เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัท อินเทล (Intel) ผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่ของโลก สัญชาติสหรัฐฯ และรัฐบาลเยอรมนีได้ร่วมกันลงนามในข้อตกลงที่จะสร้างโรงงานผลิตชิปมูลค่ากว่า 3.3 หมื่นล้านยูโรที่เมืองแม็กดิเบิร์ก (Magdeburg) เมืองสำคัญทางภาคตะวันออกของประเทศ โดยทางการเยอรมนีจะช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างถึง 1 ใน 3 ของจำนวนเงินลงทุนทั้งหมด
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ข้อตกลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่นายกรัฐมนตรี โอลาฟ ชอลซ์ (Olaf Scholz) แห่งเยอรมนีได้พบปะพูดคุยกับแพท เกลซิงเกอร์ (Pat Gelsinger) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเทล ที่กรุงเบอร์ลิน
ด้าน โรเบิร์ก ฮาเบ็ค (Robert Habeck) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนีกล่าวว่า การลงทุนในเยอรมนีครั้งนี้ หมายถึงการขยายกำลังการผลิตของ อินเทลในภูมิภาคยุโรปอย่างมีนัยสำคัญ และถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดที่บริษัทต่างชาติเคยลงทุนในประเทศเยอรมนี
ก่อนที่จะมีการลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงความร่วมมือกันในครั้งนี้ มีการประเมินในเบื้องต้นว่า แผนการณ์สร้างโรงงานจะมีมูลค่าการลงทุนอย่างน้อย 1.7 หมื่นล้านยูโร โดยรัฐบาลเยอรมนี้จะมอบเงินสนับสนุนที่ 9,900 ล้านยูโร
ทั้งนี้ แผนการณ์สร้างโรงงานผลิตชิปดังกล่าวจะต้องได้รับการอนุมัติจากฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรป เพื่อให้แน่ใจว่าข้อตกลงจะไม่ทำให้ทางอินเทลมีข้อได้เปรียบที่ไม่เป็นธรรมเหนือคู่แข่ง
รายงานระบุว่าโรงงานผลิตชิปของอินเทล จะเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ ซิลิกอน จังค์ชั่น (Silicon Junction) ของเมืองแม็คดิเบิร์ก ซึ่งจะตั้งอยู่ใกล้กับศูนย์ทดสอบเมืองรอตสวาฟ (Wroclaw) เมืองใหญ่ของโปแลนด์ และโรงงานผลิตชิปที่มีอยู่แล้วในไอร์แลนด์
นายกรัฐมนตรี ชอลซ์ ยังได้กล่าวปราศรัต่อกลุ่มล็อบบี้อุตสาหกรรมหลักของเยอรมนีในวันเดียวกันว่า ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลได้เน้นย้ำถึงความพยายามในการส่งเสริมการผลิตชิปในยุโรป ลดการพึ่งพาชิปนำเข้าและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก ซึ่งหากแผนการลงทุนทั้งหมดผ่านการพิจารณาและได้รับการดำเนินการ เยอรมนีจะกลายเป็นหนึ่งในโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่แห่งหนึ่งของโลก
อ้างอิง AP News
