Sir Stamford Raffles Group (SSRG) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงนวัตกรรมจากสิงคโปร์เปิดตัว Marum Estate โครงการที่พักอาศัยแห่งใหม่ที่มาพร้อมกับโรงพยาบาล ศูนย์มะเร็ง และโรงเรียนมาตรฐานสากล ณ เมืองกันดาลเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ของกัมพูชา
Ng Aung San ผู้ก่อตั้งและซีอีโอร่วมของ SSRG กล่าวว่า โครงการนี้ได้รวบรวมแนวคิด “ชีวิตที่ยกระดับ” มาพัฒนาโครงการ ซึ่งเหมาะสมกับช่วงเวลาของการเติบโตทางเศรษฐกิจของเมืองกันดาลที่กำลังจะได้รับแรงหนุนจากท่าอากาศยานนานาชาติเตโช ตาเขมา สนามบินแห่งใหม่ที่คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ภายในปี 2025
โครงการ Marum Estate ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 226,000 ตารางกิโลเมตร ในเมืองกันดาลทางตอนใต้ของพนมเปญและอยู่ห่างจากสนามบินแห่งใหม่ราว 12 กิโลเมตรได้ผสมผสานไลฟ์สไตล์ของชีวิตอันหรูหรา พร้อมระบบด้านการดูแลสุขภาพ การศึกษา การพาณิชย์ และรองรับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้สูงวัย
![](https://www.thestorythailand.com/wp-content/uploads/2024/02/Ng-Aung-San_2.jpg)
เหตุผลที่ SSRG เลือกลงทุนในกัมพูชา
Aung San กล่าวว่า SSRG สนใจลงทุนทำโครงการอสังหาฯ ในกัมพูชาเพราะมีโลเคชั่นที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางของอาเซียน มีระบบเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต มีการยึดหลักนิติธรรมในการดำเนินธุรกิจกับนักลงทุนต่างชาติ และมีการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลที่ราบรื่น
“กันดาลเป็นระเบียงเศรษฐกิจใหม่ เพราะกำลังจะมีสนามบินแห่งใหม่เกิดขึ้น” คุณ Aung San กล่าวระหว่างการแถลงข่าวเปิดตัว Marum Estate ที่กรุงพนมเปญเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา
Aung San กล่าวว่า กัมพูชามีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจาก 6 ถึง 7 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา การเติบโตทางเศรษฐกิจดังกล่าวอยู่ที่พนมเปญและเสียมเรียบซึ่งสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ประกอบกับจำนวนชนชั้นกลางที่เพิ่มมากขึ้นทำให้เขาเชื่อมั่นว่าคนกัมพูชาจะมีกำลังซื้อที่อยู่อาศัยในระดับกลางและระดับลักชัวรี่ได้
![Phebe Len ผู้ก่อตั้งและซีอีโอร่วมของ SSRG](https://www.thestorythailand.com/wp-content/uploads/2024/02/Phebe-Len_3.jpg)
![Phebe Len ผู้ก่อตั้งและซีอีโอร่วมของ SSRG](https://www.thestorythailand.com/wp-content/uploads/2024/02/Phebe-Len_3.jpg)
“บ้านในฝัน” ของคนกัมพูชา
โครงการนี้โฟกัสไปที่ผู้ซื้อจากกรุงพนมเปญและกันดาลประมาณ 80-85 เปอร์เซ็นต์
“เราเลือกที่นี่ (กัมพูชา) เพราะเรากำลังจะสร้างความแตกต่างให้กับชาวกัมพูชา พวกเขาก็เหมือนกับชนชาติอื่นๆ ในอาเซียนที่อยากจะมีบ้านในฝัน เป็นบ้านเดี่ยวบนที่ดินของตัวเองที่ไม่อยู่ติดกับใคร และเจ้าของถือกรรมสิทธิ์ 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นสินทรัพย์ที่เป็นมรดกส่งต่อให้ลูกหลานได้” Phebe Len ผู้ก่อตั้งและซีอีโอร่วมของ SSRG กล่าวเสริม
ส่วนอีก 15-20 เปอร์เซ็นต์เปิดให้ชาวต่างชาติเข้ามาซื้อได้ กฎหมายกัมพูชายังไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติถือครองที่ดินและบ้าน ชาวต่างชาติจึงต้องเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยผ่านทรัสต์ ซึ่ง SSRG ก็ได้ร่วมมือกับ Philip Trustee บริษัทการเงินจากสิงคโปร์เพื่อให้คำแนะนำหากสนใจซื้อบ้านของโครงการ
มูลค่าโครงการ Marum Estate ราว 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จได้ในปี 2026 สนนราคาบ้านเริ่มต้นที่ 190,000 -300,000 ดอลล่าร์สหรัฐ
SSRG ยังมีแผนที่จะลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามและไทยด้วย
![](https://www.thestorythailand.com/wp-content/uploads/2024/02/Marum-Residence-4.jpg)
![](https://www.thestorythailand.com/wp-content/uploads/2024/02/Marum-Residence-4.jpg)
มอบประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ครบวงจร
Marum Residence เป็นโครงการที่พักอาศัยซึ่งมีบ้านทั้งหมด 642 หลังและอาคารพาณิชย์ 181 อาคาร สร้างสรรค์โดยสถาปนิกด้านการออกสุดหรูหราชั้นนำของโลก ไม่ว่าจะเป็น SCSY Studio, Burega Farnell และ Bloom Architecture โดยบ้านจะมี 4 รูปแบบ คือ Prive, Sanctuary, Orchard, และ Greenwood ตัวหมู่บ้านตั้งอยู่ติดกับทะเลสาบ Tonle Bati อันเงียบสงบที่โอบล้อมไปด้วยแมกไม้เขียวขจี และมีวิวด้านหลังตระการตาของภูเขา Tamao
Phebe บรรยายถึงจุดเด่นของโครงการว่า Marum Residence ถูกออกแบบให้มีความโดดเด่นด้วยคุณสมบัติและลักษณะเฉพาะของตัวเอง การออกแบบสถาปัตยกรรมท้องถิ่นสะท้อนให้เห็นถึงการตีความของแนวคิด ” ร่วมสมัยสไตล์เขตร้อน” อันเป็นเอกลักษณ์ของกัมพูชา ผสมผสานอย่างกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและสไตล์การใช้ชีวิตในรีสอร์ท
“Marum Residence จะช่วยให้ผู้อาศัยก้าวข้ามการใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ด้วยการนำเสนอสไตล์สถานที่พักผ่อนที่ผสมผสานความน่าดึงดูดเข้ากับความสะดวกสบาย โดย Marum Estate จะมอบความเรียบง่ายและสวยงาม สร้างสรรค์สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สอดคล้องกับภูมิศาสตร์ การออกแบบ และมรดกทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น ผู้พักอาศัยจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสถานที่อันเป็นส่วนตัวที่เงียบสงบแห่งนี้ซึ่งสร้างมาขึ้นเพื่อการฟื้นฟูเมือง” คุณ Phebe กล่าว
![ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการดูแลสุขภาพ](https://www.thestorythailand.com/wp-content/uploads/2024/02/Marum-Residence-5.jpg)
![ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการดูแลสุขภาพ](https://www.thestorythailand.com/wp-content/uploads/2024/02/Marum-Residence-5.jpg)
โรงพยาบาลมาตรฐานสิงคโปร์
SSRG ยังร่วมมือกับ Parkway Cancer Center (สิงคโปร์) และโรงพยาบาล Khema ในการพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศด้านการดูแลสุขภาพที่ทันสมัยเพื่อช่วยยกระดับระบบบริการด้านสุขภาพให้ดียิ่งขึ้นและให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพชั้นนำ ศัลยกรรมทั่วไป สูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา และบริการทางการแพทย์ที่จำเป็นอื่นๆ โดย SSRG จะก่อสร้างโรงพยาบาลที่ล้ำสมัยภายในพื้นที่โครงการ
![โรงเรียนอันล้ำสมัยในโครงการ Marum Estat](https://www.thestorythailand.com/wp-content/uploads/2024/02/Marum-Residence-6.jpg)
![โรงเรียนอันล้ำสมัยในโครงการ Marum Estat](https://www.thestorythailand.com/wp-content/uploads/2024/02/Marum-Residence-6.jpg)
การศึกษาที่เหนือกว่าหลักสูตรระดับชาติ
SSRG ยังลงนามบันทึกใน MOU ร่วมมือกับโรงเรียน Methodist School of Cambodia (MSC) ที่ตั้งขึ้นมาเกือบ 30 ปีเพื่อมอบการศึกษาที่มีคุณภาพให้แก่ชุมชนชาวกัมพูชา โดย SSRG จะสร้างโรงเรียนอันล้ำสมัยในโครงการ Marum Estate และให้ MSC เป็นคนบริหารโรงเรียนที่สามารถรองรับนักเรียนได้ถึง 750 คน ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับประถมศึกษาเต็มรูปแบบ
![Marum Square เป็นพื้นที่ศูนย์กลางการค้าใน Marum Estate](https://www.thestorythailand.com/wp-content/uploads/2024/02/Marum-Residence-7.jpg)
![Marum Square เป็นพื้นที่ศูนย์กลางการค้าใน Marum Estate](https://www.thestorythailand.com/wp-content/uploads/2024/02/Marum-Residence-7.jpg)
พื้นที่เชิงพาณิชย์แบบไม่ซ้ำใคร
Marum Square เป็นพื้นที่ศูนย์กลางการค้าใน Marum Estate ที่มีเอกลักษณ์ด้วยหน้าร้านทั้ง 2 ด้านที่ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยและความน่าดึงดูดใจ ประกอบไปด้วย ร้านอาหารที่หลากหลาย ร้านค้า สถานที่ทางวัฒนธรรม และพื้นที่สีเขียวภายในสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากแนวคิว tropical modernism
ชีวิตหลังเกษียณในสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบ
อีกหนึ่งโครงการใน Marum Estate ซึ่งมีกำหนดจะเปิดตัวในเฟสที่ 2 คือชุมชนแห่งการอยู่อาศัยหลังเกษียณเชิงนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อบุคคลที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป โดยมุ่งเน้นที่การนำแนวคิด “ที่อยู่อาศัยของบั้นปลายชีวิต” เป็นพื้นฐานของแนวคิดของการสร้างที่อาศัยพักแห่งนี้ โดยจะตั้งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบและมีพื้นที่สีเขียว ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพที่ดีและมอบบริการด้านการดูแลผู้อาศัยตลอดชีวิตอย่างครบวงจร ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเข้าสู่วัยชราได้อย่างสมบูรณ์แบบและสะดวกสบายภายในบ้านและชุมชนที่คุ้นเคยและอยู่ใกล้ชิดกับครอบครัว
ชมรายละเอียดโครงการได้ที่ www.marum-estate.com
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
พฤกษา จับมือ ออริจิ้น ร่วมทุนปั้น 3 โปรเจกต์ โรงแรม-คอนโด-บ้านเดี่ยว รวมมูลค่า 8,700 ล้าน