จากยุคสมัยที่แบรนด์ญี่ปุ่นครองเมืองและภาษาเกาหลีเป็นเพียงเรื่องไกลตัว ใครจะคาดคิดว่าในเวลาเพียง 20 ปี “กิมจิ” จะกลายเป็นรสชาติที่คุ้นลิ้นคนไทย และภาษาเกาหลีจะกลายเป็นวิชาที่คนไทยเรียนมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่คือผลลัพธ์ของสูตรลับที่ผสมผสานระหว่าง “ความจริงใจ” ในการเล่าเรื่องและการวางกลยุทธ์รัฐที่เฉียบคมจนเปลี่ยนคอนเทนต์ให้กลายเป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจ
ฮง จี ฮี (Hong Ji Hee) ประธานสภาที่ปรึกษาการรวมชาติอย่างสันติแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้มีประสบการณ์ในไทยกว่าสองทศวรรษ ได้ถอดรหัสความสำเร็จนี้ผ่านหัวข้อ “The Power of K-Content and opportunities of Thailand” เพื่อชี้ให้เห็นว่า ในวันที่โลกหมุนด้วยเทคโนโลยี ศักยภาพของคนไทยและพลังของคอนเทนต์คือ “กุญแจสู่อนาคต” ที่พร้อมจะเปิดประตูบานใหม่สู่เวทีโลกได้อย่างไร
บทเรียน 20 ปี: จากคนแปลกหน้าสู่ภาษาที่คนไทยเรียนมากที่สุดในโลก

คุณฮง จี ฮี (Hong Ji Hee) ประธานสภาที่ปรึกษาการรวมชาติอย่างสันติแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้ซึ่งพำนักและร่วมงานกับประเทศไทยมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี ได้ถ่ายทอดมุมมองเชิงลึกถึงวิวัฒนาการที่เริ่มต้นจากความว่างเปล่าจนกลายมาเป็นกระแสหลัก โดยระบุว่าอิทธิพลของ K-Content ทั้งในรูปแบบละคร ดนตรี และอาหารอย่างกิมจิหรือต๊อกบกกี ได้ทำลายกำแพงทางวัฒนธรรมลงอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเห็นได้ชัดจากสถิติที่น่าสนใจว่าปัจจุบันคนไทยเป็นชนชาติที่ศึกษาภาษาเกาหลีมากที่สุดในโลก โดยคิดเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 25 ของผู้เรียนทั่วโลก สะท้อนให้เห็นว่าความคลั่งไคล้ได้เปลี่ยนเป็นการลงมือทำและสร้างโอกาสใหม่ให้กับตนเอง
หัวใจ “ความจริงใจ”: เมื่ออารมณ์และคุณค่าอยู่เหนือเงินทุน
ในมิติด้านการผลิตและการขับเคลื่อนวัฒนธรรม คุณฮง จี ฮีได้ชี้ให้เห็นว่าหัวใจสำคัญที่ทำให้คอนเทนต์เกาหลีใต้ประสบความสำเร็จและครองใจผู้ชมได้อย่างยั่งยืนนั้น ไม่ได้มีเพียงอำนาจของเงินทุนมหาศาลเป็นปัจจัยชี้ขาด หากแต่คือสิ่งที่เรียกว่า “ความจริงใจ” (Sincerity) และการมุ่งเน้นที่ “คุณค่า” ในทุกขั้นตอนการสร้างสรรค์ การถ่ายทำละครสักหนึ่งฉากอาจต้องมีการถ่ายทำซ้ำหลายครั้งเพียงเพื่อให้ได้อารมณ์ความรู้สึกที่สมจริงที่สุด เพื่อให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกร่วมและรักในตัวละครนั้นอย่างแท้จริง นอกจากนี้ คอนเทนต์ที่ทรงประสิทธิภาพมักมีการสอดแทรกคุณค่าทางสังคมที่เข้าถึงหัวใจคนเอเชีย เช่น ความกตัญญู ความรักชาติ และสายสัมพันธ์ในครอบครัว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลงานอย่าง “แดจังกึม” กลายเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่ทำหน้าที่เป็นซอฟต์พาวเวอร์อย่างเต็มรูปแบบจนทำให้ถนนในกรุงเทพฯ เคยว่างลงเพราะผู้คนรีบกลับไปรับชม
กวน มึน โฮ โมเดล: พลังคอนเทนต์ที่เปลี่ยนนโยบายระดับชาติ
หนึ่งในกรณีศึกษาที่ชัดเจนที่สุดซึ่ง ฮง จี ฮี ได้ยกมาอธิบายคือภาพยนตร์เรื่อง “กวน มึน โฮ” (Hello Stranger) ซึ่งเปรียบเสมือนจุดเปลี่ยนสำคัญในการสร้างโอกาสและความร่วมมือระหว่างไทยและเกาหลีใต้ ในระยะแรกเริ่มโครงการนี้ต้องเผชิญกับอุปสรรคและความท้าทายอย่างหนัก ทั้งความไม่เชื่อมั่นจากนักลงทุนเนื่องจากนักแสดงนำในขณะนั้นยังไม่เป็นที่รู้จักกว้างขวาง รวมถึงความกังวลในเรื่องสภาพอากาศที่หนาวจัดสำหรับการทำงาน อย่างไรก็ตาม ด้วยการเจรจาประสานงานร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นอย่างจังหวัดคังวอน เพื่อสนับสนุนสถานที่ถ่ายทำและที่พัก จนภาพยนตร์สามารถผลิตออกมาได้สำเร็จและกลายเป็นผลงานที่โด่งดังใน 18 ประเทศทั่วโลก ความสำเร็จครั้งนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางไปเกาหลีใต้จากหลักหมื่นสู่ระดับหลายแสนคนต่อปี แต่ยังส่งผลกระทบระดับโครงสร้างจนรัฐบาลเกาหลีใต้ตัดสินใจแก้ไขกฎหมายเพื่อสนับสนุนกองถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างชาติอย่างเป็นรูปธรรม
Thai Power บนเวทีโลก: โอกาสและความพร้อมสู่การทำงานร่วมกัน
สำหรับศักยภาพของประเทศไทย ฮง จี ฮี มองว่า “Thai Power” บนเวทีโลกมีแนวโน้มที่เข้มแข็งอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในแง่ของทรัพยากรบุคคลที่มีความสามารถระดับสากล เช่น ลิซ่า (Blackpink) หรือแบมแบม ที่เป็นข้อพิสูจน์ถึงศักยภาพของคนไทย นอกจากนี้ ทีมงานโปรดักชันของไทยยังมีจุดแข็งในเรื่องของมิตรภาพและความเป็นมืออาชีพที่เอื้อต่อการทำงานร่วมกันในลักษณะ Co-production ขณะที่กิจกรรมทางวัฒนธรรมร่วมสมัยอย่างการเต้น K-Pop Cover Dance ของเด็กไทยที่คว้าแชมป์ระดับโลกอยู่บ่อยครั้ง ก็เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความพร้อมในการพัฒนาไปสู่อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่ใหญ่ขึ้นผ่านการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม เช่น การผสมผสานมวยไทยเข้ากับเทควันโด หรือนวัตกรรมอาหารฟิวชัน
กุญแจสู่อนาคต: เทคโนโลยีที่ต้องมาพร้อมเสน่ห์ของมนุษย์
เมื่อมองไปสู่อนาคต ทิศทางของอุตสาหกรรมคอนเทนต์กำลังเคลื่อนเข้าสู่ยุคของเทคโนโลยีและการสนับสนุนเชิงนโยบายที่เข้มข้น รัฐบาลเกาหลีใต้มีนโยบายผลักดันธุรกิจคอนเทนต์ในทุกระดับตั้งแต่ระดับ Startup ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ โดยมีการนำเทคโนโลยี AI และแพลตฟอร์ม OTT เข้ามาเป็นเครื่องมือในการกระจายเนื้อหา อย่างไรก็ตาม คุณฮง จี ฮี ได้ฝากข้อคิดสำคัญว่า แม้เทคโนโลยีจะรุดหน้าเพียงใด แต่การใช้ AI จะต้องผสมผสานกับความจริงใจของมนุษย์เสมอ เพราะหากขาดเสน่ห์และความรู้สึกที่แท้จริง คอนเทนต์นั้นย่อมไม่สามารถสร้างความยั่งยืนได้
“K-Content คือ กุญแจสู่อนาคตที่สามารถเปิดประตูไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวได้อย่างไร้ขีดจำกัด” คุณฮง จี ฮี กล่าวสรุปโดยเปรียบเทียบว่าภาพยนตร์เพียงหนึ่งเรื่องหรือคอนเทนต์ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยความใส่ใจ สามารถเปลี่ยนนโยบายระดับชาติและขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้อย่างมหาศาล บทเรียนจากความสำเร็จของเกาหลีใต้จึงไม่ใช่เพียงการเลียนแบบ แต่คือการทำความเข้าใจในพลังของการสื่อสารที่มีคุณภาพและความจริงใจเป็นที่ตั้ง เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของประเทศไทยในอนาคต
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
นิว ฮอลแลนด์ กับเทคโนโลยี ‘ไร้การเผา’ เพื่อเกษตรกรรมยั่งยืน
ผู้นำคือ ‘ท่อนซุง’ ลูกน้องคือ ‘นักเหลา’: ถอดรหัสสูตรสำเร็จองค์กรยุค AI



