TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusiness“กสิกรไทย” เดินเกมสู่ “ฟินเทค” เบอร์ต้นของภูมิภาคอาเซียน

“กสิกรไทย” เดินเกมสู่ “ฟินเทค” เบอร์ต้นของภูมิภาคอาเซียน

ยึดโยงจีน-อาเซียนเสริมทัพกำลังคนส่งบริการใหม่ลงตลาดต่อเนื่อง

คณะผู้บริหารธนาคารกสิกรไทย ร่วมแถลงวิสัยทัศน์ในงาน “THE METAMORPHOSIS” Regional Business Townhall & Press Conference 2021 ถึงเป้าหมายที่ชัดเจนของธนาคารกสิกรไทยในการขยับไปเป็นผู้เล่นชั้นนำในระดับภูมิภาคในอุตสาหกรรมที่มีการหลอมรวมระหว่างการเงินการธนาคารกับเทคโนโลยี หรือเรียกว่าฟินเทค ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเกิดใหม่ที่จะขยายตัวอย่างมหึมากว่าอุตสาหกรรมใดใดเพราะเป็นการนำจุดแข็งของสองอุตสาหกรรมมาเร่งปฏิกิริยาของความสามารถในการคิดและสร้างผลิตภัณฑ์ได้อย่างไม่รู้จบตามแต่ความต้องการของลูกค้าที่ธนาคารจะสามารถจินตนาการได้ถึง 

ดังนั้นการขยายในสองแกนจึงสำคัญอย่างยิ่ง แกนแรกคือ การขยายความสามารถในการให้บริการธนาคาร (Banking Service) และแกนที่สองคือ ความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยี (Technology Development) ซึ่งธนาคารกสิกรไทยได้เตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดีในตลอดหลายปีที่ผ่านมาจนวันนี้พร้อมที่จะประกาศยุทธศาสตร์ไปเป็นหนึ่งในผู้เล่นฟินเทคเบอร์ต้น ๆ ของภูมิภาคภายในระยะเวลาไม่เกินครึ่งทศวรรษ

สำหรับเป้าหมายทางธุรกิจในระยะสั้นคือ ในปี 2567 ธนาคารกสิกรไทยตั้งเป้าว่าจะมีลูกค้าดิจิทัล 10 ล้านคนในภูมิภาคอาเซียนจากปัจจุบันมี 1.6 ล้านคน ส่วนเป้าหมายระยะยาวคือ การเป็นศูนย์กลางของระบบนิเวศทางการเงินในระดับภูมิภาคที่จะมุ่งสู่ Crypto-economy ในอนาคต

พิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า วิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดการปฏิวัติครั้งใหญ่ในระดับโลก และด้วย 3 ปัจจัยที่ขับเคลื่อนอย่างยิ่งยวด ได้แก่ ภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) เทคโนโลยี (Techno-politics) และการเติบโตอย่างยั่งยืน (Global shift towards sustainability) บวกกับ 4 แนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นคือ

  • Decoupling โลกเริ่มย้ายการเติบโตจากตะวันตกมาตะวันออก เป็นศูนย์กลางแรงโน้มถ่วงของการเติบโตของโลกในศตวรรษถัดไป
  • Regionalization 2.0 คือ การย้ายจากการเป็น globalization เป็น regionalization ทั้งการค้า การลงทุน และการใช้เทคโนโลยี ซึ่งมีการต่อสู้กันระหว่างสหรัฐฯ และจีน
  • Next-gen digitalization ซึ่งถูกให้เปิดรับเร็วกว่าเดิม 4-10 ปี
  • Decarbonization การเติบโตอย่างยั่งยืน 

ทำให้ “อาเซียน” คือ ชัยภูมิที่ดีที่สุดของทั้งโลกในช่วงเวลาจากนี้ไป 

ล่าสุด ธนาคารกสิกรไทยประกาศความพร้อมของธนาคารในทั้งสองแกนที่จะออกไปบุกตลาดภูมิภาคอาเซียนซึ่งเป็นตลาดที่มีนัยสำคัญต่อการเดินสู่เป้าหมายของกสิกรไทย

ซึ่งธนาคารกสิกรไทยได้ปักธงบุกตลาดนี้อย่างเป็นรูปธรรมเมื่อเดือนที่ผ่านมาด้วยการเปิดสาขาที่นครโฮจิมินห์ ของเวียดนาม หลังจากเข้าไปในตลาดนี้มานานกว่า 7 ปี ที่เลือกเปิดตัวธนาคารสาขาที่เวียดนามเพราะเวียดนามคือประเทศที่มีการเติบโตและจะเติบโตสูงที่สุดในอาเซียน ซึ่งอาเซียนคือภูมิภาคที่เติบโตสูงที่สุดในโลกท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 ในอาเซียน ธนาคารกสิกรไทยยังมีสำนักงานสาขาที่สปป.ลาวและกัมพูชา และมีแผนจะขยายไปอินโดนีเซียหรือแม้กระทั่งเมียนมาหากสถานการณ์คลี่คลายลง

นอกจากอาเซียนแล้ว จีน คืออีกหมุดหมายที่ใหญ่ ท้าทาย และเต็มไปด้วยโอกาสทางธุรกิจมากมาย จีนกำลังจะกลายเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลกในอีกไม่เกินครึ่งศตวรรษหน้าในขณะที่โลกกำลังก้าวเข้าสู่โลกใบใหม่ที่ทุกธุรกิจอุตสาหกรรมถูกหลอมรวมและขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรรมโดยเฉพาะบริการทางการเงิน อาจกล่าวได้ว่าจีนคือตลาดของฟินเทคที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยขนาดประชากร 1,400 ล้านคน และมีการใช้โทรศัพท์มือถือสูงมาก รวมถึงนโยบายของรัฐบาลจีนที่ส่งเสริมการใช้เงินดิจิทัล

ธนาคารกสิกรไทยได้ปักหมุดสำคัญลงบนตลาดจีนด้วยการเปิด KTECH China บริษัทฟินเทคสตาร์ตอัพสัญชาติไทยที่ได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินการบริการธนาคารทั่วทั้งประเทศจีนที่มีประชากร 1,400 ล้านคน จากจุดเริ่มต้นในปี 2563 ที่มีพนักงานรุ่นใหม่ไฟแรงจำนวน 18 คน วันนี้มี 80 คน และตั้งเป้าเติบโตเป็น 212 คนในอนาคต

เป้าหมายถัดไปของธนาคารกสิกรไทย คือ การเชื่อมต่อกับอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่สุดและมีประชากรจำนวนมากที่สุดในภูมิภาค โดยปัจจุบันธนาคารได้เร่งสร้างพันธมิตรธุรกิจที่หลากหลาย เพื่อขยายโอกาสในการทำธุรกิจและส่งมอบบริการทางการเงินให้กับลูกค้าในอินโดนีเซีย

ลุยด้วยกองกำลังฟินเทค

ภัทรพงศ์ กัณหสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ดูแลธุรกิจ World Business Group กล่าวว่า ความได้เปรียบของธนาคารกสิกรไทยในสนามการเงินการธนาคารในตลาดจีน คือ การเป็น Tech Startup ที่มี Banking Service และรูปแบบการทำธุรกิจแบบตัวเบาหรือ Light Asset โดยมี KTECH เป็นกองหนุนสำคัญด้านเทคโนโลยีและกำลังคนดิจิทัล

ธนาคารกสิกรไทยจะนำเทคโนโลยีมาสร้างโซลูชันให้ลูกค้าซึ่ง 3 ธุรกิจหลักที่ WBG จะโฟกัสคือ Online Digital Lending, Cross-border Supply Chain Financing และ Digital Asset โดยมีจีนเป็นทั้งตลาดขนาดใหญ่และเป็นแหล่งกำลังคนดิจิทัล (Tech Talent) เพื่อเสริมทัพ และจะเชื่อมโยงสองตลาดใหญ่และเติบโตเร็วเข้าด้วยกันคือจีนกับอาเซียน

เราจะบริหารจัดการ “คน” เป็นธุรกิจ “คน” จะไม่ใช่ต้นทุนอีกต่อไป เราจะบริหารกำลังคนให้เหมือนการบริหารทีมฟุตบอลที่จะต้องสร้าง-ปั้น-เทรน เพื่อให้มีความสามารถในการให้บริการ Talent as a Service ให้กับพันธมิตรและลูกค้าของเรา” ภัทรพงศ์ กล่าว

สำหรับการบุกตลาดต่างประเทศจากนี้ไปจะเป็นไปในรูปแบบของดิจิทัลคือให้บริการผลิตภัณฑ์ธนาคารผ่านแพลตฟอร์มไม่จำเป็นต้องเปิดสาขาจำนวนมาก การลงทุนจึงมาตกอยู่ที่เทคโนโลยีและกำลังคน

เรืองโรจน์  พูนผลประธานกลุ่มบริษัท KBTG  (Group Chairman – KASIKORN BUSINESS-TECHNOLOGY GROUP) กล่าวว่า กำลังพลด้านดิจิทัลของ KBTG เพิ่มจากปี 1,100 คนในปี 2562 เป็น 1,800 คนในปี 2563 ซึ่งแน่นอนว่าต้องการขยายมากกว่านี้แต่ลำพังกำลังคนภายในประเทศอาจจะไม่เพียงพอดังนั้นในปี 2563 ที่ผ่านมา KBTG ได้มีการจัดตั้ง บริษัท ไคไต้ เทคโนโลยี จำกัด (KAITAI Technology Company Limited) ที่เซินเจิ้น มีภารกิจหลัก คือ การหาบุคลากรจีนที่มีความสามารถด้านเทคโนโลยีมาร่วมทีมเพื่อพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่สนับสนุนผลิตภัณฑ์และบริการของธนาคาร พร้อมทั้งต่อยอดโอกาสทางธุรกิจจากฟินเทคในจีนที่มีอยู่เป็นจำนวนมากไปสู่ทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน  

ทั้งนี้ ความสำเร็จในก้าวปีแรกของ KBTG คือ การมีส่วนร่วมใน 14 โครงการสำคัญ ครอบคลุมในทุกประสบการณ์ทางการเงินทั้งด้านการปล่อยกู้ เงินฝาก การชำระเงิน รวมทั้งข้อมูลและการวิเคราะห์กับ 7 พันธมิตรสำคัญในประเทศจีน และมีแผนเพิ่มทีมงานให้ใหญ่ขึ้นถึง 12 เท่า ภายในปี 2569 

“KTECH จะเป็นศูนย์กลางของระบบนิเวศของธนาคาร พันธมิตร และลูกค้า เรากับจีนจะร่วมกันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีแล้วนำมาปรับใช้ในธนาคารเองรวมถึงพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้บุคคลภายนอกได้ใช้ ทั้งพันธมิตรและคู่ค้าที่เป็นธนาคารขนาดเล็กและ Non-Bank ทั้งในประเทศไทยและในอาเซียน” เรืองโรจน์ กล่าว

สำหรับผลงานของ KBTG ในอาเซียนนั้น KBTG ได้ส่งมอบ 7 โครงการในเวียดนาม สปป.ลาว และกัมพูชา ซึ่งในเวียดนามตั้งเป้าจะมีบุคลากรด้านเทคโนโลยี 80 คนในปี 2565 และขยายเป็น 350 คนในปี 2569 ซึ่งตั้งเป้าเป็นหนึ่งในทีมไอทีที่ดีที่สุดในภูมิภาค

รันด้วย Squad team 

ชัช เหลืองอาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดอาเซียนเป็นตลาดเกิดใหม่ที่มีขนาดใหญ่เต็มไปด้วยโอกาสทางธุรกิจ และกสิกรไทยมีความพร้อมทั้งในเรื่องของใบอนุญาตการให้บริการธนาคารในหลายประเทศทั้งในเวียดนาม สปป.ลาว และกัมพูชารวมถึงในอนาคตจะขยายไปอินโดนีเซีย 

“การขยายบริการในต่างประเทศไปด้วยดิจิทัล ไม่ต้องเปิดสาขา ในสปป.ลาวเรามีเพียง 2 สาขา ในเวียงจันทน์มีประชากรรวม 700,000 คน ในจำนวนนี้ 130,000 คนใช้แอปฯ ของกสิกรไทย สำหรับเวียดนามตั้งเป้าได้ลูกค้าปีแรกอยู่ราว 400,000-500,000 ราย” ชัช กล่าว 

เคล็ดลับอย่างหนึ่ง คือ การทำงานในรูปแบบของทีม Squad ที่แต่ละทีมรันคนละโครงการ และในภาพรวมรันพร้อมกัน 30 โครงการ ซึ่งในแต่ละทีม Squad นั้นผู้นำทีมอายุเพียง 25-30 ปี 

จตุพร บุศยอังกูร General Director ธนาคารกสิกรไทย สาขาโฮจิมินห์ เวียดนาม กล่าวว่า ตลอดเส้นทางการทำงานที่ธนาคารกสิกรไทย 17 ปี ได้รับโอกาสให้ได้ลองทำงานใหม่ที่ท้าทายมาโดยตลอด ทั้งการได้ทำโครงการใหม่ ๆ การไปดูแลสาขาใหม่ ๆ ในต่างประเทศ ทั้งฮานอยและสปป.ลาว และความท้าทายล่าสุดที่ได้รับโอกาส คือ การนำทีมมาบุกตลาดเวียดนามที่สาขาโฮจิมินห์ 

“เราทำงานแบบ Agile ทำงานร่วมกันหลายทีม Squad พร้อมกัน เหนื่อยแต่สนุกมาก ท้าทายมาก ที่นี่ให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้กล้าคิดกล้าทำ มีการผสมทีมรุ่นใหม่กับรุ่นเก่า คนไทยกับคนต่างชาติ และคนท้องถิ่น การทำงานคล่องตัว มีประสิทธิภาพมาก ๆ อยากชวนน้อง ๆ คนรุ่นใหม่มาร่วมงานด้วยกัน” จตุพร กล่าว

ด้าน ปีติพร ตั้งสุนันท์ธรรม KASIKORNBANK (CHINA) Sub-Branch Manager: Longgang Sub-Branch – KBank Assignment ธนาคารกสิกรไทยในจีน กล่าวว่า จากที่เป็นคนสนใจภาษาและวัฒนธรรมจีนและเป็นคนมองหาโอกาสที่จะได้ทำงานเกี่ยวกับจีน เมื่อบริษัทมองเห็นศักยภาพในตัวเธอและชวนมาบุกตลาดจีนเมื่อ 5 ปีที่แล้วเธอจึงรับโอกาสนี้ การทำงานที่จีนได้พัฒนาทักษะในหลายด้านทั้ง Hard skill และ Soft skill ทำงานที่จีนมา 5 ปี เธอได้พัฒนาศักยภาพของตัวเองไปอย่างรุดหน้า

“การได้ออกมาทำงานในต่างประเทศเป็นการเพิ่มโอกาสให้ตัวเองพัฒนาศักยภาพและประสบการณ์ สาขาที่ต่างประเทศมีความท้าทายแต่ก็สนุก มีทีมงานก็พร้อมสนับสนุน ถือว่าโหดและสนุกมาก” ปีติพร กล่าว

จากเป้าหมายและพันธกิจที่ใหญ่ขึ้น ทำให้ WBG ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนพนักงานเป็น 1,037 คนในปี 2565 หรือเพิ่มขึ้นถึง 52% จากปี 2563 เพื่อขยายศักยภาพของทีมให้ไปสู่ความสำเร็จได้ และด้วยความตั้งใจที่จะเป็นองค์กรสำหรับ Talent ทั่วโลก 

ธนาคารได้เสนอแนวคิด “World of Borderless Growth” เพื่อสื่อสารให้คนรุ่นใหม่เห็นโอกาสในการเติบโตอย่างไร้ขอบเขตทุกมิติ ทั้ง Personal Growth การเติบโตผ่านประสบการณ์ทำงานจริงที่ท้าทาย Growth of Team การเติบโตร่วมกับทีมที่เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน Growth of Partners การเติบโตไปพร้อมกับพันธมิตรทั้ง Tech Company และ Startup ระดับโลก และ Growth of Community การเติบโตเคียงข้างกับสังคมผ่านทุกภารกิจ (Mission) ของ WBG ที่มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้า สังคม และสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น 

ทั้งหมดนี้ คือ ภาพจิ๊กซอว์ของธนาคารกสิกรไทยที่ใช้กลยุทธ์ดิจิทัลแบงกิ้ง เพื่อเข้าถึงฐานลูกค้าจำนวนมากในจีนและอาเซียนบนความสามารถที่มากกว่าการเป็นธนาคาร (Beyond Banking) ด้วยแนวคิด “THE METAMORPHOSIS” กลายร่างธนาคารให้เติบโตมากกว่าเดิมแบบ “ไร้ขีดจำกัด ไร้รอยต่อ และไร้ขอบเขต” พร้อมขยายความแข็งแกร่งของธนาคารด้วย Banking-as-a-Service ช่วยยกระดับสถาบันการเงินท้องถิ่น บนคอนเซปต์ ESG Bank ที่จะสร้างโอกาสการเข้าถึงทางการเงินให้กับลูกค้า พร้อมบริการทางการเงินเพื่อรองรับตลาด Digital Asset ในอนาคตนั่นเอง 

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ