จุดสมดุลในการกำกับดูแลตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทยเป็นประเด็นที่ได้รับการถกเถียงจากสตาร์ทอัพด้านฟินเทคและหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง คำถามนี้มีความสำคัญต่ออนาคตของธุรกิจการเงินรูปแบบใหม่ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดและเป็นที่สนใจอย่างมากจากนักลงทุนทั่วโลก นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องการป้องกันความเสี่ยงของนักลงทุนรายย่อยที่ได้รับการถกเถียงในหัวข้อสัมมนาออนไลน์ “สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของโลกการเงิน” จัดโดย The Nation และ Asia News Network เมื่อเร็ว ๆ นี้
Chia Hock Lai ประธานร่วมสมาคมบล็อกเชนของสิงค์โปร กล่าวว่าผู้กำกับดูแลควรอยู่ข้างหน้าความเสี่ยงต่าง ๆ ในขณะที่ต้องกำกับดูแลนวัตกรรมใหม่ อีกทั้งควรเตรียมพร้อมในการป้องกันความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นหากว่าปริมาณธุรกรรมขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญและควรหาจุดสมดุลระหว่างนวัตกรรมและความเสี่ยง โดยอนุญาตให้ทำธุรกรรมบน sandbox เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และการทดลองโดยที่ผู้กำกับดูแลสามารถแก้ไขกฎระเบียบได้
กรณ์ จาติกวณิช อดีตรมว.คลังและหัวหน้าพรรคกล้า กล่าวเสริมว่า ผู้กำกับดูแลควรระมัดระวังบรรยากาศการลงทุนหากมีการกำหนดกฎต่าง ๆอาทิ การไม่อนุญาตให้ใช้เงินสกุลคริปโตเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ การไม่สนับสนุนให้มีการโฆษณาคริปโตในที่สาธารณะ การคิดภาษีบนกำไรที่ได้จากคริปโต เนื่องจากอาจทำให้นักลงทุนทั่วโลกเกิดความสับสนและส่งผลต่อการย้ายเงินลงทุนไปยังตลาดที่ไม่เข้มงวด ซึ่งอาจทำให้ระบบนิเวศน์ของตลาดคริปโตในไทยอาจได้รับผลกระทบและส่งผลแง่ลบต่อเศรษฐกิจโดยรวม
กรณ์สนับสนุนให้สตาร์ทอัพด้านฟินเทคร่วมมือทำงานกับหน่วยงานกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อที่จะระบุตัวแปรที่ไม่รู้และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นกระแสหลักของโลกการเงินในอนาคตและยังสร้างประโยชน์ต่อประเทศในระยะยาว
จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Bitkub Capital Group Holdings เห็นด้วยว่าการหาจุดสมดุลระหว่างทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรมและเทคโนโลยีในโลกไร้พรมแดน จะเห็นได้ว่าเศรษฐกิจดิจิทัลที่จะอยู่บน Web 3.0 น่าจะมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและต้องการโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและระบบนิเวศน์เพื่ออนาคตของคนรุ่นต่อไป
ดร.ภากร ปีตะธวัชชัย ประธานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกล่าวว่าตลท. วางแผนจะเชื่อมโยงตลาดตราสารทุนและตราสารหนี้แบบเดิมกับสินทรัพย์ดิจิทัลที่สามารถรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจที่และเปิดโอกาสทางธุรกิจ ส่วนศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลคาดว่าจะสามารถเปิดในไตรมาสที่ 3ของปีนี้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการอนุมัติของคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) โดยเบื้องต้นจะเป็นแพลตฟอร์มเปิดที่มีการซื้อขาย การ clearing การให้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กโทรนิคส์ให้แก่นักลงทุนไทยก่อน
ธวัชชัย พิทยาโสภณ ผู้ช่วยเลขาธิการกลต.รับผิดชอบด้านกฎหมายกล่าวว่าการป้องกันดูแลนักลงทุนและการเปิดเผยข้อมูลอย่างเพียงพอเป็นประเด็นสำคัญ โดยส่วนใหญ่กลต.จะจัดให้มีการทำประชาพิจารณ์เรื่องกฎระเบียบในการออกสินทรัพย์ดิจิตัลประเภทใหม่เพื่อเสนอขายต่อนักลงทุน ในปัจจุบัน กลต.ได้กำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิตัลเช่น คริปโตเคอร์เรนซี (cryptocurrency) โทเคนดิจิตัลที่สร้างขึ้นเพื่อกำหนดสิทธิของบุคคลในการร่วมลงทุน (investment token) และโทเคนดิจิตัลที่สร้างขึ้นเพื่อกำหนดสิทธิในการได้มาซึ่งสินค้าและบริการหรือสิทธิอื่นๆ (utility token)
ในเอเชีย การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตัลเติบโตอย่างมากมายโดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของโควิด Marcus Lim ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ Zipmex เสริมว่าสินทรัพย์ดิจิตัลได้รับการยอมรับอย่างมากจากนักลงทุนรุ่นใหม่ทั้ง Millennials และ Gen Y ทั้งในรูปแบบต่างๆที่มีบล็อกเชนเป็นโครงสร้างพื้นฐานเช่น Non-fungible token (NFT), Decentralised Finance (DeFi), GameFi, Play-to-Earn
ส่วน Henry Chong CEO ของ Fusang Corp ที่ตั้งอยู่ในมาเลเซียและฮ่องกงกล่าวว่าตลาดโทเคนทั่วโลกเติบโตอย่างมีนัยสำคัญและคาดว่าจะเข้ามาทดแทนการลงทุนแบบเดิมเช่นหุ้น ตราสารหนี้ กองทุนรวม อย่างไรก็ตามการพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของ NFT ที่มีสินทรัพย์รองรับนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง นั่นคือเราต้องรู้ว่าใครเป็นผู้ออกโทเคน (counterparty) พื้นฐานของสินทรัพย์หรือโทเคนนั้นคืออะไร และอะไรเป็นสินทรัพย์ที่อยู่เบื้องหลัง NFTs นั้น
Nichel Gaba ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ PDAX ในฟิลิปปินส์กล่าวว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลโตอย่างรวดเร็ว คือ ความสะดวกของนักลงทุนในการซื้อขายคริปโต มีแอปพลิเคชันมากมายในการลงทุน การโอนเงินข้ามประเทศของแรงงานที่เข้ามาทำงานและการระดมเงินทุนโดยใช้โทเคน
ผู้เขียน: ทิพวรรณ ลิ้มสมานพันธ์
บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน
