แสนสิริ เผยแผนยุทธศาสตร์และทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2565 ตั้งเป้าวางกลยุทธ์โดยให้ “คน” เป็นศูนย์กลาง ซึ่งครอบคลุมทั้งในระดับลูกค้า พนักงานของบริษัท และคนส่วนใหญ่ในสังคม หวังออกโครงการตอบโจทย์ครอบคลุมทุกความต้องการ พร้อมเผยวิสัยทัศน์ “STEP BEYOND” ที่จะทำให้บริษัทเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในทุกมิติภายในระยะเวลา 3 ปี ก่อนแง้มโครงการใหม่มูลค่ารวม 150,000 ล้านบาท
เศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ได้ออกมาเปิดเผยแผนและทิศทางธุรกิจในปี 2565 ผ่านทางระบบออนไลน์ โดยให้คำมั่นว่า บริษัทจะมุ่งสร้างรายได้และผลกำไรเพื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย สานต่อความสำเร็จจากปี 2564 ที่ผ่านมา และจะสร้างองค์กรให้มีความแข็งแกร่ง โดยประเดิมปีนี้กับการเปิดตัวโครงการใหม่ 46 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 50,000 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบ 28 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียมอีก 18 โครงการ
ทั้งนี้ ในปี 2564 นับเป็นอีกหนึ่งปีที่ท้าทายสำหรับแสนสิริอย่างแท้จริง แต่บริษัทก็สามารถผ่านพ้นมาได้ด้วยความเชื่อมั่นใน “ความหวัง” หรือ “Year of Hope” ที่แสนสิริสามารถตอบรับทุกความหวังของลูกค้า สังคม และคนไทยทุกคนได้อย่างประสบความสำเร็จ ทั้งการตอบรับความหวังให้คนไทยมีบ้านง่ายขึ้น ด้วยการเน้นการเปิดตัวโครงการแนวราบเพื่อตอบรับ Real Demand และเน้นการเปิดตัวโครงการ Affordable Segment ราคาเข้าถึงง่าย ที่ได้รับการตอบรับที่ดี และยังมีโครงการที่หลากหลาย ทั้งบ้านเดี่ยว และคอนโด
“ด้วยแนวทางข้างต้น ทำให้ปีที่ผ่านมา แสนสิริสามารถทำผลงานยอดขาย 33,500 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 29% จากเป้ายอดขาย 26,000 ล้านบาท และยอดโอน 32,500 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 21% จากเป้ายอดโอน 27,000 ล้านบาท ที่ได้วางไว้ ” เศรษฐา กล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2565 ที่ยังคงมีความเสี่ยงในหลากหลายประเด็นให้ต้องวิตกกังวล ทั้งปัญหาเงินเฟ้อ ราคาสินค้าแพง การระบาดของโอมิครอน ตลอดจนระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงลิ่ว ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคอยู่ในภาวะเปราะบาง ดังนั้น แสนสิริจึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งใหญ่อีกครั้ง เพื่อให้องค์กรสามารถก้าวต่อไปได้ โดยแสนสิริจะให้ความสำคัญกับ “YOU Centric” ที่เน้นคนเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของโครงการสามารถแข่งขันในด้านอื่น ๆ นอกเหนือจากราคา
“การลดราคาไม่ใช่นโยบายหลักของแสนสิริอีกต่อไป สิ่งสำคัญคือ ‘คน’ ดังนั้นบริการหลังการขายจึงต้องนำมาเป็นจุดขาย ควบคู่ไปกับความได้เปรียบในเรื่องทำเลที่ตั้ง ซึ่งราคาจะเอาลูกค้าเป็นตัวตั้ง ก่อนพิจารณาปรับขึ้นราคาให้เหมาะสมกับต้นทุน โดยความสอดคล้องกับต้นทุนมีหลายปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง ทั้งราคาที่ดิน ราคาวัสดุก่อสร้าง และค่าแรง”
ทั้งนี้ เฉพาะในปี 2565 ที่เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 46 โครงการ เศรษฐาระบุว่า ทางแสนสิริจะมีสัดส่วนของ Affordable Segment คือบ้านที่ราคาเข้าถึงได้อยู่ที่ 50% ประกอบด้วยแบรนด์คอนโด มี, เดอะ มูฟ, ดีคอนโด, และ เดอะ ไลน์ พร้อมเปิดเกมรุกคอนโดแบรนด์ “เดอะ เบส” ที่ปีนี้ตั้งเป้าเปิดตัว 4 โครงการ มูลค่ารวม 4,500 ล้านบาท
ในส่วนของแนวราบ เศรษฐากล่าวว่า ทางแสนสิริมีแผนเปิดตัวทาวน์โฮมในราคาที่คนส่วนใหญ่จับต้องได้ ภายใต้แบรนด์ สิริ เพลส รวม 8 โครงการ มูลค่า 6,100 ล้านบาท ตามด้วยการเปิดตัวบ้านและทาวน์โฮมในโครงการ “อณาสิริ” และบ้านเดี่ยวในแบรนด์ “สราญสิริ” ขณะที่ในส่วนตลาดบน เตรียมเปิดตัวแบรนด์ “บุราสิริ” และ “เศรษฐสิริ” และการฟื้นโครงการบ้านเดี่ยวสุดหรูแบรนด์ “นาราสิริ” รวม 2 โครงการ มูลค่า 8,300 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายและยอดโอนในปี 2565 นี้ที่ 35,000 ล้านบาท
ด้าน อุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ กล่าวว่า แสนสิริจะมุ่งกระจาย 46 โครงการให้ทั่วถึงครอบคลุมทุกกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อที่หลากหลาย ดังนั้น ราคาที่อยู่ในภายใต้โครงการของแสนสิริจึงมีตั้งแต่ 1 ล้านบาทต้น ๆ ถึงราคาสำหรับตลาดระดับบน โดยประยุกต์ใช้ระบบ “ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง” เข้ามาช่วยให้แสนสิริสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ตรงกลุ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เตรียมงบประมาณในการซื้อที่ดินไม่เกิน 20,000 ล้านบาท เพื่อใช้รองรับแผนเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่ารวม 150,000 ล้านบาท พร้อมเป้าหมายยอดขายรวม 120,000 ล้านบาทภายใน 3 ปี โดยทำเลหลัก ๆ จะยังอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล และมีกระจายอยู่ในต่างจังหวัดบ้าง ส่วนใหญ่คือหัวเมืองใหญ่
ในส่วนของเป้าหมายการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในทุกมิติ เศรษฐาได้เผยวิสัยทัศน์ “STEP BEYOND” ภายใต้ 3 กุญแจสำคัญขับเคลื่อนองค์กร คือ PROFIT – PEOPLE – PLANET โดย PROFIT คือการสร้างรายได้และผลกำไรให้กับหุ้นส่วนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง PEOPLE คือให้คนเป็นศูนย์กลางขับเคลื่อนธุรกิจ ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมเสมอภาค และ PLANET คือทุกโครงการของแสนสิริต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โครงการใหม่ใช้พลังงานสะอาด 100% และมีการติดตั้ง EV Charger 100% ไว้ที่ส่วนกลาง และจัดการเรื่องขยะ (Waste management) ทั้งจากการก่อสร้างและในโครงการ เพื่อลดปริมาณขยะเหลือทิ้ง ตลอดจนให้บ้านส่วนใหญ่ในโครงการใหม่ของแสนสิริ หรือราว 70% เป็นบ้านที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลดอุณหภูมิให้บ้านเย็น และประหยัดพลังงาน พร้อมตั้งเป้าเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกของไทยที่เป็น Net-zero หรือองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์
“ภายใต้วิสัยทัศน์ “STEP BEYOND” ในปีนี้ แสนสิริมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งยั่งยืนในทุกมิติ พร้อมเป็นกำลังสำคัญให้ทุกองค์กรก้าวแกร่งไปด้วยกันในทั้ง 3 ด้าน เพราะเราเชื่อว่า “ธุรกิจที่แข็งแรงต้องดูแลโลก และดูแลสังคม” และเมื่อคนแข็งแรงช่วยกัน เราก็จะสามารถสร้างความหวังและกำลังใจให้คนตัวเล็กสู้ต่อ เพื่อให้ประเทศขับเคลื่อนต่อไปได้” เศรษฐา บอสใหญ่แห่งแสนสิริย้ำปิดท้าย
