ถ้าเอ่ยชื่อบึงกาฬ จังหวัดน้องใหม่ล่าสุดซึ่งตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนสุดของประเทศไทย หลายคนคงนึกถึงแต่พญานาค ซึ่งผูกพันกับศรัทธาและความเชื่อของคนไทยมาช้านาน แต่วันนี้บึงกาฬเปลี่ยนแปลงไปมาก เพราะคนในพื้นที่มีการตื่นตัวและมีความพยายามใช้ทุนทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์พื้นถิ่นที่มีอยู่มาแก้ปัญหาฐานรากหรือความยากจน มีการใช้คอนเซ็ปต์ดีไซน์และสร้างแบรนด์ดิ้งให้บึงกาฬเป็นที่จดจำของคน ดึงกำลังซื้อเข้าพื้นที่ด้วยความงามของศิลปะและสถาปัตยกรรม
The Story Thailand มีโอกาสได้ร่วมลงพื้นที่กับคณะผู้บริหารของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อชมวิถีการเชื่อมโยงอัตลักษณ์ของท้องถิ่นและความเชื่อเรื่องพญานาคที่ถูกนำมาใช้เป็นซอฟต์พาวเวอร์และแปลงเป็นสินค้าทางวัฒนธรรมที่สร้างรายได้ให้ชุมชนที่บึงกาฬ
การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่าง สกสว. และ สศช. ในการขับเคลื่อนแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 ด้วยวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (ววน.) ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานเห็นชอบประเด็นการพัฒนาที่จะขับเคลื่อนใน 5 พื้นที่นำร่อง ได้แก่ ลำปาง บึงกาฬ สระบุรี สตูล และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมทั้งสิ้น 14 ประเด็นการพัฒนา ซึ่งล้วนแต่เป็นประเด็นการพัฒนาสำคัญที่ส่งผลต่อการบรรลุหมุดหมายของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 อาทิ การแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าในลำปาง การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในบึงกาฬ การพัฒนาอาหารเพื่อสุขภาพ (Functional food) ในสระบุรี การส่งเสริมกลไกความร่วมมือเพื่อการพัฒนาพื้นที่และเมืองในสตูล และการพัฒนาศูนย์กลางการพัฒนาแรงงานยานยนต์ไฟฟ้าในเขต EEC
รพ.โซ่พิสัยกับแนวคิดดีไซน์ “ไม่หรู แต่ดูแพง”
จุดหมายแรกที่เราไปเยือนคือโรงพยาบาลโซ่พิสัย ที่ในช่วง 1-2 ปีมานี้ถูกพูดถึงกันมากว่าเป็น รพ.ต้นแบบที่ไม่เหมือนรพ. ทั่ว ๆ ไป โดยเฉพาะไอเดียการตกแต่งรพ.ที่สร้างความรู้สึกให้ผู้มาเยือนเหมือนกำลังเดินอยู่ในรีสอร์ทมากกว่าสถานที่รักษาคนไข้ อาคารเรือนแถวเก่าหลายหลังถูกรีโนเวทให้เป็นสไตล์นอร์ดิค มีร้านกาแฟชิค ๆ มีนาข้าวเขียวขจี บ้านพักเจ้าหน้าที่ทาสีลูกกวาด มีพื้นที่ Co-Working Space และต้นไม้ที่ปลูกเรียงรายเป็นทิวแถวคือเฟื่องฟ้าสีม่วง
ห้องต่าง ๆ ในอาคารจะไม่เห็นป้ายติดชื่อห้อง แต่ที่นี่ใช้ภาพวาดศิลปะพญานาคเป็นการสื่อสารกับผู้ป่วยที่มารับการรักษาแทน หรือเรียกว่าเป็น “Art Therapy” ศิลปะบำบัดในรพ. โดยภาพวาดแต่ละภาพจะสื่อให้รู้ว่าห้องต่าง ๆ คือห้องอะไร เช่น ห้องคลอด ห้องเอ็กซเรย์ ห้องเจาะเลือด โดยทุกภาพจะต้องมีพญานาคอยู่ในเฟรม
นพ.สุรพงษ์ ลักษวุธ ผู้อำนวยการรพ. โซ่พิสัย เล่าให้ฟังว่ารพ. เปิดทำการมาตั้งแต่ปี 2528 อาคารหลายหลังเก่าและทรุดโทรม จึงจำเป็นต้องรีโนเวท เรามีแนวคิดที่จะสร้าง “Healing Environment” หรือสภาพแวดล้อมช่วยบำบัด แต่เราไม่มีไอเดียและรสนิยมในการดีไซน์ จนได้รู้จักกับ สุทธิพงษ์ สุริยะ หรือ “อาจารย์ขาบ” ฟู้ดสไตลิสต์ชื่อดัง และเป็นเจ้าของ “โซ่พิสัยโมเดล” ซึ่งเป็นคนนำศิลปะภาพวาดพญานาคซึ่งเป็นที่นับถือและศรัทธาของคนไทยไปวาดที่สถานีตำรวจภูธรโซ่พิสัยจนกลายเป็นกระแสดังขึ้นมา เขาจึงเปิดพื้นที่รพ. ให้สุทธิพงษ์เข้ามาช่วยตกแต่ง
“นั่นจึงเป็นที่มาของคำว่า ศิลปะบำบัด โดยมีธีมหรือคอนเซ็ปต์คือ การนำอัตลักษณ์พื้นถิ่น ความเชื่อของคนอีสาน คือพญานาคมาเป็นภาพวาดศิลปะร่วมสมัย แต่นาคของเราจะน่ารัก ๆ ตะมุตะมิ เพื่อไม่ให้ดูขลังเกินไปเหมือนภาพพญานาคในวัดหรือในโบสถ์” นพ. สุรพงษ์กล่าว
ภาพศิลปะดังกล่าวเป็นผลงานของนักเรียนชั้นม.5 จากรร.สาธิตปทุมวัน ที่ใช้เวลาช่วงซัมเมอร์มาวาดให้ ปกติเด็ก ๆ จะไปซัมเมอร์ต่างประเทศ แต่ปี 2564 โรคโควิด-19 ระบาด เด็กจึงขอมาทำจิตอาสาที่รพ. โดยมีพ่อแม่เดินทางมาด้วยและช่วยออกทุนให้ด้วย เด็ก ๆ ใช้เวลาวาดทั้งหมด 3 วัน โดยมีสุทธิพงษ์เป็นคุมคอนเซ็ปต์ และมีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี คณะทัศนศิลป์ เป็นคนเก็บรายละเอียด
“กระแสตอบรับดีมาก ประชาชนที่มารับบริการก็รู้สึกผ่อนคลาย ลดความอึดอัด เหมือนเราสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อให้คนรู้สึกเย็นลง จะสังเกตเห็นว่าเราไม่ค่อยติดป้ายที่สื่อสารถึงโรคภัยไข้เจ็บในเชิงที่ทำให้คนไข้รู้สึกอึดอัด” นพ. สุรพงษ์กล่าว

“งานศิลปะยังช่วยให้คนไข้หรือผู้ป่วยไม่เครียดด้วย คนมาเห็นก็ถ่ายรูป และเป็นจุดเช็คอินด้วย กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปอีก ช่วงวันหยุดมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาจากกทม. เป็นจำนวนมาก”
นพ.สุรพงษ์บอกว่า การรีโนเวทรพ. ใช้งบประมาณหลักแสน ตามคอนเซ็ปต์ “จาก Local สู่เลอค่า” และสโลแกน คือ “ไม่หรู แต่ดูแพง”
โรงพยาบาลยังมีการทำ Digital Transformation เพราะต้องการให้ผู้ป่วยใช้เวลาในรพ.น้อยที่สุด ผู้ป่วยนัดแพทย์ทางแอปพลิเคชัน เครื่องวัดความดันโลหิตเชื่อมเข้าระบบออนไลน์ หมอตรวจเสร็จกลับบ้านได้เลย เพราะนโยบายใหม่ของกระทรวงสาธารณสุขคือส่งยาที่บ้าน เราแจ้งผลแลปทางออนไลน์ และทุกอย่างเป็น Paperless
รพ.โซ่พิสัยปัจจุบัน มีแพทย์ประจำ 8 คนและเจ้าหน้าที่รพ. 200 คน ดูแลประชากรในโซ่พิสัย 73,000 คน
“โซ่พิสัยโมเดล” ทำ “บ้านนอกให้มีรสนิยม”
“โซ่พิสัยโมเดล” เกิดขึ้นจากไอเดียของสุทธิพงษ์ที่อยากจะตอบแทนบ้านเกิดที่อ.โซ่พิสัย โมเดลดังกล่าวถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาฐานรากและความยากจนของบึงกาฬ โดยมีคอนเซ็ปต์คือ “จาก Local สู่เลอค่า” หรือวิถีพื้นถิ่นแต่มาตรฐานความงามระดับสากล ที่เขาแปลง่าย ๆ ว่า “การทำบ้านนอกให้มีรสนิยม” โดยใช้ดีไซน์และศิลปะร่วมสมัยมาเป็นเครื่องมือในการแก้โจทย์ความยากจน และเลือกใช้พญานาคที่เป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดในการเชื่อมโยงเข้ากับท้องถิ่น
“โซ่พิสัยโมเดล เป็นชื่อที่ผมอยากจะจุดประกาย ในบทบาทที่เป็นคอนเซ็ปต์ดีไซเนอร์และที่นี่เป็นบ้านเกิดผม ผมออกแบบบ้านให้คนอื่นมากมาย แต่เราต้องไม่ลืมราก เราจึงเอาสิ่งที่เราถนัดมาแก้โจทย์ที่นี่” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ขาบ สไตล์ จำกัด องค์กรที่ให้บริการด้านการสร้างภาพลักษณ์และแบรนด์ดิ้งเล่าถึงความเป็นมาของโซ่พิสัยโมเดล
สิ่งที่สุทธิพงษ์ทำคือหยิบยกสิ่งรอบตัวหรือทุนวัฒนธรรมมาสร้างรายได้ให้ชุมชน เขาให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ดิ้ง โดยบอกว่า ถ้า 76 จังหวัดทั่วไทยมีจุดขายเหมือนๆ กันหมด ก็ไม่มีความแตกต่าง เพราะฉะนั้นเราจะต้องจับประเด็นเรื่องการออกแบบคอนเซ็ปต์ให้ชัด และมีความร่วมสมัย นักท่องเที่ยวแทนที่จะไปช้อปปิ้งใน 76 จังหวัด ก็ล็อกสเปคให้มาที่บึงกาฬเท่านั้น
“เราจะต้องเอาดีไซน์ไปแก้ปัญหาความยากจน งานศิลปะสามารถดึงคนที่มีศักยภาพและกำลังซื้อสูงให้เข้ามาในพื้นที่ เพราะเงินเป็นสิ่งจำเป็นมากในการแก้ปัญหาฐานราก เราต้องการให้คนที่รักศิลปะเอาเงินมาใช้จ่ายในพื้นที่ให้มากที่สุด”
“อย่างพญานาคถูกนำไปใช้เป็นอะไรหลาย ๆ อย่าง ทั้งภาพกราฟฟิตี้ พรอพ กระปุกออมสินนาคกี้ เพื่อให้คนลืมภาพว่าพญานาคมีไว้ให้กราบไหว้เพียงอย่างเดียว แต่พญานาคต้องทำมาหากินหรือหาเงินได้ นี่คือคอนเซ็ปต์ผม”
ในการดำเนินการตามโมเดล อดีตนักโฆษณาคนนี้บอกว่าต้องมีการสร้างธีมและคุมคอนเซ็ปต์ โดยนอกจากจะใช้พญานาคเป็นตัวชูโรงแล้ว เขายังเลือกใช้สีม่วงซึ่งเป็นสีประจำจ.บึงกาฬและสีเขียวของอำเภอโซ่พิสัยในการตกแต่งเมือง เพื่อสร้างการรับรู้ว่าบึงกาฬต้องสีม่วง (Purple City) เช่นเดียวกับอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งต้นไม้ เพื่อให้คนจดจำพื้นที่ตรงนี้ให้ได้
จากจุดเริ่มต้นที่อำเภอโซ่พิสัย ตอนนี้โซ่พิสัยโมเดลถูกนำไปใช้ทั้งจังหวัดและขยายไปยังจังหวัดอื่น ๆ ใกล้เคียง
“ถ้าเห็นสีม่วง สีเขียว และภาพวาดพญานาค นี่คือเครือข่ายโซ่พิสัยโมเดล แต่นาคของผมจะน่ารัก ๆ เป็นอาร์ตทอย สีพาสเทล ดูซอฟต์ ๆ เพื่อดึงดูดให้คนมาเที่ยวชม” สุทธิพงษ์กล่าว
ปัจจุบันภาพกราฟฟิตี้พญานาคในอำเภอโซ่พิสัยมีมากกว่า 300 ภาพขึ้นไป ซึ่งสุทธิพงษ์บอกว่า “นี่คือความงามที่มีชีวิต คอนเซ็ปต์คือความมีชีวิต”
“ใครก็ตามที่อยากเห็นทางเลือกใหม่ของการเปลี่ยนโครงสร้างเพื่อทำให้เรายืนได้ด้วยตัวเอง และเราสามารถกลายเป็นจุดศูนย์กลางของทุกอย่างได้ นี่คือวิธีคิดใหม่ ไม่ใช่ไปทำตามคนอื่น เราต้องเป็นเรา แต่เราจะต้องมีความเก๋ ด้วยรากเหง้าของเรา” นักออกแบบและสร้างแบรนด์กล่าวทิ้งท้าย
แปลงโฉมบ้านเก่าให้เป็นพิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต

จุดหมายต่อไปของเราคือการไปเยือนพิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิตของสุทธิพงษ์ที่อำเภอโซ่พิสัย ซึ่งเขาใช้ทุนตัวเองหลักล้านมาปรับปรุงบ้านและภูมิทัศน์โดยรอบจนกลายเป็นหมุดหมายใหม่ด้านการท่องเที่ยวของบึงกาฬ
บ้านไม้ 2 ชั้นอายุร่วม 70 ปีถูกแปลงโฉมให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตที่เจ้าของบ้านยังคงอาศัยอยู่ การจัดห้องและข้าวของเครื่องใช้ที่อนุรักษ์ของเก่าไว้ทั้งหมดแม้กระทั่งเปลที่สุทธิพงษ์เคยนอนสมัยยังเป็นทารกก็ยังเก็บรักษาไว้อย่างดี ซึ่งตอนนี้เขากำลังช่วยชาวบ้านปรับปรุงบ้านให้เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อสร้างเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนด้วย
“บ้านทุกหลังคือที่อยู่อาศัยกึ่งพิพิธภัณฑ์ คนมักจะคิดว่า พิพิธภัณฑ์ต้องเป็นสถานที่สวยหรูที่คนเข้าไม่ถึง แต่สำหรับบ้านของคนยากจนก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์แบบวิถีของเรา บ้านหลังหนึ่งก็แสดงถึงชีวิตของคนตระกูลหนึ่ง” สุทธิพงษ์กล่าว
งานวิจัยช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจกับอัตลักษณ์ท้องถิ่นที่ขายได้

ด้านสุภาวดี โพธิยะราช ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สกสว. ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ทาง สกสว. มีงานวิจัยที่พบว่าบึงกาฬมีศักยภาพทั้งเรื่องการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและชุมชนที่เชื่อมโยงด้วยศรัทธาและความเชื่อเรื่องพญานาค เราพยายามสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้บึงกาฬ นอกจากนี้เรายังมีงานวิจัยของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีและ มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย ซึ่งทำเรื่องการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหารลุ่มน้ำโขงเพื่อยกระดับอาหารพื้นถิ่น และมีการนำมาใช้เป็นอาหารมงคลที่เชื่อมโยงกับความเชื่อด้วย
เมื่อโครงการรถไฟทางคู่เปิดใช้งานก็จะช่วยให้คนเดินทางเข้าถึงพื้นที่ได้ง่ายขึ้น และในอนาคตจะมีนักท่องเที่ยวจีนที่มีกำลังซื้อสูงเดินทางมาด้วยรถไฟความเร็วสูงจากลาวแล้วข้ามฝั่งมาเที่ยวที่ไทย ก็สามารถส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงรถไฟได้ กลายเป็นจุดหมายปลายทางของภาคอีสานตอนบน
ด้านจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า บึงกาฬมีรายได้หลักจากการเกษตรคือยางพาราแต่ไม่ใช่พืชเกษตรมูลค่าสูงเพราะไม่มีการแปรรูป แม้บึงกาฬจะติดอันดับด้านความยากจน แต่เรามีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง มีน้ำตกถึง 6 แห่ง มีหินสามวาฬ ถ้ำนาคา บึงโขงหลง วัดอาฮงศิลาวาสและวัดภูทอก นอกจากนี้เรายังมีต้นทุนทางวัฒนธรรมคือความเชื่อเรื่องพญานาคที่ทำให้เกิดอาร์ตทอยท้องถิ่นคือ “นาคกี้” ทำให้นาคมาอยู่ใกล้ตัวคนมากขึ้น และทำให้อัตลักษณ์ของท้องถิ่นสามารถนำมาขายสร้างรายได้ให้ชาวบ้าน
“บึงกาฬมีต้นทุน แต่เราขาดความรู้ การที่ สกสว. นำความรู้ วิทยาศาสตร์และการวิจัยมาช่วยส่งเสริมให้แหล่งท่องเที่ยวและอาหารพื้นถิ่นกลายเป็นที่รู้จักของคนก็ช่วยทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่เติบโตได้” จุมพฏกล่าว
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ถอดแนวคิดเพจ Jones Salad และมนุษย์ต่างวัย ต้นแบบการสร้าง Creative Business




