Story of Business • Technology • Sustainability
Share on
×

Share

4 กลยุทธ์ แก้ไขต้นตอของการเป็นหนี้

4 กลยุทธ์ แก้ไขที่ต้นตอของการเป็นหนี้

เข้าเดือนสุดท้ายของปี มีหลายอย่างที่ “สายเกินไป” โดยเฉพาะปัญหาหนี้

ภาระหนี้สินของคนไทยวันนี้ คงไม่ต้องมาคำนวณหาว่ามันสาหัสกันแค่ไหน บางคนอยู่ในสภาพ ‘ล้มละลาย’ ไปแล้ว ขณะที่บางคนก็จวนอยู่เจียนตายกันแล้ว

เรื่องของหนี้สิน เป็นอะไรที่เหมือนกันทั้งรัฐและประชาชน

รัฐเองก็มีปัญหาหนี้สาธารณะที่สูงมาก จนใกล้แตะเพดานที่กำหนดไว้ (ณ สิ้นเดือนมกราคม 2567 ไทยมีหนี้สาธารณะคงค้างจำนวน 11.19 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 62.23% ที่กำหนดไว้ไม่เกิน 70% ต่อ GDP) อันนี้เป็นผลพวงจากโควิดที่รัฐจำเป็นต้องกู้เงินเพื่อมากระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งผลจากที่หนี้สาธารณะสูงมีผลต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจไทย ซึ่งหากเป็นหนี้จำนวนมาก ๆแต่เศรษฐกิจไทยกลับไม่เติบโต ไม่แข็งแกร่ง ก็เป็นเรื่องน่าห่วง

ในขณะที่ภาคประชาชนอย่างเรา ก็มีปัญหาหนี้ครัวเรือนกันมากมายเสียเหลือเกิน จนวันนี้มีโครงการโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ซึ่งมีการแถลงข่าวและเซ็นต์ MOU ระหว่างหน่วยงานรัฐอย่างกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทยและสถาบันการเงินประกอบด้วย 2 มาตรการ ได้แก่

มาตรการที่ 1 “จ่ายตรง คงทรัพย์” เป็นการช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อบ้าน รถ และ SMEs ขนาดเล็กที่มีวงเงินไม่สูงมาก ให้เข้ามาปรับโครงสร้างหนี้แบบลดค่างวดและพักภาระดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยค่างวดที่จ่ายจะนำไปตัดชำระเงินต้นทั้งหมด (กำหนดแต่ละปี จะชำระเป็นขั้นบันได เริ่มในปีแรก 50% ปีที่สองเพิ่มเป็น 70% และเป็น 90% ในปีที่สาม)  ขณะที่ดอกเบี้ยที่พักไว้ตลอดระยะเวลา 3 ปี จะได้รับการยกเว้น หากลูกหนี้สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ตลอดระยะเวลาของมาตรการ (ชำระเงินตรงเวลาและไม่ทำสัญญาสินเชื่อเพิ่มเติมในช่วง 12 เดือนแรกของการเข้าโครงการฯ)

มาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์” มีวัตถุประสงค์หลักในการช่วยเหลือลูกหนี้ที่วงเงินไม่สูงมาก ให้สามารถรักษาทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันทั้งบ้าน รถ และสถานประกอบการไว้ได้ โดยจะช่วยบรรเทาภาระหนี้ทั้งในปัจจุบันและในอนาคตให้กับลูกหนี้ โดยค่างวดที่ลดลงจะทำให้ลูกหนี้มีสภาพคล่องเหลือสำหรับดำรงชีพเพิ่มเติมระหว่างอยู่ในมาตรการ ขณะที่ดอกเบี้ยที่ได้รับยกเว้นจะช่วยให้ภาระหนี้โดยรวมของลูกหนี้ลดลง

มาตรการที่ 2 “จ่าย ปิด จบ” เป็นการช่วยลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้บุคคลธรรมดาที่เป็นหนี้เสีย (สถานะ NPL) แต่มียอดคงค้างหนี้ไม่สูง (ไม่เกิน 5,000 บาท) โดยลูกหนี้จะต้องเข้ามาเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้ เพื่อชำระหนี้บางส่วน ซึ่งมาตรการ “จ่าย ปิด จบ” นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้เสียและยอดหนี้ไม่สูง สามารถเปลี่ยนสถานะการเป็นหนี้ จาก “หนี้เสีย” เป็น “ปิดจบหนี้” และเริ่มต้นใหม่ได้เร็วขึ้น

ปัญหาการก่อหนี้ของคนเรานั้น มีหลายสาเหตุ แต่หลัก ๆ ที่เรามักจะถูกหยิบยกขึ้นมาบ่อยก็จากพฤติกรรมในการใช้ชีวิต ที่มักจะมีรายจ่ายมากว่ารายรับ ทำให้ต้องหยิบยืมเงินในอนาคตมาใช้แก้ขัด อาจจะดูขัด ๆ กับคนรุ่นก่อน ที่อยู่ในวัยเริ่มต้นทำงานจะถูกเคี่ยวกรำด้วยคำว่า”อดทน” เพื่อวันพรุ่งนี้ ไม่ใช่วันนี้

ในสมัยที่ผมยังเป็นเด็กที่เติบโตในชุมชนเยาวราช ผู้คนที่ทำงานในตลาดเก่า มักจะเป็นคนงานที่มาจากต่างจังหวัด โดยเฉพาะจากภาคอีสานคนงานเหล่านี้จากคนที่ชำนาญภาษาท้องถิ่น กลายเป็นคนทำงานที่พูดภาษาจีนได้คล่องแคล่วเรียกว่าถ้าไม่เห็นหน้าค่าตา ฟังแต่เสียงก็นึกว่าเป็นคนจีน

ด้วยความขยันเก็บหอมรอมริบเป็นที่หนึ่ง วันนี้คนงานหลายคนเหล่านั้นหลายคนกลายเป็นเถ้าแก่เติบใหญ่เป็นเจ้าของกิจการไปเสียแล้ว

กลับกันในวันนี้ เรามีชาวต่างประเทศเข้ามาทำงานในประเทศจำนวนมาก ด้วยอุปนิสัยที่คล้ายกับคนงานจากภาคอีสานสมัยนั้นที่ขยันอดทน ทำงานให้มาก(ในวัยที่มีเรี่ยวแรง) อาจจะเป็นเพราะเกิดและเติบโตในความลำบาก ซึ่งอาจจะแตกต่างกับคนยุคใหม่ของเรา ที่กินเที่ยวเสียตั้งแต่หัววัย หนี้จึงเกิดมาด้วยประการฉะนี้

ในวันนี้ ในวันที่ยังเป็น ”ชีวิตติดหนี้” มีรายได้เท่าไรก็จะมีหนี้เป็นตัวขัดขวาง คุณจึงควรเริ่มที่จะไม่มีหนี้กันได้เสียที เมื่อคุณได้โอกาสที่จะปลดหนี้ (โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ) คุณจะมีอิสระที่จะใช้ชีวิตได้อย่างที่คุณต้องการ เริ่มต้นด้วย

4 กลยุทธ์สำหรับการแก้ไขที่ต้นตอของการเป็นหนี้ ที่ปรับพฤติกรรมทางการเงินให้ดีขึ้น

1. ‘เริ่ม’ ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย

พร้อมประมาณการล่วงหน้าอย่างน้อย 6-12 เดือน จะช่วยให้คุณรู้สถานะการเงินของตัวเอง เพื่อปรับปรุง แก้ไข ต้นตอของปัญหาในปัจจุบัน

2. ‘ลด’ รายจ่ายประจำ หรือจำเป็น ที่สามารถลดลงได้

เมื่อเราทราบว่ารายจ่ายมากกว่ารายรับ แนะนำว่าควรรีบลงมือวางแผนการจัดการค่าใช้จ่ายใหม่ทั้งหมด ให้ลองพิจารณารายจ่ายจำเป็นที่พอปรับลดได้ เช่น ค่า Subscribe บริการต่างๆ โปรโมชันมือถือ ให้เหมาะสมกับความต้องการใช้งาน เป็นต้น

3. ‘ตัด’ รายจ่ายที่ไม่จำเป็นออก

เช่น ค่าใช้จ่ายในการออกไปปาร์ตี้ ซื้อสิ่งของที่ไม่จำเป็น เมื่อรายจ่ายมากกว่ารายรับจำเป็นจะต้องหยุดค่าใช้จ่ายเหล่านี้ก่อน เพื่อปรับปรุงค่าใช้จ่ายและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาหนักมากยิ่งขึ้น เพราะหากสภาพคล่องของคุณติดลบไปเรื่อยๆ อาจจะทำให้ต้องกู้หนี้ยืมสินมากขึ้น เป็นหนี้เพิ่มมากขึ้น ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเพิ่มมากขึ้นสถานการณ์ของคุณอาจแย่ลงไปอีก

4. ‘ปิด’ หนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

ชีวิตมีทางลัดไหม? … ถนนอาจจะมีทางลัด แต่ความสำเร็จมีทางลัดไหม

Home is where the Heart is

“รู้งี้” กับดักทางการเงิน: เมื่อความฝันมีบ้านกลายเป็นหนี้ท่วมหัว

×

Share

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ผู้เขียน