ในยุคที่เข็มนาฬิกาของคนเมืองหมุนเร็วขึ้นจน “เวลา” กลายเป็นสิ่งของล้ำค่าที่สุด กิจวัตรการพักผ่อนหย่อนใจถูกย่อส่วนลงเหลือเพียงช่วงเวลาไม่กี่นาทีบนหน้าจอมือถือระหว่างรอรถไฟฟ้าหรือช่วงพักกลางวัน ท่ามกลางกระแสการบริโภคที่รวดเร็วนี้ “ละครสั้น” (Micro-dramas) ได้ถือกำเนิดขึ้นในฐานะวัฒนธรรมบันเทิงรูปแบบใหม่ที่ไม่ได้มุ่งหวังเพียงแค่เสียงหัวเราะหรือคราบน้ำตา แต่กำลังสถาปนาตนเองเป็นเครื่องมือทรงอิทธิพลในการเชื่อมโยงเศรษฐกิจและวัฒนธรรมข้ามพรมแดน จากหลังกำแพงเมืองจีนสู่หัวใจของชาวอาเซียน โดยมีฟันเฟืองที่มองไม่เห็นอย่าง “ปัญญาประดิษฐ์” (AI) เป็นผู้กุมบังเหียนอยู่เบื้องหลังความสำเร็จที่ไร้รอยต่อนี้
อาณาจักร Shanhai Group: พลิกโมเดลสื่อครบวงจรจาก IP สู่รายได้หลักพันล้าน
ความสำเร็จของละครสั้นในตลาดสากลไม่ได้เกิดขึ้นจากโชคชะตา แต่เกิดจากการวางโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานอย่างเป็นระบบ โดย โจว หรง (Zhou Rong) เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ภาครัฐของ Shanhai Group ได้สะท้อนภาพว่าบริษัทไม่ได้วางบทบาทเป็นเพียงผู้ผลิตเนื้อหาเท่านั้น แต่เป็นกลุ่มสื่อครบวงจรที่ดูแลตั้งแต่การถือครองลิขสิทธิ์ IP การถ่ายทำ ไปจนถึงการจัดจำหน่ายผ่านแอปพลิเคชันอย่าง “Shanhai Short Drama” ในจีน และ “Stardust TV” ในตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันบริษัทถือครองลิขสิทธิ์ละครคุณภาพสูงกว่า 500 เรื่อง สร้างรายได้ในจีนเฉลี่ยสูงถึง 350 ล้านหยวนต่อเดือน โดยมีหัวใจแห่งความสำเร็จอยู่ที่อัตราการสร้างผลงานยอดนิยมหรือ Hit Rate ที่สูงกว่าร้อยละ 40 ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดสากลที่ครอบคลุมกว่า 200 ประเทศ
AI Core Engine: รื้อระบบการผลิตเดิม สู่มาตรฐาน Localization อัจฉริยะ
เบื้องหลังตัวเลขการเติบโตที่ก้าวกระโดด คือการปรับเปลี่ยนบทบาทของ AI จากเดิมที่เป็นเพียงเครื่องมือช่วยงาน ให้กลายเป็น “ระบบเครื่องยนต์หลัก” ที่เข้ามารื้อสร้างระบบนิเวศการทำงานใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะการแก้ปัญหาความอ่อนไหวทางวัฒนธรรมซึ่งเป็นอุปสรรคใหญ่ในการส่งออกสื่อ ทาง Shanhai Group ได้ใช้ระบบ AI ที่ผสานเทคโนโลยีการประมวลผลภาษาธรรมชาติและคอมพิวเตอร์วิทัศน์ เพื่อตรวจสอบเนื้อหาที่อาจกระทบต่อความรู้สึกด้านศาสนา เชื้อชาติ หรือค่านิยมท้องถิ่นได้แม่นยำกว่า 187 ประเภท ทำให้ละครที่ถูกส่งออกไปยังไทยหรือตะวันออกกลางมีความปลอดภัยและเคารพกฎเกณฑ์ในพื้นที่อย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังมีระบบ AI Dubbing ที่สามารถสังเคราะห์เสียงพากย์ที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกได้ภายในเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตได้ถึง 5 เท่าตัว เมื่อเทียบกับการแปลและพากย์เสียงรูปแบบเดิม
กลยุทธ์ “ลางเนื้อชอบลางยา”: ใช้ Data Analytics เจาะลึกถึงพฤติกรรมการจ่ายเงิน
ในมิติของการตลาด AI ทำหน้าที่เป็นนักวิเคราะห์ข้อมูลอัจฉริยะที่ติดตามพฤติกรรมผู้ใช้ตั้งแต่เริ่มเห็นคอนเทนต์จนถึงขั้นตอนการจ่ายเงิน เพื่อสร้างโมเดลทำนายศักยภาพของคอนเทนต์ในแต่ละภูมิภาค ทำให้การจัดสรรงบประมาณโฆษณาเป็นไปอย่างแม่นยำในลักษณะ Personalization ซึ่งช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) และลดต้นทุนโฆษณาได้อย่างมีนัยสำคัญ ยิ่งไปกว่านั้นในปี 2025 บริษัทมีแผนจะก้าวไปสู่การผลิต “AI Short Dramas” อย่างเต็มตัว โดยใช้ AI สร้างตัวละครเสมือนจริง (Virtual Humans) และฉากสเปเชียลเอฟเฟกต์ที่ดูสมจริง เพื่อทำลายข้อจำกัดด้านการจ้างงานและสถานที่ถ่ายทำแบบเดิม

Cultural Transcreation: ก้าวข้ามการแปลภาษา สู่การครองใจผู้ชมผ่านอารมณ์ท้องถิ่น
เมื่อมองมาที่ตลาดประเทศไทย คุณโจว หรง (Zhou Rong) เน้นย้ำว่าหัวใจสำคัญไม่ได้มีเพียงแค่การแปลภาษาให้ถูกต้อง แต่คือการทำ “Cultural Transcreation” หรือการถ่ายทอดอารมณ์และบริบทสังคมให้เข้าถึงจิตวิญญาณของคนไทย ดังเห็นได้จากความสำเร็จของละครสั้นเรื่อง “My Lucky Husband” ที่มียอดการเข้าชมกว่า 180 ล้านครั้ง ซึ่งเกิดจากการร่วมทำงานกับทีมเขียนบทในท้องถิ่นเพื่อดึงดูดอารมณ์ร่วมของผู้ชมอย่างตรงจุด พร้อมกันนี้ยังใช้ละครสั้นเป็นหน้าต่างในการนำเสนอมรดกทางวัฒนธรรมจีนเพื่อกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวตามรอยละคร ซึ่งเป็นการสร้างคุณค่าเพิ่มในเชิงเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไปพร้อมกัน
สะพานเศรษฐกิจจีน-อาเซียน: ปักหมุดไทยสู่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมสื่อดิจิทัลแห่งอนาคต
ท้ายที่สุด วิสัยทัศน์ของ Shanhai Group ต่อภูมิภาคอาเซียนโดยมีไทยเป็นศูนย์กลาง คือการสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมสื่อร่วมกันอย่างยั่งยืน ผ่านแผนงานหลัก 3 ด้าน คือการร่วมผลิตคอนเทนต์ออริจินัลกับทีมงานไทย การแบ่งปันเทคโนโลยี AI ด้านการตรวจสอบเนื้อหาและการพากย์เสียง และการผลักดันให้เกิดฐานอุตสาหกรรมสื่อภาพและเสียงจีน-อาเซียน เพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิตและซื้อขายลิขสิทธิ์ระดับภูมิภาค การนำเทคโนโลยีมาใช้ในลักษณะนี้จึงเปรียบเสมือนการสร้าง “สะพานดิจิทัลอัจฉริยะ” ที่นอกจากจะเชื่อมโลกเข้าด้วยกันแล้ว ยังสามารถปรับเปลี่ยนพื้นผิวถนนและทิศทางการนำทางให้เข้ากับวัฒนธรรมที่แตกต่าง เพื่อให้การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมลื่นไหล รวดเร็ว และแม่นยำอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
การเปลี่ยนแปลงนี้ตอกย้ำว่าในโลกยุคใหม่ เทคโนโลยีไม่ได้เข้ามาแทนที่ความคิดสร้างสรรค์ แต่เข้ามาช่วยให้เรื่องเล่าของคนกลุ่มหนึ่งสามารถเดินทางไปสะกดใจคนอีกซีกโลกหนึ่งได้อย่างไร้รอยต่อ
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
สมรภูมิสตรีมมิ่ง: เมื่ออำนาจเลือกสื่อ ย้ายจาก ‘สถานี’ สู่ ‘ปลายนิ้ว
เทรนด์ปี 2026: ยุค Agentic AI และโอกาสข้อมูลไทยในเวทีโลก



