Story of Business • Technology • Sustainability
Share on
×

Share

สผ. เปิด Roadmap 2580 ดัน ‘รายย่อย’ พลิกไทยสู่ความยั่งยืน

ในยุคที่ “ความยั่งยืน” ไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่เป็นเงื่อนไขความอยู่รอดของเศรษฐกิจโลก ประเทศไทยกำลังขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติผ่านพิมพ์เขียวฉบับสำคัญที่เปรียบเสมือนเข็มทิศนำทางสู่อนาคต นั่นคือ แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน (SCP Roadmap) พ.ศ. 2567-2580

บนเวที งานประชุมวิชาการเครือข่ายส่งเสริมการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืนแห่งประเทศไทย ประจำปี 2568 กานดา ชูแก้ว รองเลขาธิการ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ได้ระบุถึงทิศทางใหม่ของการพัฒนาประเทศ ที่ไม่ได้มองเพียงตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ให้ความสำคัญกับสมดุลของทรัพยากร โดยมีเป้าหมายระยะยาวครอบคลุม 3 ช่วงเวลาสำคัญ ตั้งแต่การวางรากฐานในปี 2567 ไปจนถึงการบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนอย่างสมบูรณ์ในปี 2580

ยุทธศาสตร์ “ต้นน้ำชนปลายน้ำ”: สร้างตลาดรองรับ ไม่ใช่แค่สั่งให้ผลิต

จุดเด่นที่ทำให้ Roadmap ฉบับนี้แตกต่างจากแผนงานทั่วไป คือมุมมองการบริหารจัดการแบบครบวงจรตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Value Chain) ไม่ใช่การแก้ปัญหาแบบแยกส่วน แต่เชื่อมร้อยกระบวนการตั้งแต่ “ต้นน้ำ” ที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร ทั้งน้ำ พลังงาน และลดการปล่อยคาร์บอน สู่ “กลางน้ำ” ที่เน้นส่งเสริมให้ภาคการผลิตดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

และที่สำคัญที่สุดคือการแก้โจทย์ใหญ่ในระดับ “ปลายน้ำ” เพื่อตอบคำถามของผู้ประกอบการว่า “ผลิตสินค้าสีเขียวแล้วจะไปขายใคร?” แผนนี้จึงระบุชัดเจนถึงการสร้าง “ตลาดสีเขียว” โดยใช้กลไกการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐและภาคเอกชน เป็นแรงดูดซับสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดระบบเศรษฐกิจที่หมุนเวียนได้จริง

6 เสาหลัก: ขอบเขตการเปลี่ยนแปลงที่ครอบคลุมทุกมิติ

กานดา ชูแก้ว รองเลขาธิการ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)
กานดา ชูแก้ว รองเลขาธิการ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)

เพื่อให้การขับเคลื่อนเกิดขึ้นในวงกว้าง แผนนี้ได้กำหนดเป้าหมายครอบคลุม 6 ภาคส่วนสำคัญ ที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของประเทศ ได้แก่

  1. ภาคอุตสาหกรรมและการผลิต: ปรับเปลี่ยนกระบวนการสู่ความยั่งยืน
  2. ภาคเกษตรกรรมและอาหาร: สร้างความมั่นคงทางอาหารและลดของเสีย
  3. ภาคการท่องเที่ยวและบริการ: ยกระดับสู่การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
  4. การจัดการเมืองและเทศบาล: สร้างเมืองที่น่าอยู่และยั่งยืน
  5. การสร้างความตระหนักรู้และการศึกษา: ปลูกฝัง DNA รักษ์โลกให้คนในชาติ
  6. การจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว: สร้างตลาดมาตรฐานเพื่อรองรับสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เจาะฐานรากเศรษฐกิจ: เมื่อ MSMEs คือหัวใจของความเปลี่ยนแปลง

เจาะฐานรากเศรษฐกิจ: เมื่อ MSMEs คือหัวใจของความเปลี่ยนแปลง

ในบรรดาภาคส่วนทั้งหมด จุดเปลี่ยนสำคัญอยู่ที่การหันมาโฟกัส “คนตัวเล็ก” ในโครงสร้างเศรษฐกิจ ข้อมูลระบุชัดเจนว่าธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 99.5% ของกิจการทั้งหมดในไทย การจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนจึงไม่อาจทิ้งคนกลุ่มนี้ไว้ข้างหลัง

สผ. จึงได้จับมือกับสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พัฒนาเกณฑ์ชี้วัดความยั่งยืนที่ “เหมาะสม” และสอดคล้องกับบริบทของผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล โดยเริ่มนำร่องทดลองใช้จริงกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อพิสูจน์ว่าความยั่งยืนเป็นเรื่องที่สร้าง “แต้มต่อ” ทางธุรกิจได้จริง

ปฏิบัติการ “Quick Win”: สงครามขยะอาหารและพลังความร่วมมือ

ในมิติของภาคเกษตรและอาหาร ประเด็น “ขยะอาหาร” (Food Waste) ถูกยกขึ้นมาเป็นวาระเร่งด่วน (Quick Win) สผ. ได้แสดงบทบาทเป็นเจ้าภาพในการผนึกกำลังภาคีเครือข่ายกว่า 15 หน่วยงาน ทั้งภาครัฐ ห้างสรรพสินค้า และสถาบันการศึกษา ลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) ไปเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2568

เป้าหมายคือการสร้างโมเดลต้นแบบในการลดขยะอาหารอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีกำหนดการ “Kick off” ปฏิบัติการจริงในวันที่ 6 มกราคม 2569 ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน พร้อมแคมเปญรณรงค์เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคและผู้ประกอบการร้านอาหาร ให้ตระหนักถึงมูลค่าของทรัพยากรที่สูญเสียไป

นวัตกรรมเปลี่ยนพฤติกรรม: จาก Eco-Net สู่โอกาสใหม่

ด้านการสร้างความตระหนักรู้ สผ. ได้พัฒนานวัตกรรมแอปพลิเคชัน “Eco-Net” ร่วมกับเครือข่ายเยาวชน ภายใต้แนวคิด “Change to Chance” หรือ เปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสร้างโอกาส ทำหน้าที่เสมือนสมุดพกความดีด้านสิ่งแวดล้อม บันทึกทุกกิจกรรมสีเขียว โดยมุ่งหวังให้เรื่องเหล่านี้กลายเป็น “วิถีชีวิต” ใหม่ของคนไทย และในอนาคต ข้อมูลเหล่านี้จะถูกเชื่อมโยงเพื่อสร้างสิทธิประโยชน์และแรงจูงใจให้กับการทำดีเพื่อโลก

ผลสัมฤทธิ์และความร่วมมือระดับโลก

ผลลัพธ์จากการดำเนินงานในระยะแรกเริ่มปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรม โดยประเทศไทยสามารถลดการใช้น้ำในภาคอุตสาหกรรมได้ถึง 4.5 ล้านลูกบาศก์เมตร และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 9.3 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

ความสำเร็จเหล่านี้ส่วนหนึ่งเกิดจากการบูรณาการความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับรัฐบาลเยอรมนี (GIZ) ในโครงการ CCMD ที่มุ่งเน้นการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพและการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน สะท้อนให้เห็นว่า SCP Roadmap ของไทย ไม่ได้ทำงานอยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่เชื่อมโยงเป็นเนื้อเดียวกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) เป้าหมายที่ 12

ก้าวต่อไป: การบูรณาการฐานข้อมูล (Data Integration)

ความท้าทายในระยะถัดไป (พ.ศ. 2571-2575) คือการสร้างระบบวัดผลที่แม่นยำ คุณกานดาชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของ “การบูรณาการระบบข้อมูล (Data System Integration)” เพื่อเชื่อมโยงฐานข้อมูลระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ให้เป็นเนื้อเดียวกัน ทำให้ประเทศมีตัวชี้วัดกลางที่สามารถติดตามผลการลดก๊าซเรือนกระจก การใช้น้ำ และการใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส

แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืนฉบับนี้ คือเครื่องยืนยันว่าประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะก้าวไปข้างหน้า โดยมี “ความยั่งยืน” เป็นแกนกลางในการพัฒนา ครอบคลุมทั้งระบบเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ที่แข็งแกร่งและยั่งยืนกว่าเดิม ส่งต่อไปยังคนรุ่นหลังในปี 2580 ตามเป้าหมายที่วางไว้

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

EGCO Group ชูกลยุทธ์ ‘POWER4’ ทุ่ม 30,000 ล้านบาท ขับเคลื่อนพลังงานสะอาด

ประธาน FTI ชู ‘4 Go’ ดัน AI-Digital กู้วิกฤติ ‘รถติดหล่ม’

×

Share

ผู้เขียน