TH | EN
TH | EN
หน้าแรกTechnologyKBTG โชว์ความพร้อมการเป็น “บริษัท AI-First” ด้วยเทคโนโลยีและระบบนิเวศ

KBTG โชว์ความพร้อมการเป็น “บริษัท AI-First” ด้วยเทคโนโลยีและระบบนิเวศ

ในฐานะที่ปักธงเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของไทย KBTG จึงต้องพาตัวเองไปยืนอยู่ที่แนวหน้าของคลื่นเทคโนโลยีลูกใหม่ที่ KBTG เชื่ออย่างแรงกล้าว่าจะมาเปลี่ยนโลกทั้งใบ แต่การจะเปลี่ยนโลก เพียง KBTG ลำพังคงทำไม่ได้ แต่ต้องอาศัยทั้งระบบนิเวศ KBTG จึงจัดงาน KBTG Techtopia Across The AI-Verse 

งาน KBTG Techtopia Across the AI-Verse เป็นงานที่ KBTG ต้องการสร้างให้เป็นที่ที่จะชวนทุกคนมาร่วมสร้างจินตนาการแห่งอนาคตร่วมกัน โดยมี 38 พันธมิตรจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และอิสราเอล เป็นต้น เพราะ KBTG เชื่อว่า AI จะเข้ามาเพิ่มศักยภาพให้มนุษย์ จะมาสร้างทุกความเป็นไปได้ โลกในทศวรรษถัดไปจะมีความก้าวหน้ามากกว่าความก้าวหน้าของโลกเมื่อ 50 ปีที่แล้วอย่างมาก 

การจะเป็น บริษัท AI-First ให้ประสบความสำเร็จและสร้างให้เกิดผลกระทบในวงกว้างได้นั้น KBTG เป็นอยู่บริษัทเดียวไม่ได้ แต่จะต้องเป็นกันทั้งองคาพยพตลอดในห่วงโซ่ระบบนิเวศ เพราะเรื่อง AI ไม่ใช่เรื่องของบริษัทเทคโนโลยี และคนในแวดวงเทคโนโลยีเท่านั้นอีกต่อไป 

งานนี้ KBTG จึงชวนพันธมิตรจากทุกอุตสาหกรรมมาร่วมอัปเดตความเป็น AI-First Company กันแบบจุใจ ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรที่เป็นบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Adobe, AWS, Google และ Microsoft ที่ได้พัฒนาและนำเทคโนโลยี Generative AI มาให้ผู้ใช้ได้ใช้งานผ่านสินค้าและบริการหลักของแต่ละบริษัท อาทิ Adobe Firefly ที่ให้ทุกคนสามารถเป็นนักออกแบบได้ง่ายขึ้น Microsoft Azure AI Content Safety Services หรือ Google ที่ผสมผสาน AI เข้าไปในบริการของ Google Workspace (Gmail, Calendar, Drive, Collaborative Content Creation Tools และ Google Meet) เป็นต้น 

นอกจากนี้ ยังมีพันธมิตรในระบบนิเวศ AI มาเล่าให้ฟังถึงบทบาทและความสำคัญของ AI ในบริบทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ AI ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน บทบาทของ AI ในบริบทของความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ บทบาทของ AI ในการเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาซอฟต์แวร์ บทบาทของ AI ในวงการ Web 3.0 บทบาทของ AI กับโอกาสของ Prompt Engineer และ Prompt Marketplace และบทบาทของ AI ในอุตสาหกรรมหลัก ๆ อาทิ สาธารณสุข การเงิน ค้าปลีก รวมถึงประเด็นจริยธรรมเรื่องการใช้งาน AI การอยู่ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และความสุขระหว่างมนุษย์กับ AI และโอกาสของสตาร์ตอัพสายพันธุ์ใหม่กับกองทุนที่เน้นลงทุนด้าน AI 

สำหรับ KBTG เองก็ขนผลงานวิจัย AI ที่พัฒนาโดยทีม KBTG Labs เอง และที่พัฒนาร่วมกับพันธมิตรคนสำคัญอย่าง MIT Media Lab ที่อยู่ในขั้น Proof of Concept มาอัปเดตถึงความเก่งกาจของ AI ที่กำลังซุ่มทำ และมีบางผลงานวิจัยที่สามารถนำออกสู่ตลาดเชิงพาณิชย์แล้วด้วย 

KBTG บนเส้นทาง AI-First Transformation 

โลกได้เปลี่ยนจากยุค Mobile-First มาสู่ยุค AI-First หลายธุรกิจย่างก้าวเข้าสู่การเป็นบริษัทที่เรียกว่า AI-First คือเป็นบริษัทที่นำเทคโนโลยี AI มาใช้ในธุรกิจเป็นหลัก หนึ่งในนั้นคือ KBTG 

ธนาคารกสิกรไทยและ KBTG เป็นผู้นำในโลกยุค Mobile-First ด้วยผลงานเชิงประจักษ์ด้วยจำนวนผู้ใช้งานกว่า 20 ล้านคน รองรับธุรกรรมทางการเงินมากกว่า 23 ล้านล้านบาท ซึ่งใหญ่กว่าขนาด GDP ของประเทศไทย ได้ประกาศความพร้อมที่จะเป็นบริษัท AI-First ตั้งแต่ปี 2019 และนำมาซึ่งวิสัยทัศน์เรื่องการเป็น Cognitive Banking ของธนาคารกสิกรไทย ปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างทางการทำ data-driven transformation และ automation-First transformation และ AI-First transformation 

เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) กล่าวว่า หนึ่งในเคล็ดลับความสำเร็จของ KBTG ไม่ใช่แค่ AI แต่ลำพัง แต่เป็น MAD ซึ่งเป็นการผสมผสานกันระหว่าง Machine Learning, AI และ data และ MAD คือ ภูมิทัศน์ของ AI ของ KBTG ที่จะถูกนำไปใช้ในทุกกระบวนการทำงานและในทุก ๆ งานของ KBTG

ที่ผ่านมา KBTG มีการใช้งาน Machine Learning ในหลายสิ่ง อาทิ ใช้เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าใหม่ ๆ ให้กับบริการสินเชื่อ รวมถึงกาารนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับความต้องการของลูกค้า รวมถึงแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ รวมถึงโปรโมชันให้กับลูกค้าได้ตรงความต้องการ และมีการประยุกต์ใช้ AI ในธุรกิจ อาทิ ใช้ AI Chatbot ใน call center 

ปัจจุบัน KBTG มีผลิตภัณฑ์ที่เป็น AI จำนวนมากที่พร้อมออกสู่ตลาด ตัวอย่างเช่น AINU เทคโนโลยีเพื่อการยืนยันตัวตนและตรวจจับการปลอมแปลง 

นอกจากนี้ KBTG มีความร่วมมือกับ MIT Media Lab ตั้งแต่ปีที่แล้ว มีการวิจัยร่วมกัน จนได้ชิ้นงาน PoC ออกมาที่เรียกว่า Future You รวมถึงเปิดตัวงานวิจัยที่เป็น PoC ที่เรียกว่า คู่คิด ที่เป็น AI Chatbot ที่ใช้ K-GPT และยังมีการทำวิจัยเกี่ยวกับ AI และตีพิมพ์ผลงานวิจัยจำนวนมากในวารสารงานวิจัยระดับโลกและในหนังสือพิมพ์ อาทิ งานวิจัยที่ศึกษามนุษย์กับ AI และศึกษาบทบาทของ AI ในประสาทวิทยาศาสตร์ 

สำหรับ Data มีการใช้งานแบบปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ใช้เพื่อสร้าง AI ที่มีความสามารถในการอธิบายความ ในขณะเดียวกันต้องสมดุลระหว่างความปลอดภัยและความยืดหยุ่นในการสร้างนวัตกรรม  

ในระบบนิเวศด้าน AI ของ KBTG ประกอบด้วย KBTG Labs ที่ทำวิจัยเรื่อง AI และมีความร่วมมือกับ MIT Media Lab และมี KBTG Kampus ที่ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับสถาบันวิจัยแห่งชาติและมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศไทย รวมถึงมี AI Venture Builder อย่าง KX และเร็ว ๆ จะมีข่าวใหญ่จาก KX

โอกาสครั้งใหญ่ของสตาร์ตอัพสายพันธุ์ใหม่ Ai-First startup 

โลกจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะว่าปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ได้เปลี่ยนให้โลกใบนี้เข้าสู่ MAD โลกที่ทุกคนสามารถเป็นกราฟิกดีไซเนอร์ได้ด้วยการใช้ AI และเช่นกันทุกคนสามารถกลายเป็นนักดนตรีหรือผู้ผลิตภาพยนตร์ได้ด้วยการใช้ AI ซึ่งทุกวันนี้คุณสามารถเห็นและได้ยินเพลงที่สร้างด้วยปัญญาประดิษฐ์ และทุกคนสามารถเป็นนักออกแบบตกแต่งภายในได้ด้วยการใช้ AI 

AI ที่ดูเหมือนมนุษย์ ในอนาคตคุณจะไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเสียงไหนคือเสียงของมนุษย์และเสียงไหนคือเสียงที่สร้างขึ้นด้วย AI ซึ่งที่งาน Google Cloud ที่ซานฟรานฯ คุณจะสามารถส่งตัว AI Bot ไปร่วมงานแทนคุณได้ 

“จินตนาการได้เลยว่าไม่เกิน 10 ปีจากนี้ไป เด็ก ๆ จะสามารถออกแบบยานอวกาศด้วยการใช้ AI จะสามารถหาลำดับพันธุกรรมได้ด้วยการใช้ AI เด็กในยุคหน้าจะสามารถเติมเต็มความฝันของเขาได้ในแบบที่เด็กในรุ่นเราไม่สามารถทำได้แม้กระทั่งฝันถึงมัน ทั้งหมดทั้งมวลนี้ต้องขอบคุณ AI ที่สร้างทุกโอกาสความเป็นไปได้ให้กับคนรุ่นถัดไป” เรืองโรจน์ กล่าว

ซึ่ง AI โดยตัวมันเองคือเทคโนโลยีที่มีประโยชน์และคุณค่าทั่วไป และมีหลายโครงการด้าน AI ที่ KBTG ทำงานใกล้ชิดกับ Andrew Ng ผู้มีทรงอิทธิพลด้าน AI ซึ่งเพิ่งเปิดตัวกองทุนด้าน AI เขากล่าวว่า AI คือเทคโนโลยีที่มีคุณประโยชน์ทั่วไป แต่สรุปได้ง่าย ๆ ว่า มีสองแนวทางที่จะใช้ประโยชน์จาก AI 

ทางแรกคือการสร้างบริษัท ซึ่งกองทุนที่เพิ่งเปิดตัวไปเพื่อลงทุนในบริษัทที่ทำด้าน AI เพื่อร่วมก่อตั้งบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะอย่างของอุตสาหกรรรมในลักษณะ longtail ช่วงเวลานี้คือเวลาที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นธุรกิจสตาร์อัพด้าน AI ที่จะมาแก้ปัญหาให้กับอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งโดยเฉพาะ และมีเงินจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์ที่จะลงทุนและมีโอกาสจำนวนมหาศาลสำหรับสตาร์ตอัพ นี่คือโอกาสครั้งใหม่ที่ใหญ่มากของสตาร์ตอัพสายพันธุ์ใหม่ที่เรียกว่า AI-First Startup 

สตาร์ตอัพกำลังทรานส์ฟอร์มสู่การใช้กลุยทธ์การเติบโตด้วยการใช้เงินลงทุนของตัวเอง (booststraping) ด้วยการสร้างเทคโนโลยี AI ซึ่งตัวกระทิงเองที่ลงทุนในสตาร์ตอัพมาเป็นสิบปีสร้างสตาร์ตอัพที่เป็นยูนิคอร์นแล้ว 4 ตัว และจะมีสตาร์ตอัพที่เป็นยูนิคอร์นในพอร์ตการลงทุนราว 10 ตัว 

“อีกใม่นานหลังจากนี้เชื่อว่าเราจะได้เห็นสตาร์ตอัพยูนิคอร์นที่มีคนแค่ 10 คน คือสตาร์ตอัพแบบใหม่ สตาร์ตอัพด้าน Generative AI ซึ่งลำพังในไตรมาสที่สองที่ผ่านมา มีสตาร์ตอัพด้าน Generative AI กลายเป็นยูนิคอร์นถึง 5 ตัว และมีสตาร์ตอัพมากถึง 590 รายที่ระดมทุนรวมกันได้ 9.4 พันล้านดอลลาร์” เรืองโรจน์ กล่าว

กระแสของ AI ครั้งนี้คือของจริง เป็นการเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่ของยุค AI ที่นำ AI มาแก้ปัญหาโดยเฉพาะการศึกษาและสาธารณสุข หลายประเทศกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแบบเข้มข้น และกำลังขาดแคลนแรงงาน ซึ่ง AI สามารถเพิ่มศักยภาพให้กับคุณหมอได้มากขึ้นเป็นสิบเท่าที่จะดูแลผู้ป่วยได้ดีกว่าเดิม 

KBTG ทำงานร่วมกับ MIT Media Lab ในการสร้างคาแรคเตอร์ด้าน AI เพื่อเป็น personalized coach หรือเป็นคุณหมอแบบเวอร์ชวล (virtual doctor) เพื่อสอนหรือเพื่อให้คำปรึกษาด้านสาธารณสุข 

คลื่นลูกถัดไป โอกาสจะเป็นของอุตสาหกรรมแนวลึกที่เฉพาะเจาะจง นักเทคโนโลยีเดินหน้าเข้าหาปัญหาของอุตสาหกรรมแล้วแก้ปัญหานั้นด้วยเทคโนโลยี AI  

ศักยภาพของ Generative AI คือ การรวมศักยภาพของทุกความสามารถของ AI ที่จะเรียนรู้ข้อมูลจำนวนมากจากหลายแหล่งเพื่อเพิ่มฉลาดในการเข้าใจและพร้อมถูกนำไปใช้งานในบริบทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างผลงานต่าง ๆ บริษัทขนาดใหญ่ อาทิ โคคาโคล่า และสตาร์บัคส์ได้ใช้ Generative AI ร่วมกับ AI อื่น ๆ เพื่อการใช้งานด้านธุรกิจ และหลายบริษัทที่ปรึกษาขนาดใหญ่ อาทิ PwC, BCG และ McKinsey & Company ต่างมีการพัฒนาและใช้ AI ทั้งสิ้น

มนุษย์กับ AI เพื่อชีวิตมนุษย์ที่ดีขึ้น

คำนิยามของ AI เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย AI เกิดขึ้นมาตั้งแต่ 60 ปีก่อนแล้วในช่วงปี 1956-00’s นิยามของ AI คือ การจำลองสมองของมนุษย์ และ Machine Learning ไม่ใช่ AI แต่ปัจจุบัน Machine Learning ทำให้ AI เป็นระบบที่ดีที่สุด

มาดูกันว่า Machine Learning ทำงานยังไง ที่จะช่วยให้ชีวิตของมนุษย์ดีขึ้น ยกตัวอย่าง อาการชัก (Seizure) คร่าชีวิตผู้คนมากกว่าอัคคีภัยเสียอีก 

AI สามารถช่วยได้ สวม wearable มีอุปกรณ์ IoT มี sensor เก็บข้อมูล ใช้ Machine Learning วิเคราะห์ข้อมูล เมื่อพบความผิดปกติที่อาจนำไปสู่อันตรายจากโรคนี้ ก็จะส่งสัญญานเตือนขอความช่วยเหลือ

เมื่อเทรน Machine Learning ด้วย large language model ที่มีข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลพฤติกรรมส่วนบุคคลของคนไข้ (gold-standard label data) Machine Learning เรียนรู้ข้อมูลที่จับได้จากอุปกรณ์เข้ากับข้อมูลจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่มาจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวิเคราะห์ว่าคนไข้มีสัญญาณของอาการชัก 

งานวิจัยนี้ออกสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ภายใต้แบรนด์ Empatica และมีกรณีการใช้งานเกิดขึ้นจริงเมื่อคุณแม่พบว่าลูกสาวมีอาการชักและไม่หายใจขณะนอนหลับจากสัญญาณเตือนที่ส่งจากอุปกรณ์นี้ ทำให้คุณแม่สามารถเข้าช่วยเหลือชีวิตลูกสาวได้ทัน จะเห็นได้ว่าลำพัง AI นั้นไม่สามารถช่วยชีวิตเด็กน้อยไว้ได้ คนที่ช่วยชีวิตเด็กน้อยคือคุณแม่เธอเอง ดังนั้น การทำงานร่วมกันระหว่าง AI กับมนุษย์จะเกิดประโยชน์ต่อชีวิตของมนุษย์อย่างยิ่ง 

นอกจากนี้ AI ยังมีความฉลาดที่จะเข้าใจอารมณ์ของมนุษย์จากการแสดงออกทางสีหน้า ว่าคนกำลังมีความรู้อย่างไร สุข ทุกข์ พอใจ หรือไม่พอใจ หรือแสดงออกอย่างไร ประกอบการเข้าใจการปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ตรงหน้า มากกว่าจะเข้าใจข้อมูลเพียงอย่างเดียว 

AI มีความฉลาดทางอารมณ์มากขึ้น (emotional intelligence) ความเข้าใจบริบทจากการแสดงออกทางใบหน้าของมนุษย์ เข้าใจบริบทของสภาพแวดล้อมจากลักษณแสงและสีของสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบ ๆ 

AI และ EI จะมีประโยชน์กับมนุษย์มากขึ้น แต่ทุกคน จากทุกความเชี่ยวชาญ จะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา AI ให้มีประสิทธิภาพและช่วยให้ชีวิตมนุษย์ดีขึ้น 

โชว์เคสเทคโนโนโลยี AI จาก KBTG

ภายในงาน KBTG Techtopia Across The AI-Verse ทีมนักพัฒนาจาก KBTG Labs ขนทัพงานวิจัยด้าน AI มาแสดง อาทิ เทคโนโลยี CCTV Analytics ที่รับข้อมูลเป็นภาพวิดีโอเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิด เพื่อให้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้คนในภาพวิดีโอได้ มีการนำไปทดลองใช้กับสาขาของธนาคารกสิกรไทยในบางสาขา เพื่อนับคน ดูพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของคนในวิดีโอ เพื่อนำมาวิเคราะห์ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพื้นที่หรือรูปแบบของบริการที่สาขา ทั้งบริการที่เคาน์เตอร์และบริการแบบ self-service ซึ่งสามารถปรับใช้ได้กับทุกธุรกิจที่ต้องการการวิเคราะห์ในลักษณะนี้ อาทิ ร้านอาหาร เป็นต้น 

ต่อมาคือ โมเดลตรวจสอบสภาพรถยนต์ โดยใช้ข้อมูลนำเข้าเป็นรูปภาพรถยนต์ AI จะวิเคราะห์สภาพรถยนต์ การใช้งานเพื่อสมัครประกันภัยรถยนต์และใช้งานเพื่อขอเคลมประกัน โดยลูกค้าสามารถถ่ายเองส่งเข้าบริษัทประกัน ลดจำนวนพนักงานเคลมลงได้ โดยระบบจะมีการตรวจสอบภาพว่าเป็นภาพที่เพิ่งถ่ายสด เทคโนโลยีนี้คาดว่าจะถูกนำไปใช้จริงเร็ว ๆ นี้

เทคโนโลยียืนยันตัวตนด้วยใบหน้าและตรวจสอบบัตรประชาชน เป็นเทคโนโลยีที่ KBTG Labs พัฒนาและนำออกสู่ตลาดเชิงพาณิชย์แล้วภายใต้บริการชื่อ AINU (ไอ-นุ) เป็นการนำเทคโนโลยี AI ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ให้บริการ veification/identification ประกอบด้วยการดึงข้อมูลบัตรประชาชนด้วย OCR ป้องกันการปลอมตัวด้วย Liveness Detection และป้องกันการฉ้อโกงด้วย Face Recognition ซึ่ง AINU เป็นการให้บริการเทคโนโลยี SDK และ API ให้กลุ่มลูกค้า Digital Banking ปัจจุบันบริการนี้ให้บริการแล้ว 

เทคโนโลยี Smart Check-Out สำหรับห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต โดยใช้ AI วิเคราะห์ภาพถ่ายและคำนวนราคาสินค้าจากฐานข้อมูล การใช้งานโดยการวางสินค้าลงบนเคาน์เตอร์คิดเงิน กล้องทำการถ่ายภาพ AI จะดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลสินค้ามาคำนวนราคาของสินค้าแต่ละชิ้นพร้อมรวมราคาที่ต้องชำระทั้งหมด เทคโนโลยีนี้ยังเป็น PoC (proof of concept) ไม่ถูกนำไปใช้งานจริง ยังต้องการศึกษาและพัฒนาสำหรับการใช้งานในอีกหลายรูปแบบก่อนที่จะนำออกสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ เพราะสินค้าที่มีลักษณะคล้ายกันระบบอาจจะยังแยกแยะไม่ได้ อาทิ กระป๋องคนละขนาด แต่หากวางแนวตั้งกล้องจะเห็นเป็นขนาดเดียวกันจากขนาดของทรงกลมบนฝา เป็นต้น

สำหรับการใช้งานในส่วนของ Wealth Management มีการใช้ Machine Learning เพื่อแนะนำหุ้นและกองทุนให้ลูกค้า ซึ่งยังไม่มีการใช้จริง ยังอยู่ในขั้นการพัฒนาใน KBTG Labs ซึ่งต้องใช้ข้อมูลลูกค้า ข้อมูลหุ้นและกองทุนย้อนหลัง 8-10 ปี และมีสูตรการลงทุน สูตรการจัดพอร์ต เพื่อการคำนวนให้ออกมาเป็นการแนะนำการลงทุนให้กับลูกค้า และจะมีการนำข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคและข่าวสารเข้ามาเทรน AI ร่วมด้วย คาดว่าจะเริ่มใช้งานจริงปลายปี 2567 

Thai NLP การสร้าง Chatbot ชื่อ “น้องรวงข้าว” ด้วย Generative AI ซึ่งข้อดีของการใช้ Generative AI จะทำให้ Chatbot โต้ตอบการสนทนาได้ไหลลื่นมากขึ้นมากกว่า Chatbot เวอร์ชันปัจจุบันที่ K Bank Live ใช้อยู่ ที่ตอบในลักษณะของรูปแบบ คือตอบในบริบทที่เป็นรูปแบบและตอบยาว งานวิจัยนี้จะทำให้ “น้องรวงข้าว” คุยกับลูกค้าเหมือนลูกค้าได้คุยกับคนจริง ๆ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าอยากคุยกับ Chatbot มากกว่าโทรไป Call Center ซึ่ง “น้องรวงข้าว” จะให้คำปรึกษาได้ทั่วไป อาทิ การปรึกษาทางการเงิน การแนะนำบัตรเครดิต การประเมินสินเชื่อเบื้องต้น เป็นต้น “น้องรวงข้าว”​ ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาอยู่ 

ระบบ VDO Analytics โดยใช้ AI วิเคราะห์วิดีโอ ซึ่ง AI จะแยกบทสนทนาในวิดีโอนั้นออกมาว่ามีคนพูดกี่คน แต่ละคนพูดอะไร คุยกันว่าอะไร และแต่ละคนพูดแต่ละประโยคด้วยอารมณ์แบบไหน มีคำหยาบในคำพูดไหม ซึ่งจะถอดเสียงออกมาเป็นตัวอักษร และวิเคราะห์ประโยคอีกที เพื่อวิเคราะห์ sentiment เนื้อหาในวิดีโอ ระบบนี้ยังไม่ออกสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ 

Future You คือการใช้ AI ที่ถูกเทรนด้วย large language model สร้างอวตาตัวเองในอนาคตมาพูดคุยกับตัวเอง เริ่มจากการกรอกข้อมูงของตัวเอง และอนาคตที่อยากเป็น ระบบจะไปสร้าง Prompt สองแบบ แบบแรกคือ เรื่องราวของตัวเอง และเรื่องราวของตัวเองในอนาคต 

เส้นทางการพัฒนาเทคโนโลยี AI ของ KBTG และพันธมิตรยังคงทอดยาวไปในอนาคตที่ที่โอกาสและความท้าทายอีกมากรออยู่ ทุกคนมีโอกาสที่จะร่วมกันสร้างทุกโอกาสและความเป็นไปได้ใหม่ในอนาคตที่โลกไม่เคยรู้จักมาก่อนด้วย M.A.D  

KBTG จัดงาน KBTG Techtopia Across The AI-Verse นี้ขึ้น ด้วยความหวังว่าสิ่งที่ทุก ๆ คนได้รับกลับไปจากนี้งานต้องมากกว่าแรงบันดาลใจ แต่ทุก ๆ คนจะได้รับความรู้และภูมิปัญญา รวมถึงได้รู้จักซึ่งกันและกัน เพื่อร่วมกันจินตนาการถึงอนาคตและร่วมมือกันสร้างความเป็นไปได้ร่วมกันด้วยเทคโนโลยี AI เพื่อคนรุ่นถัดไป

บางคนบอกว่า AI เหมือนไฟฟ้า แต่กระทิงบอกว่า AI คือลมหายใจ ที่ทุกคนหายใจเข้าไปเพื่อชีวิตและสร้างทุกความเป็นไปได้ และจงสนับสนุนให้เด็ก ๆ เล่นกับ AI เพราะพวกเขาเหล่านั้นคือ AI-First Generation

#KBTGTechtopia #AcrossTheAIVerse

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ