TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessบำรุงราษฎร์ ชูความพร้อมทีมแพทย์และเทคโนโลยี ‘ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ’ ตรวจวินิจฉัยรักษาแม่นยำตรงจุด

บำรุงราษฎร์ ชูความพร้อมทีมแพทย์และเทคโนโลยี ‘ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ’ ตรวจวินิจฉัยรักษาแม่นยำตรงจุด

ปัจจุบัน ด้วยสภาพแวดล้อม และไลฟสไตล์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป ประกอบกับมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคเพิ่มขึ้น เช่น การรับประทานอาหาร และการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ส่งผลให้สถานการณ์ของโรคระบบทางเดินอาหารและตับพบได้มากขึ้น ปัญหาเหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย และบางโรคมีความซับซ้อนในการดูแลรักษา ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว และมุ่งมั่นพัฒนาการรักษาโดยทีมแพทย์เฉพาะทางที่มากประสบการณ์ 

โดยในปี 2565 ‘ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ’ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ร่วมมือกับ ‘ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านระบบประสาทและการเคลื่อนไหวของระบบทางเดินอาหาร’ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อยกระดับมาตรฐานการรักษาให้ดียิ่งขึ้น และในปี 2566 นี้ ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ ได้ต่อยอดขยายคลินิกเฉพาะทาง เพื่อพัฒนาการรักษาให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และทัดเทียมมาตรฐานโลกโดยในปี 2565 ‘ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ’ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ร่วมมือกับ ‘ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านระบบประสาทและการเคลื่อนไหวของระบบทางเดินอาหาร’ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อยกระดับมาตรฐานการรักษาให้ดียิ่งขึ้น และในปี 2566 นี้ ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ ได้ต่อยอดขยายคลินิกเฉพาะทาง เพื่อพัฒนาการรักษาให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และทัดเทียมมาตรฐานโลก

ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดเผยว่า “ตลอด 43 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้ง โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้ยกระดับการรักษาและพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศเฉพาะทางอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ระบบทางเดินอาหารและตับ ถือเป็นระบบหนึ่งของร่างกายที่มีความสำคัญมาก ซึ่งมีผลต่อคุณภาพชีวิตและไม่ควรละเลยที่จะดูแล ปัจจุบัน จำนวนของผู้ป่วยที่เป็นโรคระบบทางเดินอาหารและตับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี โดยโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เล็งเห็นถึงปัญหาและมุ่งหวังที่จะช่วยรักษาผู้ที่มีอาการหรือมีความผิดปกติในระบบทางเดินอาหารและตับอย่างครอบคลุม ทั้งโรคทั่วไปและโรคที่มีความซับซ้อน ซึ่งการที่เรามีคลินิกเฉพาะทาง โดยมีทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ มีเครื่องมือที่ทันสมัย จะเอื้อประโยชน์ในการตรวจวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ผศ.นพ.ยุทธนา ศตวรรษธำรง หัวหน้าศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

ผศ.นพ.ยุทธนา ศตวรรษธำรง หัวหน้าศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า“ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มุ่งมั่นพัฒนาตัวเราให้เป็นที่หนึ่งในใจของคนไทยและคนทั่วโลก โดยได้พัฒนาการรักษาและให้การดูแลผู้ป่วยมากกว่า 43,000 รายต่อปี ปัจจุบันมีคลินิกเฉพาะทางต่างๆ ประกอบไปด้วย 1. คลินิกโรคทางเดินอาหารทั่วไป 2. ศูนย์เฉพาะทางด้านการทำงานระบบทางเดินอาหาร 3. ศูนย์ส่องกล้องทางเดินอาหาร4. คลินิกโรคตับอ่อน 5. คลินิกพันธุกรรมโรคระบบทางเดินอาหาร 6. คลินิกโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง 7. คลินิกโรคตับและ 8. คลินิกไมโครไบโอมแบบบูรณาการ โดยทีมแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ สอดคล้องกับนโยบายของบำรุงราษฎร์ที่มุ่งมั่นในการแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับ ‘ผู้ป่วย’ ซึ่งการมีคลินิกเฉพาะทางจะเสริมศักยภาพด้าน 1. การตรวจวินิจฉัยโรคได้ถูกต้องแม่นยำและตรงจุดมากขึ้น 2. สามารถตรวจหาสาเหตุของโรคที่แท้จริงได้ตั้งแต่อาการแรกเริ่มด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ 3. จากประสบการณ์และความชำนาญการของแพทย์ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาผู้ป่วยให้หายขาด ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้” 

ศ.นพ.สุเทพ กลชาญวิทย์ หัวหน้าศูนย์เฉพาะทางด้านการทำงานระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

ศ.นพ.สุเทพ กลชาญวิทย์ หัวหน้าศูนย์เฉพาะทางด้านการทำงานระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า“ผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการทำงานของระบบทางเดินอาหารเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย และหากไม่ได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและรักษาแต่เนิ่นๆ จะทำให้ผู้ป่วยยังคงมีอาการเป็นๆ หายๆเรื้อรัง โดยสามารถมีอาการได้ตั้งแต่อาการของหลอดอาหารไปจนถึงทวารหนัก เช่น หลอดอาหารสามารถเกิดปัญหากรดไหลย้อน กระเพาะอาหารอาจมีปัญหากระเพาะอาหารทำงานผิดปกติ ทำให้มีอาการโรคกระเพาะอาหารทีส่องกล้องไม่พบความผิดปกติ โรคลำไส้แปรปรวน อืดแน่นท้อง ไปจนถึงท้องผูกเรื้อรัง

โดยทั่วไปผู้ป่วยที่มีปัญหาเหล่านี้สามารถรักษาด้วยแพทย์ทั่วไป แต่ในผู้ป่วยจำนวนหนึ่งพบว่ามีอาการซึ่งรบกวนคุณภาพชีวิตมาก พบแพทย์มาหลายท่านหรือรักษาด้วยยาต่าง ๆ แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ‘คลินิกเฉพาะทางด้านการทำงานของระบบทางเดินอาหาร’ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ในการดูแลผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของทางเดินอาหารที่รักษายากกลุ่มนี้ เช่น ในผู้ป่วยท้องผูกเรื้อรังที่รับประทานยาระบายไม่ได้ผล เรามีเทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยและรักษาที่ทันสมัย เช่น การรักษาด้วยวิธี Biofeedback therapy เพื่อฝึกการขับถ่าย ใช้รักษาอาการท้องผูกเรื้อรังที่มีสาเหตุมาจากการเบ่งอุจจาระที่ไม่ถูกวิธี ซึ่งสามารถทำให้อาการท้องผูกหายขาดได้ถึงร้อยละ 60 ส่วนในกลุ่มที่ไม่หายขาดก็ทำให้อาการดีขึ้นและสามารถลดยาระบายได้ หรือเทคโนโลยีการตรวจวัดความเป็นกรดในหลอดอาหาร 24 ชั่วโมง เพื่อวัดความถี่และระยะเวลาที่กรดในกระเพาะไหลย้อนเข้าสู่หลอดอาหารทำให้แพทย์ทราบการวินิจฉัยที่แน่นอนสามารถวางแผนการรักษาผู้ป่วยกรดไหลย้อนได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ แพทย์จะเป็นผู้เลือกเทคโนโลยีที่นำมาตรวจวินิจฉัยให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อให้มีความแม่นยำและให้การรักษาได้อย่างตรงจุด”

รศ.คลินิก นพ.ทศพล เกิดศิริชัยรัตน์ แพทย์ชำนาญการด้านทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า ‘คลินิกส่องกล้องทางเดินอาหาร ได้นำเทคโนโลยีส่องกล้องทางเดินอาหารที่ทันสมัยเข้ามาเพื่อตรวจสุขภาพระบบทางเดินอาหารทั้งส่วนต้นและส่วนปลาย ตั้งแต่หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร สำไส้เล็ก และลำไส้ใหญ่ โดยใส่อุปกรณ์เข้าทางปากหรือทวารหนัก โดยกล้อง Endoscopy สามารถตรวจจับและระบุลักษณะเฉพาะของเนื้อเยื่อที่ผิดปกติหรือรอยโรคได้ อีกทั้งยังสามารถรักษาและเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อเพื่อนำไปวินิจฉัยโรคได้ในคราวเดียวกัน นอกจากนี้ ประโยชน์ของการส่องกล้องทางปากหรือทางทวารหนักยังทดแทนการผ่าตัดในผู้ป่วยที่เหมาะสม ทำให้ผู้ป่วยพักฟื้นน้อยลง ลดภาวะแทรกซ้อนได้ดียิ่งขึ้น โดยมีเทคโนโลยีส่องกล้องทางเดินอาหาร เช่น

  • ERCP การส่องกล้องตรวจรักษาท่อน้ำดีและตับอ่อน เพื่อประเมิน วินิจฉัย และวางแนวทางการรักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบท่อน้ำดีและตับอ่อน เช่น นิ่วในท่อน้ำดีหรือท่อตับอ่อน ท่อน้ำดีหรือท่อตับอ่อนที่ตีบตัน
  • EUS การตรวจระบบทางเดินอาหารโดยการส่องกล้องที่ติดอัลตราซาวด์เพื่อตรวจดูรอยโรคอวัยวะที่อยู่นอกผนังของระบบทางเดินอาหารและสามารถตัดชิ้นเนื้อเพื่อทำการตรวจได้ รวมไปถึงทำการรักษาในกรณีที่การส่องกล้องแบบปกติไม่สามารถทำได้ โดยการส่องกล้องผ่านทางปากหรือทวารหนัก 
  • FTRD อุปกรณ์ส่องกล้องเพื่อตัดติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่และกระเพาะอาหาร ไม่ว่าจะเป็นภาวะก่อนมะเร็ง หรือมะเร็งระยะเริ่มต้น ได้มากถึง 3 ซ.ม. โดยที่ไม่ต้องมีแผลผ่าตัดที่หน้าท้อง
  • TIF อุปกรณ์ส่องกล้องเย็บหูรูดหลอดอาหาร ด้วยการส่องกล้องผ่านทางปาก เพื่อรักษาโรคกรดไหลย้อนโดยไม่ต้องผ่าตัด
  • ESG อุปกรณ์ส่องกล้องเย็บกระเพาะอาหาร เพื่อลดน้ำหนัก โดยไม่ต้องผ่าตัด สามารถลดน้ำหนักได้กว่า 20% ของน้ำหนักตัวเดิม หรือ 30-40% เมื่อใช้ร่วมกับยาที่มีประสิทธิภาพสูง

นอกจากนี้ ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มี ‘คลินิกตับอ่อน ที่รักษาผู้ป่วยโรคในตับอ่อนโดยเฉพาะ เช่น มะเร็งตับอ่อน โดยโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มี Multidisciplinary Tumor Board รวมแพทย์ที่เกี่ยวข้องหลากหลายสาขา เพื่อหาแนวทางการรักษาที่ดีที่สุดร่วมกัน นอกจากนี้ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มีรังสีแพทย์และพยาธิแพทย์ที่ชำนาญทางด้านมะเร็งตับอ่อนโดยเฉพาะ ศัลยแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ในการผ่าตัดตับอ่อนโดยเฉพาะ ทั้งนี้ เราสามารถป้องกันโรคมะเร็งตับอ่อน ได้ด้วยการตรวจยีนที่มีความเสี่ยงสูง โดยบำรุงราษฎร์เป็นโรงพยาบาลแห่งแรกของเอเชียที่สามารถให้บริการตรวจค้นหามะเร็งตับอ่อนในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ตามมาตรฐานของโรงพยาบาล Johns Hopkins ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแรกของโลกที่เน้นการตรวจค้นหาในด้านนี้ หากเราตรวจค้นหาโรคได้เร็ว ก็จะรักษาได้ง่ายขึ้น และมีอัตราการรอดชีวิตสูงขึ้น ซึ่ง ‘คลินิกพันธุกรรมโรคระบบทางเดินอาหาร มีประโยชน์อย่างมากในกลุ่มผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ที่มีญาติสายตรงเป็นมะเร็ง รวมถึงกลุ่มผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ โดยแนะนำให้เริ่มตรวจคัดกรองที่อายุ 40 สำหรับมะเร็งกระเพาะอาหาร และ 45 ปีสำหรับมะเร็งลำไส้ใหญ่

ผศ.นพ.พิเศษ พิเศษพงษา แพทย์ชำนาญการด้านทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

ผศ.นพ.พิเศษ พิเศษพงษา แพทย์ชำนาญการด้านทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า คลินิกโรคลำไส้อักเสบเรื้อรังให้การดูแลผู้ป่วยในกลุ่มโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง ซึ่งเป็นโรคที่วินิจฉัยและรักษาได้ยาก ทั้งยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนสูง โดยผู้ป่วยอาจจะมีอาการท้องร่วงเรื้อรัง ถ่ายปนมูกหรือเป็นเลือด หรือมีอาการปวดท้องเรื้อรัง นอกจากนี้ยังอาจมีอาการของอวัยวะอื่นร่วมด้วย เช่น ข้ออักเสบ ตาอักเสบ ท่อน้ำดีอักเสบ เนื่องจากการวินิจฉัยและการรักษาโรคนี้มีความซับซ้อนอย่างมาก จึงต้องการการตรวจวินิจฉัยที่แม่นยำ เช่น การส่องกล้องตรวจทางเดินอาหารร่วมกับการตรวจชิ้นเนื้อซึ่งรวมถึงการย้อมพิเศษต่างๆ, การตรวจเลือด,การตรวจอุจจาระและการตรวจทางรังสีวิทยาต่างๆ เพื่อช่วยในการวินิจฉัยแยกโรค, ตรวจหาภาวะแทรกซ้อนและประเมินความรุนแรงของโรค   รวมถึงยังต้องการการรักษาที่เหมาะสมและการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยทีมแพทย์และสหสาขาวิชาชีพ ได้แก่ อายุรแพทย์ทางเดินอาหารด้านโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง, รังสีแพทย์, ศัลยแพทย์, พยาธิแพทย์, กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง, สูตินรีแพทย์, อายุรแพทย์โรคข้อ, อายุรแพทย์โรคผิวหนัง, พยาบาลผู้เชี่ยวชาญ, นักโภชนาการ และ นักจิตวิทยา โดยทางศูนย์มีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถยกระดับการรักษาของผู้ป่วยกลุ่มนี้ให้ได้มาตรฐานในระดับโลก โดยคำนึงถึงคุณภาพชีวิตและสภาพจิตใจของผู้ป่วยเป็นสิ่งสำคัญ

พญ.วิภากร เพิ่มพูลแพทย์ชำนาญการด้านทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

พญ.วิภากร เพิ่มพูลแพทย์ชำนาญการด้านทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า “โรคตับ เป็นปัญหาที่ประชากรทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกกำลังเผชิญ คลินิกโรคตับ ของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ รวมทั้งทีมวินิจฉัยไปจนถึงการรักษาโรคที่ซับซ้อน อาทิ โรคที่พบได้บ่อยอย่าง ตับอักเสบเฉียบพลัน ตับอักเสบเรื้อรัง ก้อนเนื้อในตับ ไขมันพอกตับ และ มะเร็งตับ ซึ่งเรามีการรักษาตั้งแต่การให้ยา, การใส่สารเคมีในเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงตับ, การใส่กัมมันตภาพรังสีเข้าไปที่ตับ ไปจนถึงการผ่าตัดปลูกถ่ายตับ ผู้ป่วยสามารถมาที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้อย่างครบวงจร”

รศ.ดร.นพ. กฤษณ์ พงศ์พิรุฬห์แพทย์ชำนาญการด้านการแพทย์บูรณาการเชิงป้องกัน โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า “มีคนจำนวนไม่น้อย ที่มีอาการทางเดินอาหารบางอย่าง เช่น ปวดท้อง ท้องอืด ลมเยอะ บางครั้งถ่ายยาก บางครั้งท้องเสีย แต่เมื่อส่องกล้องแล้วก็ไม่เจอความผิดปกติที่ชัดเจน หลายท่านมีปัญหาน้ำหนักเกิน ไขมันพอกตับ ไขมันในเลือดสูง แต่คุมอาหารและออกกำลังแล้ว ก็ไม่สำเร็จ เมื่อหาสาเหตุไม่พบ หลายท่านก็พยายามแก้ปัญหาตามโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งเป็นการเสี่ยงและสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์รู้ว่าปัญหาสุขภาพดังกล่าว อธิบายด้วยจุลินทรีย์ที่ไม่สมดุล จึงได้พัฒนาการบริการในการดูแลสุขภาพในเชิงลึกถึงระดับจุลินทรีย์และให้บริการภายใต้คลินิกไมโครไบโอมแบบบูรณาการเพื่อรักษาและแก้ไขปัญหาทางเดินอาหารให้ครอบคลุมทุกมิติ เช่น การวิเคราะห์จุลินทรีย์ในลำไส้อย่างละเอียด ด้วยการตรวจอุจจาระและปัสสาวะ, การตรวจประเมินการย่อยและการดูดซึมอาหาร, การปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ด้วยการช่วยเลือกโปรไบโอติกส์ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยอิงกับผลการวิเคราะห์จุลินทรีย์ในลำไส้ นับเป็นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งการป้องกันและการรักษาเพื่อดูแลสุขภาพลำไส้ของเราให้แข็งแรงอย่างยั่งยืน”

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เป็นผู้นำในการพัฒนาแนวทางเวชปฏิบัติเกี่ยวกับการแปลผลและการปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจาก 4 สถาบันหลัก ได้แก่ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์, คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ชั้น 2 อาคาร B (อาคารโรงพยาบาล) โทร. 02 011 2167-8 หรือโทร. 1378 

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

แพทย์เตือนสาวกซีรีส์ นั่งจ้องจอนาน จุดเริ่มต้นของกระดูกคอเสื่อม

29 กันยายน วันหัวใจโลก

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ