Share on

[seed_social]

ViNG – รองเท้าแตะไทย พลิกวงการวิ่ง สู่ความฝันพันล้านระดับโลก

เมื่อเอ่ยถึงการวิ่งระยะไกลหรือการแข่งขันมาราธอน รองเท้าผ้าใบประสิทธิภาพสูงมักเป็นภาพจำแรก ทว่าจะเป็นอย่างไรหากรองเท้าแตะที่คุ้นเคยจะถูกปฏิวัติด้วยนวัตกรรมจนสามารถพานักวิ่งทะยานสู่เส้นชัยได้ไม่แพ้กัน นี่คือเรื่องราวของ ViNG (วีอิ้ง) โดย บริษัท วีอิ้ง อินเตอร์เทรด จำกัด แบรนด์รองเท้าแตะสัญชาติไทย ที่กำลังท้าทายทุกขนบธรรมเนียมเดิม ๆ และสร้างแรงสั่นสะเทือนในวงการวิ่งระดับโลก

เส้นทางของ ViNG มีจุดเริ่มต้นจากประสบการณ์ส่วนตัวของ วาที วิเชียรนิตย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วีอิ้ง อินเตอร์เทรด จำกัด เอง ทั้งจากปัญหาสุขภาพและการเป็นนักวิ่งมาราธอน เขาพบว่ารองเท้าที่มีอยู่ในท้องตลาดส่วนใหญ่มีปัญหากับลักษณะเท้าของตนซึ่งค่อนข้างอูม และยังประสบปัญหาอาการบาดเจ็บจากรองเท้า จนกระทั่งค้นพบว่ารองเท้าแตะสามารถช่วยบรรเทาปัญหานี้ได้

“ผมเป็นนักวิ่ง เคยมีปัญหารองช้ำ น้ำหนักเยอะ และโดนรองเท้าบีบในสนามแข่ง จนต้องไปซื้อรองเท้าแตะธรรมดามาใส่ แล้วพบว่ามันวิ่งได้ดีและสบาย เพียงแต่ขาดการซัพพอร์ต” วาที เล่าที่มา

“เราจึงเพิ่มสิ่งที่ขาดเข้าไป จนเมื่อใส่แล้วมันเวิร์ค เราก็เหมือนขายให้ตัวเองคนแรกได้สำเร็จ” จากการค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติม เขาพบว่ายังไม่มีตัวอย่างแบรนด์แฟชั่นหรือแบรนด์รองเท้าของไทยในระดับพรีเมียมที่สามารถก้าวไปสู่ตลาดโลกได้ จึงเกิดเป็นแรงผลักดันว่าหากยังไม่มี ก็อยากจะสร้างมันขึ้นมาเอง

วาที เล่าวว่า หัวใจสำคัญของ ViNG คือการพัฒนาและผลิตรองเท้านวัตกรรม หรือรองเท้าแตะที่ออกแบบมาเพื่อความเร็วที่ดีกว่าในการแข่งขันและความสบายที่เหนือกว่ารองเท้าทั่วไป โดยรองเท้ามีคุณสมบัติใกล้เคียงกับ Super Shoe ราคาสูง และมีรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ผลิตในประเทศไทย ซึ่งหนึ่งในรุ่นเรือธงที่สะท้อนปรัชญานี้คือ ‘นิรันดร์ (Niran)’ ที่เป็น ‘ซุปเปอร์แซนดัล’ ที่ติดตั้งแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์เพลท

“ชื่อนิรันดร์สื่อถึงความต้องการให้ผู้สวมใส่สามารถวิ่งได้ทุกวัน วิ่งได้ต่อเนื่องโดยไม่เกิดการบาดเจ็บ ขณะที่แบรนด์อื่นอาจเน้นประสิทธิภาพจนแข็งกระด้าง ของเราต้องการให้เกิดความสมดุลระหว่างสมรรถนะและความสบาย” วาที อธิบาย ซึ่งเบื้องหลังความนุ่มแต่เด้ง และยังคงความทนทานนั้นคือ EPOS วัสดุชนิดใหม่ที่ ViNG พัฒนาร่วมกับพาร์ทเนอร์ นับเป็นก้าวกระโดดจากวัสดุ EVA แบบเดิม ๆ

วาที กล่าวว่า กลยุทธ์การพัฒนาธุรกิจของ ViNG แบ่งออกเป็น 3 เฟส เฟสแรก คือ Lean Process ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นบริษัทจะเน้นผลิตเพียงรุ่นเดียวในจำนวนน้อย ใช้วัสดุที่ดีที่สุดและเลือกกลุ่มลูกค้านักวิ่งอัลตร้ามาราธอนที่ชัดเจนให้ความสำคัญกับฟังก์ชันการใช้งานเป็นหลัก

จากนั้นในเฟสสอง ViNG มุ่งสร้างฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งในประเทศด้วยการรับฟังความคิดเห็นของลูกค้าอย่างใกล้ชิด เปิดโอกาสให้ลูกค้ามีส่วนร่วมและมุ่งสร้างชุมชนผู้ใช้งานที่เหนียวแน่นควบคู่ไปกับการขยายจุดจำหน่ายและสร้างประสบการณ์ตรงให้กับลูกค้า โดยล่าสุด ViNG ได้เปิดตัว แฟลกชิปสโตร์แห่งแรกในกรุงเทพมหานคร ณ สนามเทพหัสดิน สนามกีฬาแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นหมุดหมายสำคัญในการสร้างแบรนด์และการเข้าถึงลูกค้าในวงกว้าง

และเฟสสาม คือการก้าวสู่ตลาดโลกซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมและมุ่งเน้นการสร้างมาตรฐานในทุกมิติ ตั้งแต่ความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ กระบวนการส่งออก คุณภาพสินค้าที่สม่ำเสมอ ไปจนถึงนวัตกรรมที่ไม่หยุดยั้ง

ความพยายามนี้ได้ผลิดอกออกผล เมื่อรองเท้ารุ่น “ดีว่า (Diva)” ซึ่งมีแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์เป็นส่วนประกอบ หรือที่เรียกว่ารองเท้าซุปเปอร์แซนดัลของแบรนด์ สามารถนำไปใช้ในการแข่งขันมาราธอนที่จังหวัดกระบี่ และกลายเป็นข่าวดังสร้างความสนใจในวงการวิ่งต่างประเทศ ความสำเร็จนี้ประกอบกับยอดขาย 150 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ตอกย้ำว่าสินค้าไทยที่มีคุณภาพและนวัตกรรม สามารถครองใจผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง โดยกลุ่มลูกค้าไม่ได้จำกัดอยู่เพียงนักวิ่งแต่ยังขยายไปถึงผู้สูงอายุและผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเท้าทั่วไป

“ยอดขาย 150 ล้านบาทในปีที่แล้ว มาจากการขายในประเทศไทยเพียงอย่างเดียว และในปีนี้เราจะเริ่มส่งออกไปต่างประเทศอย่างจริงจัง” วาที กล่าวถึงก้าวต่อไป

วันนี้ ViNG ไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่เพียงตลาดในประเทศอีกต่อไป ธงชาติไทยได้โบกสะบัดในงานวิ่งระดับโลกอย่าง London Marathon Expo และ LA Marathon สร้างความสนใจจากนักวิ่งและตัวแทนจำหน่ายทั่วโลก คำสั่งซื้อจากกว่า 30 ประเทศหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวาทีมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนสำหรับการเติบโตในต่างแดนว่า “เราไม่อยากเติบโตในต่างประเทศด้วยการเป็นแค่ผู้ส่งออกสินค้าไปวางขายตามช่องทางต่าง ๆ เท่านั้น ผมอยากให้แบรนด์ ViNG เป็นที่รู้จักในฐานะแบรนด์วิ่งที่คนเชื่อมั่นและเลือกซื้อ ไม่ใช่แค่เพราะเป็นรองเท้าที่ดีคู่หนึ่ง แต่ต้องมีการสร้างกิจกรรม สร้างอีเวนต์ และสร้างชุมชน ViNG ในประเทศนั้น ๆ”

ความสำเร็จและความมุ่งมั่นของ ViNG ได้รับการยอมรับผ่านรางวัล Bai Po Business Awards by Sasin ซึ่ง บริษัท วีอิ้ง อินเตอร์เทรด จำกัด (แบรนด์ ViNG) ได้รับรางวัลในหลายมิติ ทั้งองค์กรที่มีการสร้างสรรค์นวัตกรรม (Innovative Enterprise) มิติการบริหารจัดการด้านการสร้างตราสินค้าและการตลาด (Branding & Marketing) และมิติการสร้างธุรกิจด้วยพลังแห่งการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship)

วาที เน้นย้ำว่า “ปัจจัยสู่ความสำเร็จคือการมองเห็นช่องว่างในตลาดและการสร้างความแตกต่างด้วยนวัตกรรม การสร้างความแตกต่างในยุคนี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์คือการค้นหาผู้ใช้งานที่เห็นคุณค่าในสิ่งที่เราทำ และที่สำคัญคือการทำผลิตภัณฑ์ที่สามารถเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้”

แน่นอนว่าเส้นทางสู่ความสำเร็จระดับโลกย่อมไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ViNG ต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งในด้านการขยายกำลังการผลิตให้ทันต่อความต้องการ และการรับมือกับการลอกเลียนแบบสินค้าจากคู่แข่งต่างชาติ แต่นั่นกลับเป็นเครื่องยืนยันว่า ViNG ได้มาถูกทางและสร้างแรงกระเพื่อมในตลาดโลกแล้ว

ปัจจุบัน โรงงานแห่งใหม่พร้อมด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัยกำลังจะเปิดดำเนินการ เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต

เมื่อมองไปข้างหน้า วาที เชื่อว่าอุปสรรคสำคัญอาจอยู่ที่กรอบความคิด

“ผมว่ามุมมองของคนไทยเองนี่แหละคือความท้าทายที่สุด เรายังไม่กล้าออกไปเป็นผู้เล่นในระดับโลกอย่างเต็มตัว หากต้องการประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน เราต้องสร้างการเปลี่ยนแปลง สร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับโลก ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเอง สำหรับ ViNG เราคาดหวังการเติบโตสองเท่าทุกปี และตั้งเป้ายอดขายในไทยไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันล้านบาทภายใน 3-4 ปีข้างหน้า ความฝันสูงสุดของเราคือการเป็น ‘ยูนิคอร์น’ ในอุตสาหกรรมรองเท้าและกีฬาของโลก”

จากรองเท้าแตะที่ครั้งหนึ่งอาจถูกมองข้าม ViNG ได้พิสูจน์แล้วว่า ด้วยนวัตกรรมที่ไม่หยุดยั้ง ความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง และจิตวิญญาณของนักสู้ที่ไม่ยอมแพ้ แบรนด์ไทยก็สามารถก้าวขึ้นไปแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างสง่างาม ความมุ่งมั่นที่จะนำแบรนด์ของคนไทย โดยเฉพาะแบรนด์สำหรับนักวิ่ง ให้สามารถเติบโตและเป็นที่ยอมรับในระดับโลกให้ได้ในวันหนึ่ง สะท้อนถึงพลังของผู้ประกอบการอย่างแท้จริง นี่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ ที่รองเท้าแตะคู่เล็ก ๆ จากประเทศไทย จะเข้ามามีบทบาทในการพลิกโฉมวงการวิ่ง และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนทั่วโลกได้เห็นว่า “Made in Thailand” ก็สามารถเป็นผู้นำระดับโลกได้

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

‘จี๊ป ไคลน์’ กับภารกิจปั้นสตาร์ตอัพอาเซียนสู่เวทีโลก ด้วยนวัตกรรมและผลกระทบเชิงบวก

พลิกโฉมเกษตรไทย: นวัตกรรมสีเขียวขับเคลื่อนธุรกิจยุคใหม่สู่ความยั่งยืน

แกะรอย ‘White Story’ ธุรกิจร้อยล้าน จากวิสัยทัศน์ ‘อร่อย ใส่ใจ’

ผู้เขียน