ARZIO ส่ง BUY.th รองรับ Spatial Commerce ซึ่งเป็น e-commerce ในอนาคต

เพื่อรองรับการมาของ Spatial Computing เช่น Vision Pro อภิชัย เรืองศิริปิยะกุล ส่ง ARZIO บริษัทน้องใหม่ พัฒนา BUY.th เป็น Spatial Commerce รองรับ e-commerce แบบใหม่ในอนาคตที่คาดว่าอุปกรณ์ Spatial Computing จะออกมาหลากหลายและจับต้องได้

อภิชัย เรืองศิริปิยะกุล CEO of ARZIO กล่าวถึงแนวคิดในการพัฒนา BUY.th ที่ถูกออกแบบมาให้เป็น Spatial Commerce ว่าเป็นเพราะ 20 กว่าปีที่การค้าปลีกออนไลน์ได้โลดแล่นบนอินเทอร์เน็ตและกำลังผ่านยุคที่ใช้ภาพ 2 มิติแสดงสินค้าจากทุกมุมของสินค้า และกำลังเจอกับความท้าทายอีกหลายอย่าง ไม่ว่าเศรษฐกิจ สังคม ข้อกฎหมาย ไปจนถึงเทคโนโลยี

โดยเฉพาะเทคโนโลยีได้วิ่งเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกการค้าปลีกจนผู้ประกอบการหลายคนปรับตัวไม่ทัน และ Spatial Commerce เป็นอีกหนึ่งที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงการค้าปลีกทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ARZIO ส่ง BUY.th: The Spatial Commerce Platform เพื่อทำให้โลกออนไลน์และออฟไลน์เชื่อมต่อกันอย่างไร้รอยต่อ โดยนำเสนอประสบการณ์การช้อปปิ้งและโต้ตอบได้ ด้วยการผสมผสานโลกทางกายภาพและโลกดิจิทัล ผู้บริโภคสามารถเห็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบ 3 มิติ ซึ่งอาจเห็นภาพในสภาพแวดล้อมจริง ด้วยการใช้ความเป็นจริงเสมือน (AR – Augmented Reality) หรือแสดงภาพโดยใช้พื้นที่เสมือนจริง (VR – Virtual Reality) ที่แสดงออกมาได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้ผู้ซื้อเห็นว่าสินค้านั้นเป็นเช่นไร

Spatial Commerce จะช่วยเพิ่มความสมจริงของการซื้อขายสินค้าออนไลน์ และยังนำไปสู่การตัดสินใจซื้อที่มีข้อมูลมากขึ้นอีกด้วย ซื้อขายง่ายขึ้น มีส่วนร่วม และยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

“แม้เราจะมองไปที่ระบบ Spatial Commerce ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำ แต่ในส่วนของ Device หรือเครื่องที่จะทำงานนั้นในปัจจุบันยังไม่มี ปัจจุบันก็เพิ่งมี Vision Pro ของ Apple ออกมา ดังนั้นเราจึงมีแนวคิดพัฒนาที่ใช้หลักการ MAYA ( Most Advance Yet Acceptable) เจ้าหลักการนี้แปลเป็นไทยง่ายๆ ก็คือ “เราต้องพัฒนางานออกมาให้ทันสมัยที่สุด เท่าที่ผู้คนในปัจจุบันยอมรับได้” นั่นก็คือการพัฒนา BUY.th ให้มีความสมดุลระหว่างนวัตกรรมกับความคุ้นเคย”

BUY.th: The Spatial Commerce Platform ถูกพัฒนาขึ้นมาจากเทคโนโลยี ต่อไป นี้ Blockchain, Augmented Reality (AR), Virtual Reality (VR), WEB3 และ Artificial Intelligence (AI) โดยส่วนที่ให้ผู้ใช้งานได้ใช้ ดังนั้น ARZIO จึงเริ่มพัฒนา BUY.th จาก Mobile Platform ทั้ง Android และ iOS 

BUY.th ประกอบด้วย features หลัก ๆ ดังนี้

• Marketplace 
• AR View 
• VR Commerce
• NFT Certification รับรองสินค้า
• Spatial Commerce
• Avatar
• Digital Asset (NFT)
• NFT Marketplace

นอกจาก BUY.th ที่เป็นแอพพลิเคชันหลักแล้ว ยังมีแอพพลิเคชันรองที่พัฒนาเป็น Virtual Commerce เชื่อมต่อกับ BUY.th เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับผู้ใช้บริการ และยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ของบริษัทและผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ดีขึ้นมาก และแบรนด์ยังสามารถสร้างความแตกต่างในช่วงเวลาที่ ราคา และความพร้อมจำหน่ายสินค้า ไม่ได้ทำให้ผู้ขายแตกต่างเสมอไป ท้ายที่สุดแล้ว ทุกอย่างอยู่ที่ว่าเราจะทำให้อีคอมเมิร์ซน่าสนใจยิ่งขึ้น 

ปัจจุบัน ARZIO ได้นำ BUY.th ขึ้นทั้ง App Store และ Google Play เป็นที่เรียบร้อย โดยใน Version ปัจจุบัน ARZIO ยังเปิด Feature พื้นฐานไว้เท่านั้น รอ Virtual commerce ที่จะนำขึ้นในปลายไตรมาสแรกของปีนี้ ก็จะเริ่มทยอยเปิด Feature อื่น ๆ ออกมา ใช้งานขายสินค้าของบบริษัทฯ ไปก่อน ส่วนการเปิด Public น่าจะเปิดได้ช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2024

“ในระยะแรกเราอยู่ระหว่างการพัฒนายังไม่ได้เปิดให้บริการสาธารณะ เจตนาของเราคือการยกระดับมาตรฐานของการสะสมพุทธศิลป์ ตอนนี้จึงเปิดให้เฉพาะองค์กรพันธมิตรที่เคยลงทะเบียนด้วยกันไว้เข้ามาใช้งาน แล้วเมื่อทุกอย่างพร้อมแพลตฟอร์มนี้จะเป็นมาตรฐานใหม่ของผู้นิยมพุทธศิลป์”

นี่เป็นภาพรวมกว้าง ๆ ของ BUY.th: The Spatial Commerce Platform 

BUY.th Platform จัดทำระบบใบรับรองดิจิทัล (Digital Certificate) เก็บไว้บนเทคโนโลยี Blockchain ในรูปของ NFT (Non-Fungible Token) ทำให้ยากต่อการปลอมแปลง แต่ทว่าถ้ามีเพียงใบรับรองดิจิทัล (Digital Certificate) ที่เก็บไว้บนเทคโนโลยี Blockchain เพียงอย่างเดียวคงยากที่จะอ้างอิงเชื่อมกันว่าใบรับรองดิจิทัลใบนี้เป็นของผลงานชิ้นนี้จริง BUY.th จึงได้พัฒนาไมโครชิปมาฝังไว้ในชิ้นงาน เมื่อนำ BUY.th Application มาสแกนชิ้นงานในบริเวณที่ฝังไว้ ระบบจะไปดึงใบรับรองดิจิทัลออกมาแสดง

ตัวชุดข้อมูลจะไม่สามารถทำซ้ำ นอกจากนั้นทำรหัสที่เป็นทางกายภาพไว้กับชิ้นงานเพื่อป้องกันการแก้ไขเปลี่ยนชิ้นงานอีกชั้น จากระบบที่ว่านี้ทำให้ชิ้นงานพุทธศิลป์และงานศิลปะอย่าง Art Toy ได้รับความไว้วางใจและเชื่อใจได้ว่าเป็นชิ้นงานของจริงที่มีใบรับรอง ถือได้ว่า BUY.th สามารถแก้ไขใบรับรองปลอมที่มีในปัจจุบันอีกด้วย และด้วยเทคนิคและวิธีนี้ยังทำให้่สามารถประยุกต์ใช้งานในการทำงานร่วมกับสินค้าอื่น ๆ ได้ อาทิ การ track ต้นทางของสินค้าเกษตรฯ