Story of Business • Technology • Sustainability
Share on
×

Share

6 แนวทางเลือกบ้าน-คอนโดฯ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพหลังเกษียณ

6 แนวทางเลือกบ้าน-คอนโดฯ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพหลังเกษียณ

ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์” (Complete Aged Society) อย่างเป็นทางการ โดยมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปทะลุ 14 ล้านคน (20.2%) และคาดว่าจะพุ่งสู่ระดับ “สุดยอด” (Super Aged Society) ภายในปี 2574 ส่งผลให้เกิด “Longevity Economy” หรือเศรษฐกิจอายุวัฒน์ที่มีมูลค่าการบริโภคสูงถึง 3.5 ล้านล้านบาทในปี 2576

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เผยผลสำรวจล่าสุดพบผู้บริโภคกว่า 88% เริ่มวางแผนเกษียณแล้ว โดยให้ความสำคัญกับการมีเงินออมเพื่อสุขภาพเป็นอันดับ 1 รองลงมาอันดับ 2 คือ อยากมีอิสรภาพทางการเงิน, อันดับ 3 ต้องการใช้เวลากับครอบครัวหรือเพื่อนฝูงมากขึ้น, อันดับ 4 อยากใช้ชีวิตแบบปลอดหนี้ และอันดับ 5 วางแผนจะท่องเที่ยวเป็นประจำ 

เจาะอินไซต์คนไทย: “กรุงเทพฯ-เชียงใหม่” ทำเลในฝันหลังเกษียณ

ผลสำรวจพฤติกรรมการซื้อ-เช่าอสังหาฯ พบว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่มองหาที่อยู่อาศัยในเมืองที่มีระบบสาธารณูปโภคและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย โดยทำเลที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่:

  1. กรุงเทพมหานคร (33%) – โดดเด่นด้วยสถานพยาบาลมาตรฐานระดับสากล
  2. เชียงใหม่ (9%) – อากาศดีและมีไลฟ์สไตล์ที่ผ่อนคลาย
  3. นครราชสีมา (7%) – ประตูสู่ภาคอีสานที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ
  4. ชลบุรี, นนทบุรี, สมุทรปราการ (6%)
  5. ภูเก็ต (4%)

6 กลยุทธ์เลือกที่อยู่อาศัยยุค Longevity Economy

เมื่อ “การมีอายุยืนอย่างมีคุณภาพ” คือเป้าหมายใหม่ การเลือกหรือปรับปรุงบ้านจึงต้องครอบคลุมมากกว่าแค่ความสวยงาม แต่ต้องเน้นความปลอดภัยและสุขภาวะที่ดี ดังนี้:

  1. Universal Design (อารยสถาปัตย์): ออกแบบให้ทุกคนใช้ชีวิตได้อย่างเท่าเทียม เน้นพื้นกันลื่น ราวจับ แสงสว่างที่เพียงพอ และปุ่มแจ้งเหตุฉุกเฉิน (Emergency Call) เพื่อคืนความมั่นใจในการใช้ชีวิตด้วยตัวเอง
  2. Ergonomics (การยศาสตร์): เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่สอดคล้องกับสรีระ เช่น เตียงนอนพยุงกระดูกสันหลัง โซฟาที่ลุกนั่งง่าย และโต๊ะอาหารที่มีความสูงพอดี เพื่อลดการบาดเจ็บจากการใช้งานในระยะยาว
  3. Medical Proximity (ใกล้สถานพยาบาล): เลือกทำเลที่เดินทางสะดวก ใกล้โรงพยาบาลหรือศูนย์บริการสุขภาพ เพื่อความรวดเร็วหากเกิดเหตุฉุกเฉิน และลดภาระในการเดินทางไปตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ
  4. Biophilic Design (ธรรมชาติบำบัด): เพิ่มพื้นที่สีเขียวในบ้านเพื่อลดความเครียด สร้างสภาพแวดล้อมที่สดชื่น และช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตให้แจ่มใสอยู่เสมอ
  5. Smart Home Technology (เทคโนโลยีอัจฉริยะ): ใช้ระบบ Home Automation ควบคุมไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้า ระบบฟอกอากาศฆ่าเชื้อโรค และเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว รวมถึงลิฟต์บันได (Stairlift) เพื่อลดข้อจำกัดในการเคลื่อนไหว
  6. Family Connectivity (พื้นที่สานสัมพันธ์): ออกแบบห้องนั่งเล่นและพื้นที่กิจกรรมส่วนกลางให้สมาชิกทุกวัยได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ลดความรู้สึกโดดเดี่ยวของผู้สูงอายุ และเสริมสร้างพลังใจให้เข้มแข็ง

ภาคอสังหาฯ ขานรับเทรนด์สูงวัย

ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) พบว่าในปี 2568 มีโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงอายุเปิดให้บริการรวมถึง 1,040 โครงการ (เพิ่มขึ้น 4.4%) แบ่งเป็น:

  • Nursing Home: 944 โครงการ (เน้นการดูแลทางการแพทย์)
  • Residence: 96 โครงการ (เน้นไลฟ์สไตล์และการอยู่อาศัยเชิงป้องกัน)

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

‘Find Dee’ นวัตกรรม AI กู้ชีพไฟล์ใน LINE ที่คนไทยรอคอย

‘ขยะข้าว’ ขุมทรัพย์ที่ไปไม่ถึง: เมื่อนโยบายสวนทางความจริง

×

Share

ผู้เขียน