TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistBook ReviewThe boy in the striped pyjamas ... สงครามกับความไร้เดียงสา

The boy in the striped pyjamas … สงครามกับความไร้เดียงสา

สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนทำให้คนยุโรปหวนคิดถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงทศวรรษ 1940s เมื่อฮิตเลอร์นำพรรคนาซีล่าดินแดนโดยไม่สนใจว่าจะทำให้คนอื่นต้องบาดเจ็บล้มตายหรือมีแผลในใจตามมา

คนทุกชาติในยุโรปได้รับผลกระทบจากสงครามครั้งนั้น ที่มากสุดคือคนเชื้อสายยิว ที่นาซีถือเป็นศัตรูอันดับ 1 ต่อเชื้อสายอารยันของตน มีเรื่องเล่ามากมายถึงความทุกข์ทรมานของคนยิว เพราะถูกสังหารไปกว่า 6 ล้านคน ถูกกักขังเยี่ยงสัตว์ในค่ายกักกัน

เรื่องราวจริง ๆ มันโหดร้ายมาก จนคาดไม่ถึงว่าใจมนุษย์จะโหดร้ายได้ขนาดนี้ แน่นอน มันคงเป็นเรื่องที่เด็ก ๆ คงไม่เข้าใจ

The boy in the striped pyjamas ของ John Boyne สะท้อนช่วงเวลาที่โหดร้ายผ่านสายตาของเด็กวัย 8 ขวบที่ชื่อว่าบรูโน ลูกนายทหารนาซีที่ได้ย้ายไปเป็นผู้การค่ายกักกันที่เอาชวิทซ์ พ่อบรูโนย้ายครอบครัวตามไปด้วย 

ด้วยความรักการสำรวจ และไม่มีเพื่อนรุ่นเดียวกัน บรูโนเริ่มอยากออกไปสำรวจนอกบ้าน หลังมองออกจากหน้าต่างห้องนอนเห็นโรงนาหลายหลังหลังบ้านมาหลายอาทิตย์ เขาคิดว่าตรงนั้นคือเรือกสวน 

วันหนึ่ง บรูโนหลบออกไปได้สำเร็จ เดิน ๆ ไปจนถึงรั้วลวดหนาม และเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งในวัยเดียวกันใส่ชุดนอนลายทาง เขารีบทักทายทันที จนได้รู้ชื่อว่าชมูเอล สิ่งแรกที่เด็กคนนั้นถามคือมีอาหารมาด้วยไหม 

บรูโนเห็นเบอร์นักโทษติดกับเสื้อของชมูเอล คิดว่าเป็นเกมตัวเลข เขาอิจฉาชมูเอลที่มีเพื่อนมากมาย ครั้งต่อมา บรูโนเอาอาหารและลูกบอลมาด้วย ชมูเอลกินอย่างหิวโหย แต่ไม่ยอมเล่นบอลด้วย บอกว่าอันตราย 

ชมูเอลบอกพ่อเขาเป็นช่างทำนาฬิกา แต่ตอนนี้ได้ซ่อมแต่รองเท้าบูท ความไร้เดียงสาทำให้บรูโนตอบว่าผู้ใหญ่คงสับสนว่าอยากทำอะไร เพราะคนปอกมันฝรั่งที่บ้านก็เคยเป็นหมอแต่ตอนนี้มาปอกแต่มัน

ในระหว่างนั้นบรูโนเห็นควันลอยออกมาจากปล่องควัน และได้กลิ่นเหม็นอะไรบางอย่าง แม่ของบรูโนก็ได้กลิ่นและได้รู้ว่าที่ค่ายมีการรมแก๊สชาวยิวและเผา เธอรับไม่ได้จนขอพาลูกย้ายไปอยู่ที่อิ่น บรูโนไม่อยากไปเพราะติดที่สัญญากับชมูเอลว่าจะช่วยตามหาพ่อที่หายไป วันที่จะออกเดินทาง บรูโนรีบออกไปหาชมูเอลที่เอาชุดนักโทษมาให้ เขาเปลี่ยนชุดและขุดดินใต้รั้วลวดหนามเพื่อมุดเข้าไป บรูโนเข้าไปในค่ายและเห็นว่ามันไม่เหมือนในโฆษณาชวนเชื่อ เขาอยากกลับแต่ก็อยากช่วยชมูเอลก่อน แต่ตอนนั้นคือตอนที่เขากวาดคนในบริเวณนั้นไปห้องแก๊สพอดี 

บรูโนถูกคลื่นคนพัดไป เหลือไว้แต่ชุดที่เขาใส่ออกจากบ้านและถอดทิ้งไว้ข้างรั้วลวดหนามที่เขามานั่งคุยกับเพื่อนอยู่เป็นปี

ถ้านี่คือเรื่องจริง พ่อของบรูโนคงใจสลาย เพราะเขารักลูกมาก แต่ก็รักการเป็นทหารมากเช่นกันด้วยความเชื่อว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คือการทำให้เยอรมนียิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง

มีการทำภาพยนตร์จากหนังสือเล่มนี้ออกมาในปี 2008 โดยใช้ชื่อเดียวกัน แต่หนังสือกระตุ้นความรู้สึกได้มากกว่า เพราะภาพในภาพยนตร์มันดูดีกว่าความจริงมาก ชมูเอลแก้มป่องจนไม่อยากเชื่อว่าอดหยากอยู่ในค่าย นักโทษคนอื่น ๆ ก็ดูแข็งแรงมาก ห้องที่ถอดเสื้อผ้าก่อนเข้าห้องรมแก๊สดูสะอาดมีระเบียบราวกับห้องล็อกเกอร์นักกีฬา และถ้าใครเคยไปเอาชวิทซ์ จะรู้ว่าบ้านพักของผู้การอยู่ในรั้วเดียวกันกับตึกที่กักขังนักโทษ 

เมื่อหนังสือมาถึงตอนจบ ก็ได้แต่คิดว่าคนมีอำนาจ (ด้วยอาวุธหรือเงิน) มักจะไม่คิดถึงคนที่ไม่มีอำนาจ และเขาจะรู้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายก็ต่อเมื่อได้รับผลของการกระทำนั้น ซึ่งบทเรียนนี้คงเป็นเรื่องของปัจเจกชนมาก ๆ โลกนี้จึงยังคงมีสงครามอยู่ทุกหนแห่ง

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ