในการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) เพื่อสนับสนุนให้ครีเอเตอร์เติบโตได้อย่างมืออาชีพ
พัฐวรกล่าวว่า True ID ไม่ได้เป็นแค่พื้นที่ให้อัปโหลดคอนเทนต์ แต่ยังสร้าง True ID Creator Program เพื่อต้อนรับครีเอเตอร์หน้าใหม่ จัดกิจกรรมคอมมูนิตี้ให้มาพบปะแลกเปลี่ยนความรู้ และเมื่อครีเอเตอร์เริ่มจริงจังมากขึ้น โดยมีหน่วยงานในเครืออย่าง Online Station เข้ามาช่วยดูแลในเชิงธุรกิจ (Business Operation) เพื่อให้ครีเอเตอร์สามารถโฟกัสกับการสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ True ID ยังมองหาช่องทางการสร้างรายได้ที่หลากหลายให้ครีเอเตอร์มากกว่าแค่ค่าโฆษณา เช่น การเปลี่ยน (convert) ผู้ชมไปสู่การซื้อสินค้า หรือการเข้าร่วม Loyalty Program เป็นต้น
ในขณะเดียวกัน ดร.ธีรเดชชี้ว่าเทคโนโลยีได้เข้ามาทลายกำแพงระหว่างแบรนด์กับครีเอเตอร์รายย่อย “สมัยก่อนต้องมีคนกลางคอยจับครีเอเตอร์ไปขายให้แบรนด์” แต่ปัจจุบัน EGG Digital ได้พัฒนาแพลตฟอร์มที่ใช้ AI มาแก้ปัญหานี้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็น
- Influent.ai แพลตฟอร์มที่เปิดให้ครีเอเตอร์ทุกระดับ (Nano, Micro, Macro) เข้ามาลงทะเบียน จากนั้น AI จะทำหน้าที่วิเคราะห์โปรไฟล์และ Personality เพื่อจับคู่กับแบรนด์ที่มีกลุ่มเป้าหมายตรงกัน เปรียบเสมือน Marketplace ที่ทำให้แบรนด์สามารถค้นหาครีเอเตอร์ที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุดได้
- Ad-match แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ครีเอเตอร์สามารถนำสินค้าของแบรนด์ไปโปรโมตหรือขายผ่านช่องทาง TikTok Live ได้ง่ายขึ้น โดยมีทีมงานช่วยดูแลทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน
บทสรุปสู่ความสำเร็จ: ค้นหาตัวตนทำสม่ำเสมอและไม่หยุดพัฒนา
ในช่วงท้าย ทั้ง 3 วิทยากรได้ฝากเคล็ดลับสำหรับผู้ที่ต้องการจะก้าวสู่เส้นทางนี้อย่างยั่งยืน โดย ดร.ธีรเดชกล่าวว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมี Personality ของตัวเอง การแชร์ไลฟ์สไตล์หรือสิ่งที่เรารักจริง ๆ จะทำให้เราไม่เหนื่อยกับการต้องสร้างคอนเทนต์ใหม่ตลอดเวลา และยังเป็น Brand Asset ที่แข็งแกร่ง”
ในขณะที่พัฐวรกล่าวว่า การหาตัวตนให้เจอ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งอาจไม่ใช่แค่ตัวตนจริง ๆ ของเราเสมอไป บางคนสร้าง Personality ใหม่ขึ้นมา หรือบางคนอาจไม่เปิดเผยตัวตนเลยแต่ใช้รูปแบบอื่น เช่น ทำคลิป ASMR ก็ประสบความสำเร็จได้ และเมื่อเข้ามาในวงการแล้ว การร่วมมือ (Collaboration) กับครีเอเตอร์คนอื่น ๆ จะช่วยให้เกิดการเรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน
ส่วนปิยวัฒน์กล่าวว่า คนที่รอดและเติบโตในตลาดนี้ได้คือคนที่ทำจริงจัง สม่ำเสมอ และไม่หยุดพัฒนา ลองใช้หลักการอย่าง ‘อิคิไก’ (Ikigai) เพื่อค้นหาจุดร่วมของ ‘สิ่งที่รัก สิ่งที่ถนัด สิ่งที่สร้างรายได้ และสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น’ “เมื่อเจอทางของตัวเองแล้ว เราจะไปต่อได้อย่างสบาย”
ท้ายที่สุดแล้ว การจะเปลี่ยนความชอบให้เป็นอาชีพที่ประสบความสำเร็จในยุค Creator Economy นั้น ไม่สามารถพึ่งพาเพียง Passion ได้อีกต่อไป แต่ต้องอาศัยการผสมผสานระหว่างทักษะที่รอบด้าน วินัยในการทำงาน การวางกลยุทธ์ และการใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มและเครื่องมือที่เข้ามาสนับสนุน เพื่อสร้างตัวตนที่โดดเด่นและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในสนามการแข่งขันที่ทวีความเข้มข้นขึ้นทุกวัน
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
SCB ปรับทัพใหญ่: ลดคน-สาขาทุ่มงบ AI พลิกโฉมธนาคาร
พฤติกรรมการเงินคนไทยเปลี่ยน! MAKE by KBank เผยเทรนด์ ‘แบ่งเงินก่อนใช้’ มาแรง