เมื่อทั่วโลกกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤติทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง เวที “งานประชุมวิชาการเครือข่ายส่งเสริมการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืนแห่งประเทศไทย ประจำปี 2568” จึงกลายเป็นหมุดหมายสำคัญของการแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ โดยหนึ่งในเสียงสะท้อนที่น่าจับตามองมาจาก ดร.สุรชัย สถิตคุณารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ผู้กุมบังเหียนหน่วยงาน “มันสมอง” ด้านนโยบายวิจัยและนวัตกรรมของไทย ที่ได้มาร่วมฉายภาพอนาคตของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่ไม่ได้หยุดอยู่แค่ในเล่มรายงาน แต่มุ่งเน้นการลงมือทำจริง
รู้เท่าทันกติกาโลก: เมื่อความยั่งยืนคือทางรอด ไม่ใช่ทางเลือก
ดร.สุรชัย เริ่มต้นด้วยการชี้ให้เห็นบริบทที่กว้างกว่าแค่เรื่องภายในประเทศ โดยย้ำว่าการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียนในวันนี้ จำเป็นต้องมองให้ไกลถึง “กติการะดับโลก” ในฐานะที่ไทยเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานโลก เราไม่อาจละเลยข้อตกลง กฎหมาย และระเบียบการค้าระหว่างประเทศที่กำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ การปรับตัวตามมาตรฐานสากลจึงไม่ใช่เพียงการรักษ์โลก แต่คือกลยุทธ์เพื่อความอยู่รอดทางเศรษฐกิจ ป้องกันไม่ให้ไทยต้องเผชิญกับกำแพงภาษีหรือมาตรการกีดกันทางการค้าในอนาคต
บทบาท ‘Policy Maker’ กับการสร้างระบบนิเวศการเงินและตลาด
ในฐานะสถาปนิกผู้ออกแบบนโยบาย ดร.สุรชัย ขยายความว่า สอวช. ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงแค่สนับสนุนทุนวิจัยผ่านหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) เท่านั้น แต่ภารกิจสำคัญคือการสร้าง “ระบบนิเวศ” ที่ครบวงจร โดยเฉพาะกลไกทางการเงินและการสร้างตลาด ท่านได้กล่าวถึงความสำคัญของการจัดทำมาตรฐานการเงินที่ยั่งยืน หรือ Thailand Taxonomy รวมถึงการสร้างเครื่องมือการลงทุน (Investment Tools) และแรงจูงใจทางการเงิน เพื่อดึงดูดภาคเอกชนเข้าสู่ระบบ นอกจากนี้ยังต้องผลักดันให้เกิดตลาดรองรับสินค้าจากเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อให้มั่นใจว่านวัตกรรมที่ผลิตออกมาจะมีที่ยืนในตลาดและสร้างรายได้ได้จริง
หัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนนโยบายคือความเข้าใจที่ตรงกัน ดร.สุรชัย ได้หยิบยกทฤษฎีแผนภาพผีเสื้อ (Butterfly Diagram) ขึ้นมาอธิบายกลางเวทีประชุม เพื่อสร้างความเข้าใจใหม่ว่า เศรษฐกิจหมุนเวียนไม่ใช่แค่การรีไซเคิล แต่คือกระบวนการรักษาคุณค่าของทรัพยากรให้อยู่ในระบบเศรษฐกิจให้นานที่สุด เปรียบเสมือนปีกสองข้าง ปีกซ้ายคือวัตถุดิบทางชีวภาพ (Bio) ที่หมุนเวียนคืนสู่ธรรมชาติ และปีกขวาคือวัตถุดิบทางเทคนิค (Non-bio) ที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการหมุนเวียนกลับมาใช้ซ้ำ เพื่อลดการใช้วัตถุดิบตั้งต้นใหม่ (Virgin Material) ให้เหลือน้อยที่สุด
จากทฤษฎีสู่ ‘สระบุรีแซนด์บ็อกซ์’ : พื้นที่ทดสอบแห่งความสำเร็จ
รูปธรรมที่ชัดเจนที่สุดของการนำนโยบายสู่การปฏิบัติ คือการเกิดของ “สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ (Saraburi Sandbox)” โดย ดร.สุรชัย ได้เล่าถึงความสำเร็จของ “โมเดลตาลเดี่ยว” ในจังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นการผนึกกำลังระหว่างชุมชน ภาครัฐ และเอกชน ในการจัดการขยะตั้งแต่ต้นทางที่ครัวเรือน ไปจนถึงปลายทางที่โรงงานอุตสาหกรรม สิ่งที่น่าสนใจคือการนำเทคโนโลยี บล็อกเชน (Blockchain) เข้ามาสร้างระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ทำให้การจัดการขยะมีความโปร่งใส และสามารถคำนวณปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจกได้อย่างแม่นยำ โดยผลลัพธ์จากการดำเนินงานเพียงหนึ่งปีสามารถลดคาร์บอนได้เทียบเท่ากว่า 39 ตัน ซึ่งถือเป็นโมเดลต้นแบบที่พิสูจน์แล้วว่า นวัตกรรมสามารถแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมพร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มได้จริง
ผนึกกำลัง ส.อ.ท. ใช้ AI วัดระดับความ ‘กรีน’
อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญที่ ดร.สุรชัย นำเสนอคือเครื่องมือใหม่ในการสร้างมาตรฐานให้กับภาคธุรกิจ เพื่อป้องกันปัญหาการกล่าวอ้างเกินจริง หรือ Greenwashing นั่นคือ ตัวชี้วัดองค์กรสีเขียว (Green Enterprise Indicator – GEI) ซึ่งไม่ได้ทำขึ้นโดยลำพัง แต่เกิดจากความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) โดยได้เริ่มนำร่องทดสอบระบบกับบริษัทชั้นนำถึง 12 บริษัท เพื่อให้มั่นใจว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้นั้นปฏิบัติได้จริง ความล้ำหน้าของเครื่องมือนี้อยู่ที่การนำเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยวิเคราะห์และประเมินผลข้อมูลความยั่งยืน ทำให้การวัดระดับความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีความรวดเร็ว แม่นยำ และเป็นมาตรฐานสากล
มากกว่าเทคโนโลยี คือ ‘คน’ และสังคม
อย่างไรก็ตาม ดร.สุรชัย ย้ำทิ้งท้ายว่า เทคโนโลยีและนโยบายที่ดีเลิศอาจไร้ผลหากขาด “มิติทางสังคม” การขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนจำเป็นต้องสร้างความตระหนักรู้ (Awareness) และการยอมรับทางสังคม (Social License) ควบคู่กันไป ต้องทำให้ประชาชนเข้าใจและพร้อมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค เพราะท้ายที่สุดแล้ว ผู้ขับเคลื่อนวงล้อเศรษฐกิจหมุนเวียนที่แท้จริงคือ “คน” ในสังคมนั่นเอง
สอวช. ยืนยันความมุ่งมั่นที่จะใช้วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เป็นเข็มทิศนำทางประเทศไทย ฝ่าคลื่นลมแห่งวิกฤติสิ่งแวดล้อม ไปสู่อนาคตของเศรษฐกิจยุคใหม่ที่เติบโตควบคู่ไปกับความยั่งยืนอย่างแท้จริง
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
Family Tourism สุขยกครัว ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก
เมื่อโลกเทคโนโลยีเคาะประตูสภา: เดิมพันครั้งใหม่ของ ‘Tech Talent’ กับการเปลี่ยนผ่านประเทศไทย




