TH | EN
TH | EN
หน้าแรกInterviewมันนิกซ์ แห่ง SCB 10X ตั้งเป้า ซูเปอร์แอปฯ ด้านการเงิน

มันนิกซ์ แห่ง SCB 10X ตั้งเป้า ซูเปอร์แอปฯ ด้านการเงิน

MONIX (มันนิกซ์) บริษัทลูกรายล่าสุดของบริษัท SCB 10X เป็นบริษัทร่วมทุน SCB และ Abakus Group บริษัท Holding Company ด้านเทคโนโลยีจากจีน ตั้งเป้า 3 ปี เป็น super app ด้านการเงิน

ถิรนันท์ อรุณวัฒนกูล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท มันนิกซ์ จำกัด กล่าวกับ The Story Thailand ว่า MONIX ต้องการเป็นเพื่อนซี้เงินกู้ (best financial friend ever) อยากให้คนมาอยู่ที่ MONIX แล้วจบทุกกระบวนการ ไม่เฉพาะแค่การกู้ ฝาก ถอน แต่รวมถึงการใช้จ่ายทุกสิ่งอย่างในชีวิตประจำวัน การลงทุน การบริจาค เป็นต้น เป็น lifestyle financial platform เป็น super app ที่รวมทุกบริการทางการเงินไว้ในแอปฯ นี้แอปฯ​ เดียวภายใน 3 ปี ตั้งเป้าจะมีผู้ใช้งานแอป 5 ล้านดาวน์โหลด

MONIX โฟกัสกลุ่มลูกค้ารีเทล ซึ่งสินค้าที่ออกมาช่วงแรกจะเน้นที่กลุ่มคนจำนวนมาก (Mass) ที่ผ่านมาหลายธนาคารอาจจะมีข้อจำกัดในการจะเสนอสินเชื่อให้ ซึ่ง MONIX จะเข้ามากินตลาดในส่วนนี้ ที่เดิม SCB อาจจะไม่ได้โฟกัสมาก ลูกค้ากลุ่ม mass คือ ลูกค้าบุคคลทั่วไป ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท

ภาพรวมของคนไทยปัจจุบัน 38 ล้านคน เป็นกลุ่มคนที่ต้องการความช่วยเหลือทางด้านการเงิน แต่คนเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในรูปแบบของมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้คงที่ ไม่มีเอกสารรายได้ จึงหันไปใช้สินเชื่อทางเลือก ซึ่งเป็นปัญหาสะสมของประเทศ

“เราคิดว่าเราสามารถมีส่วนช่วยปัญหาตรงนี้ได้ หากจะหยิบจับธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งของการเงิน เริ่มจากธุรกิจที่ได้ช่วยเหลือคนดีกว่า และถ้าเราสามารถทำ lending ได้ประสบความสำเร็จ สินค้าและบริการอื่นจะตามมาเอง เพราะว่า lending เป็นสินค้าที่ยากด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว เราท้าทายตัวเองด้วยการเริ่มที่ lending”

MONIX จะมีวิธีในการมองหาข้อมูลทางเลือกอื่นที่ทำให้บริษัทประเมิน ความสามารถในการจ่ายคืน และความต้องการที่จะจ่ายคืน หรือวินัย ซึ่งทั้งสองอย่างนี้สมัยก่อนดูจากเอกสาร อาทิ สลิปเงินเดือน หรือสถานะบัญชีธนาคาร ที่ปกติต้องยื่นให้ธนาคารตรวจสอบ

“บางทีเขามีเงินแต่เขาไม่มีสลิป หรือเงินเขาอาจจะน้อยแต่เขามีวินัย ทำไมเขาถึงต้องขาดโอกาสตรงนี้ เราลดการขอข้อมูลทางการเงิน แต่ไปเพิ่มการหาข้อมูลส่วนอื่นมาประเมินแทน อาจจะเป็น ข้อมูลการจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ หรือเป็นแบบสอบถามเรื่องวินัยทางการใช้เงิน ทดสอบสิ่งเหล่านี้และดูผลตอบรับ เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาช่วยทดแทนการประเมินความเสี่ยงในการกู้ ทำให้บริษัทสามารถขยับมาช่วยกลุ่มคนเดิมที่ธนาคารไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการทางการเงินได้ ซึ่งชีวิตเขาจะได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องไปพึ่งสินเชื่อทางเลือก กลุ่มนี้ใหญ่มาก”

MONIX เริ่มเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตัวแรกในเดือนพฤษภาคม คือ lending สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ไม่ค่อยคงที่ หรือมีรายได้น้อย ซึ่งช่วงปลายปีจะมีการออกฟีเจอร์ใหม่ ๆ อกมาอีก

“เราเริ่มจาก digital lending เพื่อดูการตอบรับของตลาด และการทำ lending ในช่วงโควิด เป็นการพิสูจน์อะไรหลายอย่าง ทั้งตลาดและตัวเรา ถ้าเราผ่านตรงนี้ไปได้ การออกแบบฟีเจอร์ใหม่ ๆ หรือ ออกแบบธุรกรรมทางการเงินของลูกค้าใหม่ ๆ เราจะค่อนข้างแม่นยำมากขึ้น เราเอาความต้องการของลูกค้าเป็นหลักว่าในแต่ละวันเขามีความต้องการอะไรบ้าง เราจะเริ่มออกแบบฟีเจอร์จากตรงนั้น โดยแบ่งกลุ่มลูกค้าออกเป็นกลุ่ม ๆ ซึ่งสินค้าและฟีเจอร์ที่แต่ละคนจะได้ใช้จะไม่เหมือนกัน เพื่อให้ทุกอย่างสอดคล้องกับความต้องการของเขา”

ก่อนจะออกแบบสินค้าบริษัทได้ออกทำสำรวจตลาด และพบว่าคนกลุ่มนี้มีความต้องการที่จะขอสินเชื่อ แต่ไม่ได้รับอนุมัติ หรือรอนานกว่าจะทราบผล ทำให้เขาเสียโอกาสในการไปกู้ที่อื่น คนกลุ่มนี้เข้าไม่ถึงบริการสินเชื่อของธนาคาร เขาต้องไปพึ่งสินเชื่อทางเลือกที่ดอกเบี้ยแพงเพราะเขาไม่มีทางเลือก แต่ไม่ได้แปลว่าเขาไม่มีวินัย

“ยิ่งสัมภาษณ์กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ยิ่งรู้สึกว่า ถ้าเราทำสินค้านี้ได้ดี แม้จะช่วยได้แค่คนสองคน มันคือการเปลี่ยนชีวิตเรามีสิ่งเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจในทีม ว่าหากมีเพียง 1 หรือ 2 คนที่ชีวิตเขาดีขึ้นเพราะสินค้าเราเราควรจะต้องภูมิใจแล้ว เราทำแบบนี้สม่ำเสมอ คือ ก่อนออกแบบสินค้าก็ออกคุยกับลูกค้า ให้ลูกค้าลองใช้และคุยกับลูกค้าเพื่อเก็บผลตอบรับและนำมาปรับปรุงสินค้าให้ดีขึ้นตอบโจทย์ขึ้น ทุกอย่างมาจากการสัมภาษณ์เก็บความต้องการ”

ในเชิงธุรกิจ ต้องมีโครงสร้างต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้น MONIX เลือกดิจิทัลเป็นช่องทางการให้บริการ เพราะต้องการทำให้ต้นทุนการให้บริการที่ดีที่สุด เพื่อจะสามารถเสนอสินเชื่อขนาดย่อมให้ลูกค้าได้อย่างทั่วถึง มีประสิทธิภาพ

“ทำอย่างไรให้คนกลุ่มนี้ชอบใช้ดิจิทัล ซึ่งช่วงโควิดกระตุ้นให้คนกลุ่มนี้หันมาใช้ดิจิทัลมากขึ้น”

สินค้าที่เหมาะสม คือ เงินกู้ขนาดจิ๋ว (Nano loan) เริ่มตั้งแต่ 5,000 บาท ถึงสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ดอกเบี้ยถูก ความเร็วในการอนุมัติและการโอนเงิน รวมถึงความง่ายของการใช้งาน ซึ่งเอกสารในการขอสินเชื่อ มีเพียงบัตรประชนชนใบเดียว และขั้นตอนในการใช้งานไม่ยุ่งยาก เข้าใจง่ายและไม่ใช้เวลานาน ให้ผู้ใช้อยู่กับแอปฯ​ไม่เกิน 3 นาที และได้เงินใน 1 นาที

ตลาดนี้ไม่มี exclusivity คือ ไม่มีใครกู้กับรายไหนรายเดียว ที่ไหนให้เท่าใด และอนุมัติเร็ว เขาจะกู้ที่นั่น บางครั้งเขากู้หลายที่เพื่อให้ได้ครบตามจำนวนเงินที่ต้องการใช้งานจริง ดังนั้น สำหรับ MONIX คือ แข่งกับตัวเองให้ไปอยู่ในใจลูกค้า ทุกอย่างที่ทำต้องตอบโจทย์ลูกค้า ทุกวันบริษัทจะโฟกัสที่ลูกค้าและสินค้า มากกว่าคู่แข่ง เชื่อว่าหากทำสินค้าและบริการที่ดี ลูกค้าจะมาเอง และลูกค้าชอบบอกต่อของดี

ส่วนสกุลเงินดิจิทัลหรือสกุลเงินคริปโตนั้นยังไม่อยู่ในแผนงานของ Monix แต่มองสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ มากกว่า ทาง MONIX จะช่วยลูกค้าทำสินทรัพย์ให้เป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเนื้องานส่วนนี้ยังอยู่ระหว่างการทำวิจัย แต่เป็นทิศทางอีกอย่างหนึ่งที่มองไว้

Digital financial service เองเดิมเคยถูกมองว่า คือ ธนาคาร แต่ทุกวันนี้หลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่มีลูกค้าอยู่ในมือ อาทิ แชท หรือโซเชียลเน็ตเวิร์ก กลายเป็นขุมทอง ที่ทำให้ขาเขยิบเข้ามาให้บริการทางการเงิน ซึ่งทำให้ธนาคารตื่นตัว

การเงิน ไม่ใช่ผูกขาดอยู่ที่ธนาคารแล้ว แต่หมายถึง ธุรกรรมทางการเงินของลูกค้า ทุก ๆ กิจรรมทางการเงินมีใครมาทำก็ได้ ใครก็ตามที่ถือลูกค้าได้มากที่สุด ทั้งธุรกรรมการชำระเงิน การให้เงินกู้ เป็นต้น

ดิจิทัลช่วยทำให้โครงสร้างต้นทุนดีขึ้น ส่งผลให้บริษัทต่าง ๆ สามารถนำเงินไปลงทุนทำเทคโนโลยี ข้อมูล และประสบการณ์ลูกค้า ส่งผลให้โลกการเงินตื่นตัวมากและสนุก เศรษฐกิจจะหมุนด้วยโลกดิจิทัล

เงินกู้ คือ รายได้ของผู้ให้บริการ ผู้ที่ให้เงินกู้ ที่มีความแข็งแกร่ง คือ ผู้ที่มีความสามารถในการมีเงินฝาก ซึ่งคือ ความสามารถในการมีเงินให้กู้ แต่ก็ประมาทคนที่เป็น fintech ไม่ได้ เพราะ fintech จะเก่งด้านข้อมูลและเทคโนโลยี fintech จะเล่นบทบาทในการจับนักลงทุนมาเจอกับผู้กู้ โดยไม่ต้องถือเงินเลยก้ได้ ฉะนั้น จะเห็นรูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ เข้ามาในตลาดอีกจำนวนมาก และคนที่ได้ผลประโยชน์ คือ ลูกค้า

ในมุมของผู้สร้างแพลตฟอร์ม คือ ต้องไปให้ถูกที่ถูกเวลา ต้องทำเร็วแต่อย่าใจร้อน ซึ่งจะสนุกมากสำหรับบริการทางการเงินในประเทศไทย ต้องทำเร็ว คือ รับรู้ feedback จากลูกค้าเร็ว ปรับตัวเร็ว อย่าใจร้อน คือ รอจังหวะขยายให้ถูกเวลา

คนที่มีฐานลูกค้ามาก่อน มีข้อดี คือ ไม่ต้องสร้างฐานลูกค้า ต้นทุนในการได้มากซึ่งลูกค้า และต้นทุนในการทำการตลาดจะต่ำ แต่อาจจะใช้แรงมากในสร้างระบบหลักของการเงินการธนาคาร แต่สำหรับธนาคารอาจต้องใช้ต้นทุนมากในการสร้างฐานลูกค้าและการทำการตลาดเพื่อให้ลูกค้าอยู่และติดการใช้บริการของธนาคาร ที่สุดแล้วจะวัดกันที่ผลประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้ ได้แก่ ดอกเบี้ยนถูกกฎหมาย ดอกเบี้ยถูก อนุมัติเร็ว ให้เงินเร็ว เป็นต้น ซึ่งตรงนี้วัดกันที่ความสามารถและความฉลาดของระบบในการใช้ประโยชน์จากข้อมูล

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะขยายออกสู่ตลาดภูมิภาคเช่นกัน เป็นกลุ่มตลาดที่มีกลุ่มลูกค้าใกล้กัน ลูกค้ามีพฤติกรรมใกล้กัน อาจจะเป็นอินโดนีเซีย หรือ เวียดนาม เป็นต้น และมีการ localize ไม่มาก เพื่อให้ถูกกฎระเบียบและถูกจริตตลาด

“ปีนี้อาจจะเริ่มจากทีมเทคจากจีนเป็นหลัก เพื่อให้ได้ความเร็วในการออกสินค้าสู่ตลาด แต่ปีหน้าจะเริ่มมีทีมเทคไทยมากขึ้นในการสร้างและพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่จะออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ” ถิรนันท์ กล่าวทิ้งท้าย

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ