ในย่านเมืองเก่าของกรุงเทพฯ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และเรื่องราวอย่างบางลำพู กำลังมีการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ที่เปลี่ยนวิถีชีวิตและชุมชนให้ยั่งยืน โดย ปานทิพย์ ลิกขะไชย หรือ “พี่ต้าร์” พี่ใหญ่ของกลุ่มไกด์เด็กบางลำพู ได้พาเด็ก ๆ และคนในชุมชนบางลำพูร่วมสร้างนวัตกรรมที่ผสานวัฒนธรรม อาหาร และเรื่องราวท้องถิ่น ผ่านโครงการ “บางลำพู Food กู๊ด Taste” ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ที่ไม่เพียงช่วยยกระดับการท่องเที่ยวชุมชน แต่ยังเป็นตัวอย่างของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วยนวัตกรรมที่เริ่มจากรากฐานของชุมชน
โครงการ “บางลำพู Foodกู๊ด Taste” อยู่ภายใต้การจัดการของวิสาหกิจชุมชนเสน่ห์ย่านบางลำพู ซึ่งมองเห็นศักยภาพของอาหารในฐานะเครื่องมือในการสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใคร แทนที่จะเป็นเพียงการนำเสนออาหารอร่อยทั่วไป โครงการนี้ได้ยกระดับการรับประทานอาหารให้เป็นการเดินทางผ่านเรื่องราว แสง สี และเสียง โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้าง “ประสบการณ์” มากกว่าแค่ “การกิน”
จากย่านเมืองเก่าสู่เวทีนวัตกรรม
ย่านบางลำพู ตั้งอยู่ใกล้ถนนข้าวสาร ไม่เพียงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชีวิตชีวา แต่ยังเป็นชุมชนที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและวัฒนธรรมที่รอการค้นพบ โครงการ “บางลำพู Food กู๊ด Taste” ได้ใช้นวัตกรรมในการเปลี่ยนอาหารท้องถิ่น ให้กลายเป็นประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใคร ผ่านโครงการ “ประสบการณ์ แสง สี เสียง เล่าเรื่องการท่องเที่ยวชุมชนผ่านอาหารย่านบางลำพู” เพื่อบอกเล่าความเป็นมาของแต่ละเมนูและร้านอาหารในชุมชน

“บางลำพูมีทุกอย่าง วัฒนธรรม คน ร้านค้า และผู้ประกอบการ กิจกรรมกว่า 70% ในย่านนี้เกิดจากฝีมือคนในชุมชน” พี่ต้าร์กล่าวในงานสัมมนา Thailand Innovation Hub ขับเคลื่อนไทยด้วยนวัตกรรม ซึ่งจัดโดย NIA
โครงการดังกล่าวเริ่มต้นจากแนวคิดที่ว่า อาหารไม่ใช่แค่การกินให้อิ่ม แต่เป็นสื่อที่บอกเล่าเรื่องราวของย่านบางลำพู ผ่านความร่วมมือกับนักออกแบบ ผู้เชี่ยวชาญ และผู้คนกับเด็ก ๆ ในชุมชน
นวัตกรรมนี้เกิดขึ้นจากการมองเห็นปัญหาและโอกาส โดยเฉพาะการที่นักท่องเที่ยวไม่สามารถสัมผัสประสบการณ์อาหารบางลำพูได้อย่างเต็มที่
“ปัญหาหลักของบางลำพูคือ ไม่มีพื้นที่การกินอาหาร ต้องซื้อใส่ถุงหิ้วแล้วกลับบ้าน เราเลยคิดว่าแล้วเราจะทำยังไง อยากให้คนได้มาเที่ยวบางลำพูและได้ทานอาหารพร้อมกันไปด้วย” พี่ต้าร์เล่า
“โครงการนี้ได้ยกระดับสตรีทฟู้ดท้องถิ่นให้กลายเป็นประสบการณ์ ‘Tasting Food’ ที่ผสมผสานแสง สี เสียง และเรื่องราวลงในทุกจาน”
นวัตกรรมจากชุมชน เพื่อชุมชน

นวัตกรรมที่โดดเด่นของโครงการนี้ คือการจัดกิจกรรมทานอาหารรูปแบบใหม่ที่ศูนย์เสน่ห์บางลำพู ซึ่งเป็นบ้านเก่าแก่ที่ได้รับการฟื้นฟูให้กลายเป็นพื้นที่จัดกิจกรรม โดยผสมผสานองค์ประกอบทางศิลปะและการออกแบบเข้ากับการนำเสนออาหาร เช่น
การออกแบบเมนูและภาชนะ อาหารแต่ละจานถูกออกแบบให้มีเรื่องราวและเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตของชุมชน ผ่านการร่วมมือกับนักออกแบบและ Food Stylist ชื่อดัง ภาชนะที่ใช้ก็ได้รับการออกแบบอย่างประณีตสะท้อนถึงเอกลักษณ์ของบางลำพู
“เราเริ่มจากศูนย์ เราทักไปหาคนเก่ง ๆ แต่ละด้านผ่านโซเชียลมีเดีย แล้วทุกคนก็ตอบตกลงมาช่วย เพราะสิ่งที่เราทำไม่เหมือนใคร” พี่ต้าร์เล่าพร้อมรอยยิ้ม
การใช้แสง สี เสียง สร้างบรรยากาศที่น่าประทับใจ และเติมเต็มประสบการณ์การรับประทานอาหาร ทุกคนจะได้สัมผัสกับเรื่องราวของอาหารผ่านการเล่าเรื่องโดยคนในชุมชน พร้อมกับเสียงบรรยากาศจริงจากร้านค้าย่านบางลำพู
การมีส่วนร่วมของคนในชุมชน โครงการนี้เน้นการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมบทบาทของเยาวชนย่านบางลำพูซึ่งไม่เพียงแต่ทำหน้าที่เป็นไกด์นำเที่ยว แต่ยังลงพื้นที่เก็บข้อมูลร้านค้าและร่วมออกแบบกิจกรรมต่าง ๆ
พี่ต้าร์บอกว่า สิ่งที่เธอทำคือ “นวัตกรรมเชิงกระบวนการ” ซึ่งหมายถึงการออกแบบระบบที่เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ตั้งแต่เด็กนักเรียน ร้านค้า ไปจนถึงเชฟมืออาชีพและนักออกแบบระดับประเทศ
“นวัตกรรมไม่จำเป็นต้องเป็นเทคโนโลยีล้ำ ๆ เสมอไป แต่คือการทำให้คนในชุมชนได้มีส่วนร่วมกับสิ่งที่เขารัก และทำให้มันยั่งยืน”
โครงการนี้ได้สร้างสรรค์เมนูอาหารที่มีเรื่องราวถึง 19 เมนู จาก 18 ร้านค้าในย่านบางลำพู โดยแต่ละจานมีเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นผ้าปูโต๊ะที่ออกแบบพิเศษ หรือช้อนที่สลักเรื่องราวของร้านค้า นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมการใช้แสงสีและการฉายภาพบนป้อมพระสุเมรุ เพื่อเล่าเรื่องต้นลำพู ต้นไม้ที่เป็นที่มาของชื่อย่าน
เมื่อท้องอิ่ม ยังมีกิจกรรมท่องเที่ยวสำรวจคลองบางลำพูซึ่งเป็นขุมทรัพย์ทางวัฒนธรรมของย่าน โดยไกด์เด็กบางลำพู
ลดขยะ เพิ่มมูลค่า: นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน
นอกจากมิติทางวัฒนธรรมแล้ว โครงการยังใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยสามารถลดปริมาณขยะพลาสติกได้อย่างมหาศาลจากการใช้ภาชนะหมุนเวียน
“ในการจัดกิจกรรมแต่ละรอบที่รองรับแขก 16 ท่าน เราสามารถลดการใช้ถุงพลาสติกได้ไม่ต่ำกว่า 300-400 ถุงต่อครั้ง โดยเปลี่ยนมาใช้กล่องหมุนเวียนที่เรานำไปให้ร้านค้าใช้ และนำกลับมาใช้ซ้ำ”
“เราต้องการให้คนที่มาเที่ยวบางลำพู มารับประทานอาหารที่นี่ไม่เพียงแค่อร่อย แต่ยังช่วยให้ชุมชนและสิ่งแวดล้อมดีขึ้นด้วย”
“ทุกอย่างในโครงการนี้เกิดจากคนบางลำพู บ้านที่ใช้จัดงานก็อยู่ในบางลำพู ร้านอาหารก็เป็นของคนในชุมชน นี่คือความยั่งยืนที่แท้จริง เพราะทุกอย่างคือวิถีชีวิตของเราเอง” พี่ต้าร์ย้ำ ความยั่งยืนนี้ยังขยายผลไปสู่เศรษฐกิจชุมชน ด้วยการดึงดูดนักท่องเที่ยว ดารา อินฟลูเอนเซอร์ และรายการต่าง ๆ ที่เข้ามาสัมผัสประสบการณ์และช่วยประชาสัมพันธ์
อนาคตที่ยั่งยืนด้วย Thailand Innovation Hub
โครงการ “บางลำพู Food กู๊ด Taste” เป็นตัวอย่างของการทำงานร่วมกันภายใต้แนวคิด Thailand Innovation Hub ที่ NIA ผลักดันเพื่อเชื่อมโยงภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน การผสานความรู้จากนักออกแบบมืออาชีพเข้ากับภูมิปัญญาท้องถิ่นและพลังของเยาวชน ทำให้บางลำพูกลายเป็นต้นแบบของนวัตกรรมชุมชนที่ไม่เพียงรักษาวัฒนธรรม แต่ยังสร้างมูลค่าเศรษฐกิจและความยั่งยืน
“นวัตกรรมไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่คือการสร้างสรรค์ที่ตอบโจทย์ชุมชนและโลก” พี่ต้าร์กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับผู้ที่สนใจสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ผสานนวัตกรรมและวัฒนธรรม สามารถเข้าร่วมกิจกรรม “บางลำพู Food กู๊ด Taste” ได้ในราคา 1,111 บาทต่อคนสำหรับ 16 ท่าน ต่อรอบ ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ในการลิ้มรสอาหารและเรื่องราวของย่านเมืองเก่า สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เพจ “เสน่ห์บางลำพู” หรือสแกน QR Code เพื่อสำรวจร้านอาหารและกิจกรรมต่าง ๆ
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เยาวชนไทยโชว์ผลงาน ‘Happy Gloves’ จับมือ UNIQLO ผลิต-ส่งมอบถุงมือแก่เด็กพิการทางสมอง
พลิกโฉมวงการแพทย์ไทย: AI ผู้ช่วยอัจฉริยะ เพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัย




