การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาดคริปโทในประเทศไทย กำลังเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่จากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรง โดยล่าสุด Ledger บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำด้านการรักษาความปลอดภัยสินทรัพย์ดิจิทัล ได้ออกมาตอกย้ำถึงความเสี่ยงนี้ หลังพบสถิติความเสียหายจากการหลอกลวงและการโจรกรรม (Scams/Theft) ในโลกดิจิทัลในช่วงครึ่งปีแรก สูงถึง 2.17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นตัวเลขที่พุ่งสูงเกือบสองเท่าของปีก่อนหน้า
ในระหว่างการเยือนประเทศไทย JF Rochet Executive Vice President for Wallet and Consumer Services ของ Ledger กล่าวว่า ตลาดไทยมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์และมีอัตราการเข้าถึงคริปโทสูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ด้วยเหตุนี้ ตัวเลขความเสียหายมหาศาลดังกล่าวจึงเป็นเหตุผลเร่งด่วนที่ Ledger ประกาศความมุ่งมั่นที่จะเชื่อมโยงกับชุมชนท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างปลอดภัย โดยชูแนวคิด ‘Secure Signer’ เป็นเสาหลักในการป้องกันภัย
‘Signer’ คือหัวใจ: ทำไมจึงไม่อาจเชื่อถือจอคอมพิวเตอร์ได้ 100%
คุณ JF Rochet ได้ชี้ประเด็นอันตรายที่หลายคนมองข้ามในโลกคริปโทยุคใหม่ แม้ว่าผู้ใช้จะสามารถทำกิจกรรมที่ซับซ้อนทั้งการเทรด การลงทุน หรือสร้าง Passive Income ซึ่งทั้งหมดนี้จำเป็นต้อง “ลงนามในธุรกรรม” (Sign Transactions) แทบทุกวัน แต่ปัญหาคือ โทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ทั่วไปไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
“ผู้ใช้ไม่สามารถเชื่อถือข้อมูลที่ปรากฏบนหน้าจอได้ 100%” Rochet ย้ำ “เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่อาจมีมัลแวร์ (malware) แอบเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่แสดงผล หรือแม้แต่กรณีที่ผู้ให้บริการที่ผู้ใช้โต้ตอบด้วยถูกแฮ็ก”
ด้วยเหตุผลนี้ Ledger จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในฐานะ “Signer” หรือ “ผู้ลงนามที่ปลอดภัย” โดยชูจุดเด่นที่การใช้ Secure Element (ชิปความปลอดภัยที่ดีที่สุด) ในการควบคุมทั้งหน้าจอและการโต้ตอบทั้งหมด ทำให้ผู้ใช้สามารถลงนามได้อย่างปลอดภัย และมั่นใจในข้อมูลที่เห็นบน “หน้าจอที่เชื่อถือได้” (Secure Screen) ของอุปกรณ์โดยตรง
นวัตกรรม ‘Clear Signing’ สู่ ‘Human Readable’
เพื่อยกระดับความปลอดภัยสู่ระดับสูงสุด Ledger ได้ผสานการทำงานของ Secure Element ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ในบัตรเครดิตหรือหนังสือเดินทาง เข้ากับนวัตกรรมที่เรียกว่า Clear Signing
คุณ Rochet อธิบายว่า Clear Signing คือมาตรฐานที่ออกแบบมาเพื่อ “แปลโค้ดสัญญา” เช่น สัญญา DeFi ที่มีความซับซ้อน ให้กลายเป็นภาษาที่มนุษย์อ่านเข้าใจได้ โดยจะแสดงผลลัพธ์ที่ชัดเจนนี้บน Secure Screen ของ Ledger เท่านั้น
เขาได้ย้ำประเด็นสำคัญว่า Clear Signing จะมีประโยชน์อย่างสมบูรณ์ก็ต่อเมื่ออยู่บน Secure Screen เท่านั้น”เนื่องจากหากใช้การแสดงผลที่ชัดเจนบนหน้าจอโทรศัพท์ที่อาจถูกโจมตีได้ ข้อมูลที่ผู้ใช้เห็นและลงนามก็อาจเป็นข้อมูลเท็จที่มัลแวร์สร้างขึ้นมาหลอกลวง
นอกจากนี้ Ledger ยังมีบริการเสริมที่เรียกว่า Transaction Check ซึ่งเป็นกระบวนการจำลองธุรกรรมล่วงหน้า เพื่อยืนยันว่าเงื่อนไขของสัญญายังคงอยู่และผู้ใช้จะไม่สูญเสียสินทรัพย์ใด ๆ
การปฏิวัติ ‘ทรัพย์สินดิจิทัลส่วนตัว’
แก่นแท้ของการผลักดันเทคโนโลยีเหล่านี้ มาจากวิสัยทัศน์ของ Ledger ที่มองว่า การปฏิวัติบล็อกเชน คือการเปิดโอกาสให้ผู้คนสามารถจัดการและควบคุมทรัพย์สินดิจิทัลส่วนตัว (Private Digital Property) ของตนเองได้โดยตรง
คุณ Rochet ชี้ว่า ความหมายของทรัพย์สินดิจิทัลนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่คริปโท แต่ยังครอบคลุมถึง “ตัวตนดิจิทัล” (Identity) และทรัพย์สินทุกประเภทบนบล็อกเชน หัวใจสำคัญคือการที่ผู้ใช้จะต้องเป็นเจ้าของ Address และ “กุญแจส่วนตัว” (Keys) ของ Address นั้นโดยสมบูรณ์ ซึ่ง Ledger ยืนยันว่า ตลอด 11 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้รับการยอมรับว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการสร้างและปกป้องกุญแจเหล่านี้
กลยุทธ์บุกตลาดไทยและผลิตภัณฑ์ใหม่
ด้วยความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของตลาดไทย Ledger จึงมีแผนที่จะลงทุนในการรองรับภาษาไทยใน Digital Properties ต่าง ๆ และมีเป้าหมายที่จะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับผู้เล่นในประเทศไทย ทั้งแอปพลิเคชันและสถาบันการศึกษาในประเทศ เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจและมอบเครื่องมือให้คนไทยสามารถควบคุมทรัพย์สินดิจิทัลของตนเองได้อย่างแท้จริง
พร้อมกันนี้ บริษัทได้ประกาศเปิดตัวอุปกรณ์น้องใหม่คือ Nano Gen 5 ซึ่งเป็นรุ่นที่ออกแบบมาให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ด้วยราคาประมาณ 7,000 บาท โดยชูจุดเด่นที่หน้าจอ E-Ink ที่สามารถปรับแต่ง (Personalize) ได้และประหยัดพลังงานสูง
ในด้านการกู้คืนสินทรัพย์ Ledger ได้เสนอ 3 แนวทางหลัก กรณีผู้ใช้ทำอุปกรณ์สูญหาย ซึ่งอุปกรณ์จะล้างข้อมูลตัวเองหากใส่ PIN ผิด 3 ครั้ง ได้แก่
- การใช้ 24-word seed phrase แบบดั้งเดิม
- การใช้บริการแบบสมัครสมาชิกที่เรียกว่า Recover
- การใช้ Recovery Key ในรูปแบบการ์ดขนาดเล็กที่ใช้ Secure Element
ศูนย์กลางบริการที่เปิดกว้างและน่าเชื่อถือ
นอกเหนือจากฮาร์ดแวร์แล้ว Ledger Wallet App (เดิมคือ Ledger Live) ยังถูกพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางในการจัดการพอร์ตโฟลิโอและ Address ทั้งหมด โดยเปิดให้ผู้ใช้เข้าถึงบริการที่หลากหลาย เช่น การซื้อขายคริปโทการ Staking และการ Yield
คุณ Rochet ระบุว่า Ledger ไม่ได้ให้บริการทางการเงินเหล่านี้ด้วยตนเอง แต่มีบทบาทเป็น “ผู้จัดระเบียบ” (Organizer) โดยอนุญาตให้ผู้ให้บริการหลายราย เช่น มีถึง 20 รายสำหรับการซื้อคริปโท เข้ามา “แข่งขัน” กัน เพื่อนำเสนอทางเลือกและบริการที่ดีที่สุด ซึ่งสะท้อนหลักการของ “ทางเลือก” และ “ความยินยอม” (Consent) ของผู้ใช้งาน
ในฐานะบริษัทที่ก่อตั้งมา 11 ปี และให้บริการใน 165 ประเทศทั่วโลก ปัจจุบัน Ledger ยืนยันว่าเครื่องมือของบริษัทกำลังใช้รักษาความปลอดภัยให้กับปริมาณ Crypto ทั่วโลกมากถึง 20% และคิดเป็น 27% ของปริมาณ Stablecoins ทั่วโลก ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ตอกย้ำถึงความน่าเชื่อถือในฐานะผู้รักษาความปลอดภัยในระบบนิเวศคริปโทระดับมหภาคอย่างแท้จริง
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ดีอี จับมือ Google แจก Google AI Pro ฟรี 1 ปี ให้นักศึกษา 18 ปีขึ้นไป
