Agentic AI กำลังปฏิวัติวงการธนาคารด้วยความสามารถในการทำงานอย่างอิสระและจัดการกระบวนการที่ซับซ้อนโดยไม่ต้องพึ่งพาการควบคุมจากมนุษย์ตลอดเวลา ที่งาน Techsauce Global Summit 2025 ปาลิดา อธิศพงศ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด และ Danny Centen Key Account Director จาก fileAI ได้ร่วมพูดคุยในหัวข้อ “The Autonomous Future of Banking Powered by Agentic AI” โดยชี้ถึงบทบาทและความสำคัญของ Agentic AI ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริการของธนาคารและสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า
ปาลิดา เริ่มต้นการสนทนาด้วยการชี้ว่า Agentic AI ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือทางเทคโนโลยีอีกต่อไป แต่เป็นพันธมิตรที่จะเข้ามาทำงานร่วมกับภาคธุรกิจอย่างใกล้ชิด และช่วยยกระดับประสิทธิภาพและลดต้นทุนได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในยุคที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ระบบการธนาคารเสมือน (Virtual Banking) ซึ่งได้รับใบอนุญาตเมื่อเร็ว ๆ นี้ ธนาคารเสมือนที่ไม่มีสาขาไม่สามารถจ้างพนักงานจำนวนมากเหมือนธนาคารแบบดั้งเดิมได้ Agentic AI จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดต้นทุนได้อย่างมหาศาล
–กรุงศรีแต่งตั้ง ‘ปาลิดา อธิศพงศ์’ เป็นรักษาการ กรรมการผู้จัดการ กรุงศรี ฟินโนเวต
Agentic AI คือปัญญาประดิษฐ์ที่มีความสามารถในการทำงานอย่างอิสระ ตัดสินใจ และดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยไม่ต้องอาศัยการควบคุมจากมนุษย์ตลอดเวลา เปรียบเสมือนมีตัวแทน (Agent) อัจฉริยะที่สามารถวางแผน ดำเนินการ และปรับตัวได้เองเพื่อจัดการกับสถานการณ์ที่ซับซ้อน
Agentic AI ช่วยอะไรในงานธนาคารบ้าง?
วิทยากรทั้ง 2 ท่านได้ชี้ให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของ Agentic AI ที่จะเข้ามาปฏิวัติการทำงานของธนาคารในหลากหลายด้าน เช่น
- การประมวลผลส่วนหน้า (Front-End) Agentic AI สามารถช่วยลดขั้นตอนและเพิ่มความรวดเร็วให้กับกระบวนการที่ต้องใช้เวลานาน เช่น การยืนยันตัวตนลูกค้า (KYC) การเปิดบัญชีลูกค้าใหม่ (Customer Onboarding) และการสื่อสารกับลูกค้า
- การประมวลผลส่วนหลัง (Back-End) Agentic AI มีศักยภาพสูงในการจัดการกับข้อมูลจำนวนมหาศาลทั้งข้อมูลที่มีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้าง (Structured and Unstructured Data) เช่น การอ่านและวิเคราะห์รายการเดินบัญชี (Bank Statement) ซึ่งเกือบ 50% ของเอกสารที่ส่งมาไม่ตรงตามข้อกำหนด โดย Agentic AI สามารถตรวจสอบและวิเคราะห์เอกสารได้ภายในไม่กี่นาที แทนที่จะใช้เวลาหลายวันหากทำโดยพนักงาน
- เพิ่มความแม่นยำและลดข้อผิดพลาด Agentic AI จะช่วยให้ธนาคารสามารถบรรลุอัตราการทำงานแบบไร้รอยต่อได้สูงถึง 90% ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นในข้อมูล (Data Trust) และเพิ่มความแม่นยำในกระบวนการทำงานที่สำคัญ เช่น การอนุมัติสินเชื่อ
- เปลี่ยนงานที่ทำซ้ำ ๆ ให้เป็นงานเชิงกลยุทธ์ Agentic AI จะเข้ามาช่วยจัดการงานที่มีมูลค่าต่ำ (Low-Value Task) เช่น การป้อนข้อมูล ทำให้พนักงานสามารถใช้เวลา 80% ที่เคยหมดไปกับงานเหล่านั้น มาทำงานที่มีมูลค่าสูง (High-Value Task) เช่น การให้คำแนะนำลูกค้าแบบเจาะจงรายบุคคล หรือการวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจ
Danny ได้ยกตัวอย่างที่น่าสนใจถึงเคสการยื่นเคลมประกันสุขภาพที่ต้องใช้เวลาถึง 32 วัน แต่ Agentic AI สามารถช่วยลดระยะเวลาที่ใช้ไปกับขั้นตอนที่ซับซ้อนและใช้แรงงานคนจำนวนมากให้เหลือเพียงไม่กี่นาที ทำให้สามารถให้บริการได้รวดเร็วและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้
ปาลิดา กล่าวเสริมว่า ภาษาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความแตกต่างกันมาก แต่ fileAI สามารถอ่านได้ถึง 200 ภาษาทั่วโลก รวมถึงสามารถอ่านลายมือ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่สำคัญ โดยเฉพาะลายมือภาษาไทยที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ และไม่เพียงแค่ภาษาเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของกระบวนการต่าง ๆ ของระบบธนาคารก็มีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการขอสินเชื่อหรือการทำ KYC ดังนั้น fileAI จึงถูกปรับให้สามารถอ่านและประมวลผลไฟล์เอกสารใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริบททางวัฒนธรรมและธุรกิจ
ธนาคารควรปรับตัวอย่างไรเพื่อรับมือ Agentic AI?
ทั้งปาลิดาและ Danny เห็นพ้องกันว่าธนาคารต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจาก Agentic AI
“การไม่ทำอะไรเลยไม่ใช่ทางเลือก เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็วมาก หากธนาคารใช้เวลาคิดนานเกินไปหรือคิดมากไป ระบบที่พัฒนาไว้อาจล้าสมัยได้ในเวลาเพียง 1 ปี การลงมือทำทันทีจึงเป็นสิ่งสำคัญ” ปาลิดาเสนอแนะ
คำแนะนำที่สำคัญคือ “แค่เริ่มทำ” โดยอาจจะเลือกเริ่มต้นจากโครงการเล็ก ๆ แล้วค่อย ๆ ขยับขยายไปในจุดอื่น ๆ เพื่อเรียนรู้และทำความเข้าใจ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือการลงมือทำและปรับตัวอย่างต่อเนื่อง
ส่วน Danny กล่าวเสริมว่า Agentic AI ต้องการบุคลากรที่มีความพร้อมและตระหนักถึงศักยภาพของ AI ธนาคารควรพิจารณาถึงการจัดโครงสร้างองค์กรใหม่เพื่อพัฒนาพนักงานที่เคยทำงานด้านปฏิบัติการให้ก้าวไปสู่บทบาทที่ต้องพบปะลูกค้ามากขึ้นซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับองค์กรได้อย่างยั่งยืน
ความร่วมมือระหว่าง กรุงศรี ฟินโนเวต และ fileAI
กรุงศรี ฟินโนเวต เพิ่งประกาศลงทุนใน fileAI บริษัทสตาร์ทอัพจากสิงคโปร์ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยเป็นการลงทุนผ่านกองทรัสต์ฟินโนเวนเจอร์ (Finnoventure Trust) ซึ่งเป็นการระดมทุนรอบที่ 2 ของ fileAI โดยมีนักลงทุนรายอื่นร่วมลงทุนด้วย ได้แก่ Illuminate Financial, Antler Elevate, Insignia, Heinemann Group รวมถึงนักลงทุนเชิงกลยุทธ์จากนานาประเทศ รวมมูลค่าการลงทุนครั้งนี้ที่ 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 280 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการขยายกิจการของ fileAI ในการส่งมอบระบบการทำงานอัตโนมัติด้วย AI แก่ภาคธุรกิจทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ปาลิดา กล่าวถึงความร่วมมือดังกล่าวว่า เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่ไม่ใช่แค่การลงทุน แต่เป็นการสนับสนุนสตาร์ทอัพให้เติบโตในระดับสากล โดย กรุงศรี ฟินโนเวต ช่วย fileAI ในการปรับผลิตภัณฑ์ให้เข้ากับบริบทของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงเชื่อมโยงกับเครือข่ายธนาคารในภูมิภาค เช่น ในเวียดนามและฟิลิปปินส์ เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ
fileAI ก่อตั้งขึ้นในปี 2020 ปัจจุบัน fileAI เป็นผู้นำระดับโลกด้านระบบเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงานอัตโนมัติด้วย Agentic AI แบบครบวงจร ที่เชี่ยวชาญเรื่องการประมวลผลชุดข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง ครอบคลุมกว่า 18 ประเทศ ให้บริการแก่หลายภาคธุรกิจ เช่น บริการทางการเงิน ประกันภัย การบัญชี สินค้าอุปโภคบริโภคและค้าปลีกทั้งออนไลน์และหน้าร้าน ภาคการผลิต และการขนส่ง โดยใช้เทคโนโลยีเฉพาะของบริษัทที่พัฒนาจากเทคโนโลยี Machine Learning และ Large Language Models หรือ LLMs ซึ่งสามารถเชื่อมต่อและเปลี่ยนผ่านให้เป็นระบบทำงานอัตโนมัติขององค์กรมากกว่า 200 ระบบ ด้วยเทคโนโลยีดังกล่าวทำให้ fileAI สามารถมีฐานลูกค้ามากกว่า 250 รายในปัจจุบัน
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
วิธีคิดแบบ Flash Express: สร้างธุรกิจโตเร็วด้วย ‘จังหวะ’ และ ‘เทคโนโลยี’
ถอดรหัส Growth Engine: 10 เคล็ดลับการตลาดปั้นสตาร์ตอัพให้โตไวแม้ไม่มีงบ
บทเรียน CEO แห่ง Omoo และ Easy Digital: กลยุทธ์ปั้น SaaS ให้รอดและรุ่ง
