ท่ามกลางกระแสความท้าทายทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME ของไทย กำลังเผชิญหน้ากับจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดและเติบโต บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของประเทศ ได้ออกมาแสดงบทบาทและความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยชูเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทย
สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส ประกาศวิสัยทัศน์และทิศทางครั้งสำคัญของบริษัท โดยเปิดตัวโครงการ “AIS Infinite SMEs” อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นการทรานส์ฟอร์มครั้งใหญ่เพื่อเชื่อมโยงทุกความเป็นไปได้ให้แก่ธุรกิจสตาร์ตอัพและ SMEs พร้อมผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยให้เติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด
สมชัยได้เล่าถึงการเดินทางของเอไอเอสกว่า 35 ปี ที่พัฒนาจากการเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Operator) สู่การเป็นผู้ให้บริการดิจิทัล (Digital Service Provider) โดยได้สร้างแคมเปญในอดีตอย่าง “Lift Digital, Lift More” และ “Digital for Thais” เพื่อยกระดับชีวิตคนไทย จนมาถึงวันนี้ที่เทคโนโลยี AI กลายเป็นหมุดหมายหลักภายใต้วิสัยทัศน์ “AI for Sustainable Nation” วิสัยทัศน์ดังกล่าวตั้งอยู่บนโครงสร้างพื้นพื้นฐานดิจิทัลที่แข็งแกร่งที่สุดของประเทศ ซึ่งเอไอเอสได้ลงทุนไปแล้วกว่าล้านล้านบาท จนมีเครือข่าย 5G ครอบคลุม 95% และ 4G ครอบคลุม 98% ทั่วประเทศ ซึ่งสมชัยได้กล่าวอย่างมั่นใจว่าคุณภาพเครือข่ายของเอไอเอสไม่ได้แพ้ชาติใดในโลก และเหนือกว่าหลายประเทศในยุโรปและอเมริกา
ความมุ่งมั่นของเอไอเอสในการสนับสนุนผู้ประกอบการนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มีรากฐานมายาวนานกว่า 15 ปี ผ่านโครงการ AIS The StartUp ซึ่งทำให้บริษัทเข้าใจถึงความท้าทายที่ SME เผชิญอย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงสินเชื่อที่ยากลำบาก สัดส่วนรายได้ต่อต้นทุนที่แทบจะเป็น 1:1 ไปจนถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงเร็วมาก ดังที่ยกตัวอย่างว่าร้านอาหารที่กำลังเป็นที่นิยมในวันนี้ อาจไม่ได้รับความสนใจอีกในเวลาเพียงไม่กี่เดือนข้างหน้า ความเข้าใจนี้จึงเป็นที่มาของการออกแบบโครงการ AIS Infinite SMEs ที่จะมาช่วยแก้ปัญหาอย่างตรงจุด
พันธกิจของโครงการจะดำเนินการภายใต้กลยุทธ์ “3 ส” ได้แก่ เสริม ทักษะที่ใช่สำหรับธุรกิจในโลกดิจิทัล สร้าง ระบบหลังบ้านที่เข้มแข็งด้วยมาตรฐานสากลอย่าง ISO ซึ่งเปรียบเสมือนใบเบิกทางที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ และ สยายปีก ด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัลของเอไอเอสเพื่อเชื่อมโยงธุรกิจเข้ากับลูกค้าทั่วประเทศ
โดยทั้งหมดจะถูกขับเคลื่อนผ่านแนวคิด “Transformation และ Standardization” ผ่าน 3 หลักการสำคัญ คือ Infinite Skills เปิดประตูความรู้ผ่าน AIS Academy ที่ได้รับการรับรอง ISO 30401 และความร่วมมือกับ F11/Wecosystem, International Standards ยกระดับ SME สู่มาตรฐานสากลโดยร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมฯ และ depa ผลักดันมาตรฐาน ISO 29110 พร้อมริเริ่ม ISO Marketplace for SMEs ครั้งแรกในไทย และ Infinite Scales จัดทำหลักสูตรเฉพาะทางสำหรับกลุ่มธุรกิจที่กำลังขยายตัว (Scale-up) และกลุ่มทายาทธุรกิจ โดยร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ อาทิ ตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) และสมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (maiA)
“แม้จะช่วยแก้ปัญหาได้เกือบทั้งหมด แต่อาจมีสองเรื่องที่ยังไม่ครอบคลุม คือการให้เงินกู้โดยตรง อาจทำได้ในอนาคตหากได้รับใบอนุญาต Virtual Bank”
การเปิดตัวโครงการ AIS Infinite SMEs ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของเอไอเอสเท่านั้น แต่ยังเป็นการขานรับและตอบสนองต่อสถานการณ์วิกฤติที่ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่ม SME กำลังเผชิญหน้าโดยตรง ซึ่งทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะองค์กรที่ใกล้ชิดกับผู้ประกอบการ ได้ให้ภาพสะท้อนถึงความท้าทายเหล่านี้ไว้อย่างชัดเจน ซึ่งยิ่งตอกย้ำถึงความจำเป็นของโครงการนี้
มุมมองภาคอุตสาหกรรม: ภาพสะท้อนความท้าทายและเสียงสนับสนุน
ด้าน อภิชิต ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้ฉายภาพว่า เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายรุนแรง ทั้งจากปัจจัยภายนอกและปัญหาเชิงโครงสร้างภายใน โดยเฉพาะภาระหนี้ครัวเรือนที่บั่นทอนกำลังซื้อ ขณะที่ผู้ประกอบการ SME เองก็ประสบปัญหาขาดความรู้พื้นฐานทางธุรกิจ โดยเฉพาะการทำบัญชีที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการเข้าถึงแหล่งทุนและการสนับสนุน โครงการของ AIS จึงเข้ามาตอบโจทย์เหล่านี้ได้อย่างตรงจุด
ส.อ.ท. ได้นำเสนอวิสัยทัศน์ “Strengthen Thai Industry for Stronger Thailand” ผ่านยุทธศาสตร์ “4 Go” ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Go Digital and AI ที่สอดคล้องกับทิศทางของเอไอเอสอย่างสมบูรณ์ ความร่วมมือในการผลักดันให้ SME เข้าสู่ระบบมาตรฐานสากลอย่าง ISO/IEC 29110 จึงเป็นพันธกิจร่วมกันที่สำคัญ นอกจากนี้ ส.อ.ท. ยังเน้นย้ำถึงการสร้างความแข็งแกร่งจากภายในผ่านโครงการ “Made in Thailand” (MIT) ซึ่งการที่ SME มีความสามารถทางดิจิทัลที่สูงขึ้น ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มศักยภาพและมูลค่าให้กับสินค้าไทยในภาพรวม
ท้ายที่สุดแล้ว ความร่วมมือระหว่างเอไอเอสและสภาอุตสาหกรรมฯ รวมถึงพันธมิตรทุกภาคส่วน สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นร่วมกัน ดังที่สมชัยได้กล่าวสรุปโดยเปรียบเปรยว่าทุกภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจเป็นเสมือนฝูงปลาที่ต้องแหวกว่ายไปในทิศทางและจังหวะเดียวกัน เพื่อสร้างคลื่นเศรษฐกิจไทยให้มั่นคงและแข็งแรง โครงการ AIS Infinite SMEs จึงเกิดขึ้นเพื่อเป็นพันธมิตรที่ช่วยส่งพลังและเชื่อมโยงทุกโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการไทยได้ร่วมสร้าง ร่วมโต และร่วมเปลี่ยนแปลงอนาคตของประเทศไปด้วยกัน
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
AirAsia MOVE ถอดรหัสพฤติกรรมนักท่องเที่ยวไทย ก้าวสู่การท่องเที่ยวที่ชาญฉลาดและคุ้มค่า
ถอดรหัสความยั่งยืน ‘HLM Corporate-ศิวาเทล กรุงเทพฯ-ชาวนาวันหยุด’ พลิกความท้าทายสู่ธุรกิจอนาคต
