TH | EN
TH | EN
หน้าแรกLife#ไอติมวัดอรุณ กระแส Soft Power สุดฮอต กับประเด็นที่น่าสนใจบนโซเชียล

#ไอติมวัดอรุณ กระแส Soft Power สุดฮอต กับประเด็นที่น่าสนใจบนโซเชียล

เกิดเป็นกระแสสุดฮอตสู้กับอากาศที่ร้อนแรงของเมืองไทยกับ #ไอติมวัดอรุณ โดยจุดเริ่มต้นมาจากผู้ใช้ Facebook ที่ใช้ชื่อว่า Vipavee Kittitien ได้มีการโพสต์ภาพการถือไอศกรีม 2 รสชาติเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งมีลวดลายแบบไทยดูสวยงามคู่กับพระปรางค์ของวัดอรุณราชวราราม ด้วยความสวยงามของตัวไอศกรีมและสีสันที่ดูน่ารับประทาน ทำให้มีผู้คนบนโซเชียลมีเดียให้ความสนใจเป็นจำนวนมากในชั่วข้ามคืน ส่งผลให้ไอศกรีมดังกล่าวขายหมดภายในไม่กี่วัน

โดยไอศกรีมดังกล่าวมาจากแบรนด์ Pop Icon โดยมีเจ้าของคือคุณน้ำตาล ศิริญญา ซึ่งมีความตั้งใจที่อยากจะยกระดับของที่ระลึกของประเทศไทยให้มีความน่าสนใจมากขึ้น หลังจากผ่านการคิดและทดลองหลายครั้ง ในที่สุดจึงได้ออกมาเป็นไอศกรีมซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากลวดลายกระเบื้องของตัวพระปรางค์วัดอรุณราชวรารามนั่นเอง นอกจากความสวยงามน่ากินของไอศกรีมแล้ว อยากรู้กันไหมว่าผู้คนบนโซเชียลมีการพูดถึงเรื่องนี้อย่างไรกันอีกบ้าง?

จากการเก็บรวบรวมข้อมูลบนโซเชียลมีเดียผ่านเครื่องมือ ZOCIAL EYE ของไวซ์ไซท์ที่มีการพูดถึง “ไอศกรีมวัดอรุณ” ตั้งแต่วันที่ 1 – 20 มิถุนายน 2566 มากกว่า 500 ข้อความ และได้รับเอ็นเกจเมนต์มากกว่า 500,000 เอ็นเกจเมนต์ จะเห็นว่าผ่านไปเพียงไม่กี่วันแต่ได้รับความสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว และเมื่อดูประเด็นที่คนบนโซเชียลพูดถึง พบประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้ 

  1. ปลุกกระแสท่องเที่ยววัดอรุณราชวราราม

เมื่อรูปภาพไอศกรีมวัดอรุณได้ถูกเผยแพร่ออกไป โลกโซเชียลมีเดียก็ได้มีการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าเป็นจำนวนมาก โดยส่วนมากคือความคิดเห็นเชิงบวกที่ชื่นชมความสวยงามและความคิดสร้างสรรค์ของไอศกรีม รวมไปถึงเกิดการชักชวนผู้คนรอบตัวให้ไปเที่ยวที่วัดอรุณราชวรารามเพื่อซื้อไอศกรีมนี้ เพราะมีขายที่ Arun Cafe ในวัดอรุณราชวรารามเท่านั้น และเมื่อดูตรวจดูฟีเจอร์ Word Clouds จะเห็นว่า คีย์เวิร์ด “วัดอรุณ” และ “พระปรางค์” ได้รับการพูดถึงอย่างล้นหลาม 

  1. รสชาติสุดเข้มข้นพร้อมลวดลายกระเบื้องอันซับซ้อน

หลังกระแสที่เกิดขึ้น ได้มีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งไปตามรอยไอศกรีมและโพสต์ถึงรสชาไทยว่ามีความเข้มข้น อร่อย การันตีจากตนเองที่เป็นสาวกชาไทยตัวยง โพสต์ดังกล่าวกลายมาเป็นอีกหนึ่งไวรัลดึงดูดสาวกชาไทยคนอื่นๆ และเราพบว่ามีผู้ที่ชื่นชอบชาไทยไม่น้อย โดยนอกจากรสชาติแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ถูกพูดถึงไม่แพ้กัน คือ ลวดลายกระเบื้อง ที่ออกแบบมาอย่างปราณีตและเป็นจุดขายของแบรนด์ จนทำให้ผู้คนบนโลกโซเชียลรู้สึกตื่นตาตื่นใจและมีการถกเถียงถึงกรรมวิธีในการผลิตว่าทำอย่างไรจึงได้ลวดลายที่สวยงามวิจิตรแบบนี้

  1. ราคากับมูลค่างานฝีมือ 

ราคาสินค้าเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่เป็นที่ถกเถียงกันบนโลกโซเชียล โดยไอศกรีมหนึ่งแท่งถูกขายในราคา 89 บาท ซึ่งก็ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้นว่าราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับไอศกรีมที่วางขายทั่วไป แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนพูดว่า ราคาดังกล่าวถือว่าไม่แพงเลยสำหรับค่างานฝีมือและศิลปะ รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรถูกส่งเสริม 

  1. ไม่ได้ฮอตแค่ในไทยแต่ไปไกลถึงญี่ปุ่น

ไอศกรีมวัดอรุณไม่ได้มีกระแสแค่ภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังได้รับความสนใจจากประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย โดยจุดกำเนิดมาจากผู้ใช้งานทวิตเตอร์รายหนึ่งโพสต์เกี่ยวกับไอศกรีมวัดอรุณเป็นภาษาญี่ปุ่น ในโพสต์ดังกล่าว มีชาวญี่ปุ่นมาร่วมชื่นชมความสวยงามเป็นจำนวนมาก รวมถึงยังมีคอมเมนต์ว่าอยากมาท่องเที่ยวที่วัดอรุณราชวรารามเพราะไอศกรีมดังกล่าวอีกด้วย 

  1. ผลักดัน Soft Power จากโซเชียลสู่โซเชียล

จากความคิดสร้างสรรค์นำไปสู่การพลิกแพลงสินค้าในชีวิตประจำวันให้มีความน่าสนใจจนกลายเป็นกระแสชื่นชมอย่างท่วมท้น มีการต่อยอดประเด็นพูดคุยไปถึงเรื่องการผลักดัน Soft Power ด้วยของที่ระลึกในการท่องเที่ยวประเทศไทยให้มีความสวยงามและสร้างสรรค์ในทุกๆ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยไปอีกขั้น 

โดยได้มีการยกตัวอย่างความสำเร็จของเทรนด์ “เช็กอิน” สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศจีน ด้วย “ไอศกรีมแลนด์มาร์ก”  ซึ่งเทรนด์ดังกล่าวมีจุดเริ่มต้นจากการทำไอศกรีมสามมิติลาย “หน้ากากสัมฤทธิ์” ณ พิพิธภัณฑ์ซานซิง ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างล้นหลาม ภายหลังจึงได้มีการทำไอศกรีมสามมิติรูปแบบดังกล่าวออกมาขายในทุกสถานที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศ 

เรียกได้ว่าเป็นกระแสของกินที่มาแรงจริงๆ สำหรับ #ไอติมวัดอรุณ โดยนอกจากข้อมูลของไอศกรีมและแบรนด์ที่น่าสนใจแล้ว การพูดคุยกันของผู้คนบนโลกโซเชียลก็ทำให้เราได้เห็นมุมมองเพิ่มขึ้นอีกมากมาย

วิเคราะห์โดย: ฉัตรธิดา บุญลอย Wisesight

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ