ตลาดเบียร์ในประเทศไทย ที่ผ่านมามีการฟาดฟันกัน 2 ค่ายใหญ่ คือ บุญรอดบริวเวอรี่ และ ไทยเบฟ เพื่อช่วงชิงเม็ดเงินมูลค่าเกือบ 2 แสนล้านบาท โดยฝั่งบุญรอดฯ มีแบรนด์เบียร์ในค่าย อย่าง Singha , LEO, U Beer, MY BEER, เบียร์พี่หมี หรือ Snowy Weizen by EST. 33 และ KOPPER by EST. 33 ไม่รวมเเบรนด์นอกที่นำเข้าอีกหลายแบรนด์ ในขณะที่ฝั่งของไทยเบฟ นำโดย ช้าง, อาชา, เฟเดอร์บรอย, แทปเปอร์, แบล็ค ดราก้อน และ ฮันทส์แมน
ที่ผ่านมามีการผลัดกันแย่งชิงตำแหน่งเบียร์ในดวงใจของคนไทย แต่ปี 2563 นี้ เป็นปีที่เรียกว่า โชคร้ายสำหรับเครื่องดื่ม “เบียร์” เพราะคาดว่าจบสิ้นปี 2563 นี้ ตลาดเบียร์จะติดลบถึง 15-20% เลยทีเดียว ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ค่ายบุญรอดฯ ต้องจำใจปล่อยแบรนด์ U Beer ตายไปทั้งที่ U Beer เป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจ สุด ๆ ทั้งในเรื่องยอดขายที่สูงในระยะเวลาสั้น และการทำตลาดที่เหนือชั้นกว่าคู่แข่ง ของค่ายบุญรอด
ฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เคยเล่าถึงต้นกำเนิด U Beer ว่า ถ้าไม่มีช้างขวดเขียว ก็ไม่มียูเบียร์ การทำตลาด U Beer เป็นแบบแหกทุกกฎที่เคยมีมา ตั้งแต่การเปิดตัวทั้งที่ไม่มีสินค้า โดยเอากล่อง U Beer ไปวางที่ร้านอาหารในสุวรรณภูมินี่แหละ และเช็คว่าโปรโมเตอร์คู่แข่งไปนั่งที่ร้านไหนบ้าง จากนั้นให้โปรโมเตอร์เราใส่เสื้อสิงห์ถือกล่องเปล่าเข้าไปในร้านที่มีโปรโมเตอร์คู่แข่งนั่งอยู่ แล้วรอให้โปรโมเตอร์คู่แข่งถ่ายรูปแล้ววิ่งออกมาจากร้าน
จากนั้นเซ็ทถ่ายภาพขวดเบียร์เปล่า ๆ อยู่หลังร้าน เพื่อให้เข้าใจว่า มีสินค้าใหม่ออกขายแล้ว แต่หาซื้อไม่ได้ มีการใช้โซเชียลในการโพสต์และแชร์ เป็นกระแสไวรัลไปเร็วมาก ครั้งแรก U Beer วางขายที่ร้าน ON PREMISE ร้านค้าทั่วไปไม่มีขาย ทำให้ U BEER มียอดสั่งซื้อตั้งแต่ยังไม่มีสินค้า มีการสั่ง Backorder เยอะมาก หลังจากนั้น มีการทำ U Beer แบบกระป๋อง วางในตู้แช่ ของเซเว่นอีเลฟเว่นนับหมื่นสาขาทั่วประเทศ ซึ่งสามารถสร้างยอดขาย ได้ 1,200,000 กระป๋องต่อเดือน เพียง 5 เดือน U Beer มีส่วนแบ่งในตลาดเบียร์ขึ้นมาอยู่ที่ 3%
สร้างกระแส Talk of the town กระแสโลกออนไลน์ที่ปั้นกันตั้งแต่ก่อนเบียร์วางขายเป็นเดือน ทำให้ผู้คนสนใจมาก แต่สินค้าหายากมาก เพราะบุญรอดฯ เชื่อว่า “ยิ่งหายาก คนยิ่งสนใจ” ซึ่งก็จริง แต่เมื่อตั้งตารอมานานมาก เพราะอยากจะลิ้มรสชาติติ ปรากฏว่าเมื่อได้ชิม เป็นเพียง เบียร์ลาเกอร์ (Lager) ที่เปลี่ยนเฉพาะแพ็คเกจจิ้ง ทำให้คอเบียร์ไม่ค่อยแฮปปี้เท่าที่ควร
จนกระทั่งเมื่อต้นปี 2563 ประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีการปิดผับ ห้ามขายเครื่องดื่ม แอลกอฮอลล์ ที่หลายคนบอกว่าเป็นเพียงผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงมันส่งผลกระทบต่อยอดขายเบียร์มากพอที่จะทำให้ยอดขายหายไปจำนวนมาก ซึ่งขณะที่ยอดขายหน้าร้านที่ลดลง รวมกับผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตมาทำกิจกรรมผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ผู้ประกอบการจึงหันมาใช้ช่องทางการจำหน่ายผ่านทางออนไลน์
เมื่อสถานการณ์โควิดเริ่มดีขึ้นจนมีการประกาศให้ร้านอาหาร สถานบันเทิง ผับ สามารถเปิดให้บริการได้ ค่ายเบียร์เริ่มเห็นหนทางที่ยอดขายจะกลับมาเหมือนเดิม แต่มาเจอคำสั่งซื้อห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทางออนไลน์ เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 เพื่อป้องกันเยาวชนไม่ให้เข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้โดยง่าย และเพื่อลดผลกระทบที่เกิดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือบริการที่เกี่ยวข้องกับการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผ่านช่องทาง ออนไลน์ ให้กับผู้บริโภคได้
นี่จึงเป็นที่มาของการโบกมือลา U Beer เมื่อตุลาคมที่ผ่านมา ปิดตำนาน #ยูเบียร์ #เบียร์ยู #UBEER #UBEERSINGHA #Singha #BEERU
