กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงดีอี) จัดนิทรรศการวันสื่อสารแห่งชาติ บรรยายเรื่อง การขับเคลื่อนนโยบาย Cloud First Policy สู่ Digital Hub ของอาเซียน โดย ภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เผยภาพรวมเป้าหมายหลักคือ เศรษฐกิจต้องดี สังคมต้องมีคุณภาพ สามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ได้อย่างเท่าเทียมและปลอดภัย มีความสามารถที่จะขับเคลื่อนดิจิทัลได้ตามหมุดหมายที่ตั้งไว้ 3 หมุดหมายด้วยกันคือ 1. การขับเคลื่อนด้วยข้อมูลขนาดใหญ่ 2.ทุกภาคส่วนจะต้องมีความปลอดภัย 3. Private lead Government Support เพื่อสร้างการพัฒนาประเทศได้อย่างยั่งยืน
ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยผ่านดิจิทัลสู่อนาคตที่ยั่งยืน
จากการประกาศ 8 วิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับดิจิทัลในทุกด้าน ด้านการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวภาครัฐจะต้องมีข้อมูลของผู้ที่ท่องเที่ยว และข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวที่ครอบคลุม เพื่อนำมาเชื่อมโยงเข้าด้วยกันโดยใช้ Quit Data และ Cloud ส่วนด้านศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพ ปัจจุบันกระทรวงดีอีลงนาม MOU ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลผู้ของผู้ป่วย มีการเชื่อมโยงข้อมูลและระบบเข้าด้วยกันกันผ่านแพลตฟอร์มของทางรัฐ ซึ่งระบบดำเนินการใกล้เสร็จสิ้นแล้ว การเชื่อมโยง Cloud จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่สิ้นเดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป
ด้านศูนย์กลางทางการเกษตรมุ่งขับเคลื่อน Smart Farming ให้เกษตรกรนำเทคโนโลยีไปใช้อย่างแพร่หลาย ในด้านศูนย์กลางทางการบิน ศูนย์กลางการขนส่ง รวมถึงการผลิตยานยนต์ในอนาคต และศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล ทางกระทรวงดีอีจะเข้ามามีส่วนสำคัญในการรับผิดชอบดูแล โดยมี Data Center ส่งเสริมในเรื่องของ Digital for all เพื่อก้าวสู่การเป็นจุดศูนย์กลางทางการเงิน ตามวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND
ภาพรวมแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ปัจจุบันเทคโนโลยีและสังคมมีการขับเคลื่อนตลอดเวลา ทำใก้ต้องมีปรับเปลี่ยนแผนเพื่อให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีและบริบทของสังคมในปัจจุบัน ซึโดยกำลังปรับเปลี่ยนแผนเทคโนโลยีและดิจิทัลอยุ่ในระยะที่ 3 โดยระยะที่ 1 เป็นการวางโครงสร้างพื้นฐาน ระยะที่ 2 สร้างการมีส่วนร่วม และระยะที่ 3 Digital Transformation เริ่มตั้งแต่ปีพ.ศ. 2566 – 2570 และในระยะที่ 4 จะเริ่มขึ้นในปีพ.ศ. 2571-2580 โดยในระยะที่ 3 ได้ให้ความสำคัญดังนี้
- โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีเทียบเท่ากับหลาย ๆ ประเทศ โดยในด้านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในประเทศสามารถครอบคลุมการใช้งานได้กว่า 99.1% ซึ่งในส่วนที่ยังไม่ครอบคลุมนั่น เป็นหมู่บ้านที่อยู่บนเกาะและในหุบเขากว่า 680 หมู่บ้าน ประชาชนสามารถเข้าถึงการใช้งานจริงที่ 89% เท่านั้น ส่วนอีก 11% เป็นกลุ่มที่ยังมีรายได้ไม่เพียงพอ ยังไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ โดยมีการวางมาตรการแก้ไขจากการใช้ดาวเทียม ซึ่งดาวเทียมไทยคม 4 กำลังจะหมดอายุการใช้งานในปี 2569 ดังนั้นตอนนี้จึงอยู่ในช่วงของการรอใช้งานดาวเทียวไทยคม 9 ที่จะจัดทำในช่วงต้นปี 2568
- เศรษฐกิจ ปัจจุบันอันดับความสามารถในการแข่งขันทางดิจิทัลโลกของประเทศไทยจัดอยู่ในอันดับที่ 35 โดยวางเป้าหมายในปี 2570 จะต้องอยู่ในอันดับที่ไม่ต่ำกว่า 30 และ Digital Contribution to GDP จะต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 30
- สังคมยุทธ์ศาสตร์ ประชาชนจะต้องตระหนักรู้และเท่าทัน จากผลการสำรวจพบว่าประชาชนมีการตระหนักรู้เท่าทันสื่ออยู่ที่ 72% และเข้าใจดิจิทัล (Digital Literacy: DL) อยู่ที่ 74% โดยได้วางเป้าหมายในอนาคตให้อยู่ที่ 80% ซึ่งการประเมินและการรับรู้เท่าทันนั้น จะต้องเท่าทันภัยทางออนไลน์ที่สะท้อนปัญหาของสังคม
- บุคลากร ประเทศไทยกำลังขาดกำลังคนที่มีความสามารถ เช่น นักโปรแกรมเมอร์ Data Analyst ที่ยังมีจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับความต้องการ ซึ่งต้องนำยุทธศาสตร์มาใช้ในการขับเคลื่อนกำลังคนให้ได้มากที่สุด
- การขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัล ในปี 2570 การบริการประชาชนของหน่วยงานต่าง ๆ จะต้องดำเนินการผ่านออนไลน์ 100% ซึ่งเป็นเป้าหมายในแผนพัฒนาดิจิทัลที่วางไว้เพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ขับเคลื่อนนโยบาย Go Cloud First อย่างมีมารตฐาน
จากการประกาศนโยบายให้กระทรวงดีอีขับเคลื่อน Go Cloud First คณะกรรมการดีอีได้มีการจัดประชุมเสนอจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อขับเคลื่อนนโยบาย กำหนดมาตรการของผู้ใช้บริการคลาวน์ และคณะกรรมการเฉพาะด้าน ซึ่งได้มีหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย จากการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ก.ค.2567 ได้ร่วมพิจารณา ดังนี้
- ความต้องการใช้บริการคลาวน์ (Demand) โดยรวบรวมข้อมูลความต้องการของทั้งภาครัฐและเอกชน จำแนกประเภทของข้อมูล ประเภทการบริการคลาวน์ พร้อมทั้งกำหนดมาตรฐานด้านความมั่นคงปลอดภัยและมารตฐานการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวน์
- การใช้บริการคลาว์ (Supply) มีการกำหนดแนวทางการใช้ระบบคลาวน์ของภาครัฐตามกรอบแนวทางและมาตรฐานการจัดการข้อมูลที่กำหนด ซึ่งจะมีมาตการส่งเสริมการลงทุนระบบคลาวน์ในประเทศเพิ่มขึ้น
- การบริหารจัดการคลาวน์ของภาครัฐ (Government Cloud Management) บริหารการจัดการความต้องการด้านการใช้งานคลาวน์ให้เพียงพอ และควบคุมดูแลคุณภาพ มาตรฐาน และสร้างความปลอดภัยในการใช้งานคลาวน์
- การดูและระบบนิเวศการใช้งานคลาวน์และการจัดซื้อจ้าง เพื่อรองรับการใช้บริการที่หลากหลายรูปแบบ และเหมาะสมกับการใช้งาน จัดสรรงบประมาณอย่างคุ้มค่าและโปร่งใส
จากนโยบายและแผนงาน จึงได้มีการจัดตั้งคณะกรรมเฉพาะด้านขึ้นมา 2 ชุด คือ 1. คณะอนุกรรมการด้านกฎหมายการจัดซื้อจัดจ้างบริการคลาวน์ภาครัฐ 2. คณะอนุกรรมการด้านบริหารการจัดการความต้องการใช้บริการคลาวน์และมารตฐานการบริหารจัดการการบริการคลาวน์ ซึ่งมีมาตรฐานที่เกี่ยวในนโยบายข้องคือ 1. มาตรฐานด้านการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล 2. มาตรฐานด้านระบบการจัดการ Data Center และ 3. มาตรฐานด้านความปลอดภัยของข้อมูล
Data Localization พร้อมการพัฒนาตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
การกำหนดมาตรการ Data Localization เป็นเงื่อนไขหลักในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Digital Hub ของอาเซียน ถ้าหากมี Data Center ตั้งที่ต่างประเทศ การลงทุนในประเทศไทยก็จะได้รับผลกระทบตั้งแต่ GDP การลงทุนในประเทศและโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เพราะประเทศไทยมีจำนวน User มากกว่าผู้ที่พัฒนาระบบ จึงต้องมีการส่งเสริม Data Localization โดยจากการกำหนดให้ผู้บริการคลาวด์เข้ามาตั้ง Data Center ภายในประเทศไทย จะสามารถสร้างโอกาสทางเศรษกิจและการพัฒนาได้ 1. การลงทุนและการสร้างงาน 2. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล 3. การดึงดูดธุรกิจอื่น ๆ 4. การรักษาความมั่นคงของข้อมูล และ 5. การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจไทย
โดยในแผนการพัฒนาดิจิทัล เริ่มตั้งแต่ระบบต้นน้ำที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและการพัฒนาคน ต่อมีในส่วนของระบบกลางน้ำจะเป็นเครื่องมือหรือแพลตฟอร์มกลางเพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ สามารถใช้ประโยชน์ได้ร่วมกันได้ และระบบปลายน้ำประชาชนจะสามารถเข้าถึงบริการของหน่วยงานภาครัฐได้ผ่านระบบออนไลน์ ในอนาคตสามารถดำเนินการติดต่อราชการผ่านระบบออนไลน์ได้อย่างสะดวกและปลอดภัย แต่มีข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติที่ไม่สามารถดำเนินการผ่านออนไลน์ได้ คือ การทำบัตรประจำตัวประชาชน การจดทะเบียนสมรส และการจดทะเบียนบุตรบุญธรรม ซึ่งจากแผนการพัฒนานี้จะป็นตัวขับเคลื่อนและตัวชี้วัดของทางกระทรวงดีอีที่ได้รับการอนุมัติจากทางสภา โดยทุกส่วนจะได้รับแผนในระยะที่ 3 ไปเป็นแม่แบบในการดำเนินงาน ทั้งทางภาครัฐและเอกชนที่มีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนประเทศให้พัฒนาสู่การเป็นผู้นำและ Digital Hub ของอาเซียน
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
อโณทัย เวทยากร กับภาระกิจปั้น IBM สู่ผู้นำ AI และ Hybrid Cloud
Bitdefender เผยภัยไซเบอร์รุนแรงขึ้น จับมือรัฐ-เอกชนหาแนวทางรับมือ




