บนเวทีสัมมนาหัวข้อ “The Future Direction of Thailand : เมื่อโลกเปลี่ยน…ประเทศไทยไปทางไหน?” ภายในงาน CEO Econmass Awards 2025 ซึ่งจัดโดย สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย “อนุทิน ชาญวีรกูล” ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “รีเซ็ตโครงสร้างประเทศ recover เศรษฐกิจไทย” ชี้ชัดถึงเวลาที่ประเทศไทยต้อง “รีเซ็ตวิธีคิด” ไม่ใช่แค่เปลี่ยนนโยบาย เพื่อรับมือกับโลกที่ผันผวนและเต็มไปด้วยความท้าทายใหม่ๆ พร้อมเปิดพิมพ์เขียวการปฏิรูปประเทศใน 4 มิติหลัก ตั้งเป้าทวงคืนความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ท่ามกลางเสียงสะท้อนความเจ็บปวด “ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งเศรษฐกิจไทยจะโตช้ากว่าประเทศในภูมิภาคอินโดจีน”
ในยุคที่โลกเผชิญกับสารพัดวิกฤตซ้อน ทั้งสงครามการค้า, ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโรคอุบัติใหม่ และการปฏิวัติทางเทคโนโลยี AI นายกฯ อนุทิน ได้ตอกย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่ประเทศไทยต้องปรับตัวครั้งใหญ่ โดยเปรียบเทียบประเทศเหมือนองค์กรที่หากไม่กล้าปรับตัวก็ต้องล่มสลายไปในที่สุด
“คำว่ารีเซ็ตหมายถึงรีเซ็ตวิธีคิดของเรา เราต้องกลับมาทบทวนสิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันแล้วถามว่ายังจำเป็นไหม ยังได้ผลไหม ยังเหมาะกับการเปลี่ยนแปลงไปของโลกหรือไม่” นายกฯ อนุทิน กล่าว พร้อมชี้ว่าเป้าหมายสูงสุดของประเทศไม่ใช่แค่ “กำไร” เหมือนบริษัท แต่คือ “ความมั่นคง” ในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และการต่างประเทศ
พลิกโจทย์เศรษฐกิจ–ทวงคืนศักดิ์ศรี
ประเด็นที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ คือการรีเซ็ตด้านเศรษฐกิจ โดยยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า การที่เศรษฐกิจไทยเติบโตช้ากว่าเวียดนามและประเทศเพื่อนบ้าน ถือเป็นวาระด่วนที่ต้องเร่งแก้ไข
รัฐบาลชุดนี้ได้วางแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไว้ 3 แกนหลัก คือ สร้างรายได้ ลดรายจ่าย และลดหนี้ ผ่านนโยบายที่เป็นรูปธรรม ได้แก่
- มาตรการลดค่าครองชีพ ทั้งการลดค่าพลังงานและค่าขนส่ง เพื่อแบ่งเบาภาระของประชาชนโดยตรง
- โครงการคนละครึ่งพลัส อัดฉีดเม็ดเงินกว่า 4.4 หมื่นล้านบาท และเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีกกว่า 2 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะสร้างเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจฐานรากได้ไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาทภายในไม่กี่สัปดาห์
- เสริมความแกร่งภาคเกษตรและ SME ผลักดันแนวทาง Smart Farming, สนับสนุนพลังงานหมุนเวียนในภาคครัวเรือนและเกษตร, เร่งเจรจาข้อตกลงภาษีต่างตอบแทน (Agreement on Reciprocal Tax) เพื่อช่วยผู้ประกอบการที่เผชิญแรงกดดันจากตลาดโลก
- มุ่งสู่อุตสาหกรรมอนาคต ผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างจริงจัง ผ่านการใช้ AI และ Big Data พร้อมส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น เซมิคอนดักเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง และเทคโนโลยีสีเขียว (Green Technology)
“เราเคยนำมาไกลมาก จนอาจจะรู้สึกอยู่ตัวแล้วก็เลยชะลอตัวลง…พอเราเผลอแว๊บเดียว มันก็เหมือนกระต่ายกับเต่า ตื่นขึ้นมาเขานำหน้าไปแล้ว แต่เราอย่าเป็นเหมือนนิทานอีสป เราต้องกระโดดให้ทัน” นายกฯ อนุทินกล่าวด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย
ยกเครื่องกฎหมาย-ความมั่นคงสู่มาตรฐานโลก (OECD)
ก่อนที่เศรษฐกิจจะวิ่งไปข้างหน้าได้ รากฐานด้านความมั่นคงและหลักนิติธรรมต้องแข็งแกร่ง นายกฯ อนุทิน เปิดเผยว่า ประเทศไทยกำลังอยู่ในกระบวนการสมัครเข้าเป็นสมาชิก องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ซึ่งเปรียบเสมือนการยกระดับเรตติ้งของประเทศในเวทีโลก การเข้าร่วม OECD ทำให้รัฐบาลต้องเร่งรีเซ็ตด้านความมั่นคงและกระบวนการยุติธรรมในหลายมิติ
ยกเครื่องกระบวนการยุติธรรม ปรับปรุงกฎระเบียบต่าง ๆ ให้ได้มาตรฐานสากล โปร่งใส และมีธรรมาภิบาล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน ปราบปรามภัยสังคม จัดการปัญหา ยาเสพติด อาชญากรรมออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการทุจริตคอร์รัปชันอย่างจริงจัง เพราะสิ่งเหล่านี้คือต้นทุนแฝงที่กัดกร่อนระบบเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของประเทศ และ ความมั่นคงแนวชายแดน ใช้ทั้งการทูต การทหาร และพลังทางเศรษฐกิจ เพื่อเปลี่ยนพื้นที่ตึงเครียดให้เป็นพื้นที่แห่งความร่วมมือ
รับมือสังคมสูงวัย–สิ่งแวดล้อมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
อีกสองความท้าทายใหญ่ที่ประเทศไทยต้องเผชิญ คือ การรีเซ็ตเพื่อฟื้นฟูศักยภาพคนไทยในสังคมสูงวัย และ การรีเซ็ตด้านสิ่งแวดล้อมและดิจิทัล
- สังคมสูงวัย (Aging Society) เมื่อคนอายุยืนขึ้นแต่เด็กเกิดน้อยลง รัฐบาลต้องสร้างระบบที่เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุยังมีงานทำและมีรายได้ พร้อมแย้มถึงแนวทางการพิจารณา ปรับขยายอายุเกษียณราชการ นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้กรมโยธาธิการและผังเมืองนำแนวคิด Universal Design มาใช้ในการออกแบบเมืองและอาคาร เพื่อเอื้อต่อการใช้ชีวิตของทุกคน
- เป้าหมาย Net Zero รัฐบาลตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี พ.ศ. 2593 หรืออีก 25 ปีข้างหน้า โดยจะจัดตั้งตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิต และผลักดันกฎหมายสำคัญ เช่น พ.ร.บ.อากาศสะอาด และ พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
- รัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) เร่งสร้างระบบราชการที่เชื่อมโยงกันทั้งประเทศ เพื่อเพิ่มความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันการทุจริต
ในช่วงท้าย นายกฯ อนุทิน ได้กล่าวเชิญชวนทุกภาคส่วน ทั้งรัฐ เอกชน ประชาชน และสื่อมวลชน ให้ร่วมกันมองอนาคตและขับเคลื่อนประเทศไปด้วยกัน
“ไม่มีรัฐบาลใดที่จะรีเซ็ตประเทศได้เพียงลำพัง ประเทศไทยไม่ได้ขาดศักยภาพ แต่เราขาดระบบที่เปิดโอกาสให้ศักยภาพนั้นได้ทำงานอย่างเต็มที่…เราต้องกลับมามองประเทศไทยด้วยสายตาที่เป็นมิตร แล้วเราจะเห็นประเทศไทยในเวอร์ชั่นที่พร้อมจะเติบโตอีกครั้งอย่างยั่งยืน”
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
กระทรวงพลังงานชูยุทธศาสตร์ ‘Quick Big Win’ เร่งเครื่องไทยสู่ Net Zero 2050
ททท. x ครีเอเตอร์: กลยุทธ์ใหม่ใช้ ‘Human Touch’ มัดใจนักท่องเที่ยวโลก