TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessวีซ่า เปิดมุมมอง Generative AI จุดเปลี่ยนสำคัญของอนาคตระบบการชำระเงิน

วีซ่า เปิดมุมมอง Generative AI จุดเปลี่ยนสำคัญของอนาคตระบบการชำระเงิน

วีซ่า เล็งเห็นถึงบทบาทของ Generative AI ที่จะเป็นพลังสำคัญของการเปลี่ยนแปลงที่พร้อมจะปฏิวัติอุตสาหกรรมบริการทางการเงินในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

เทคโนโลยีอันทรงพลังนี้จะมีบทบาทเป็นอย่างยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในระบบนิเวศทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการยกระดับประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และการยึดหลักลูกค้าเป็นศูนย์กลางที่เพิ่มมากขึ้น

เมื่อโลกมีการเชื่อมต่อถึงกันมากขึ้น “ข้อมูล” คือรากฐานสำคัญของนวัตกรรมและความก้าวหน้า และคงไม่มีใครที่จะเข้าใจเรื่องนี้ไปมากกว่า วีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก ที่ในแต่ละวันต้องรับมือกับปริมาณข้อมูลมหาศาลที่ส่งผ่านเครือข่ายการชำระเงินของวีซ่า สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของวีซ่าที่มีต่อระบบเศรษฐกิจโลกได้อย่างเด่นชัด

ปัจจุบัน วีซ่า มีการดำเนินงานด้านธุรกรรมผ่านบัตรมากกว่า 4,200 ล้านใบทั่วโลก เชื่อมต่อกับสถาบันการเงิน 15,000 แห่ง และมีการประมวลผลธุรกรรมชำระเงินถึง 269 พันล้านรายการต่อปี โดยวีซ่าใช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านั้นในการขับเคลื่อนอนาคตทางการชำระเงินในมากกว่า 200 ประเทศและดินแดน รวมถึงร้านค้าที่กระจายอยู่มากกว่า 100 ล้านร้านค้าทั่วโลก

คูนาล ชัตเทอร์จี หัวหน้าฝ่ายนวัตกรรม ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก วีซ่า กล่าวว่า “ด้วยวิสัยทัศน์ของวีซ่า เราเชื่อว่า Generative AI ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของมันในฐานะเครื่องมืออันทรงพลังที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตด้านการชำระเงินพร้อมช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทางการเงินทั้งความเป็นอัตโนมัติ การออกแบบประสบการณ์ของลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล การรับมือกับการฉ้อโกง และการสร้างสรรค์โซลูชันการชำระเงินใหม่ ๆ

วีซ่า เห็นว่า Generative AI จะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมบริการทางการเงินในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าในหลาย ๆ ทาง ไม่ว่าจะเป็น

ประสบการณ์ลูกค้าให้มีความเฉพาะตัวมากขึ้น: Generative AI ช่วยยกระดับการมอบประสบการณ์ที่ตรงกับความต้องการของแต่ละบุคคลได้ดียิ่งขึ้น อย่างการให้คำแนะนำทางการเงินและการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับลูกค้ารายนั้น เมื่อเข้าใจลูกค้ามากขึ้นจึงนำไปสู่ความพึงพอใจและผูกผันต่อผู้ให้บริการนั้น ๆ มากขึ้น

การตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกง: Generative AI เป็นเครื่องมือทรงประสิทธิภาพสำหรับการตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกง มีความเป็นเลิศในการตรวจพบรูปแบบที่น่าสงสัย และสร้างข้อมูลเสมือนจริงสำหรับโมเดลการตรวจจับการฉ้อโกงขั้นสูง ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่สถาบันการเงินในการปกป้องทั้งส่วนของลูกค้าและระบบนิเวศการชำระเงินไปพร้อมกัน

การจัดการความเสี่ยง: Generative AI เป็นกุญแจสำคัญในการบริหารความเสี่ยง ช่วยให้สถาบันการเงินสามารถตัดสินใจ จัดการกับความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงการป้องกันการขาดทุนล่วงหน้า และเสริมความมั่นใจในความปลอดภัยทางการเงินได้ดียิ่งขึ้น

การพัฒนาผลิตภัณฑ์: Generative AI ขับเคลื่อนนวัตกรรมทางการเงิน ในการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ด้วยความสามารถในการสร้างสรรค์และประเมินความเป็นไปได้จะช่วยเสริมศักยภาพทางการแข่งขันให้แก่สถาบันการเงิน และตอบสนองความต้องการที่แปรเปลี่ยนไปในตลาดได้อย่างเหมาะสม

วีซ่า ให้ความสำคัญกับการค้นคว้าและพัฒนาด้านเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึง Generative AI ด้วยเช่นกัน วีซ่ากำลังทำการทดสอบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นแก่ลูกค้า แม้การนำเทคโนโลยีเหล่านั้นมาใช้จะอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ด้วยศกยภาพของ Generative AI ด้านการทำงานแบบอัตโนมัติ การออกแบบประสบการณ์เฉพาะบุคคล การตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกงขั้นสูง รวมถึงการสร้างสรรค์ระบบการชำระเงินใหม่ ๆ ซึ่งวีซ่ามีความตั้งใจที่จะใช้เครื่องมือเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

“เราเชื่อว่า Generative AI มีศักยภาพในการพลิกโฉมอุตสาหกรรมการชำระเงินอย่างมหาศาลช่วยให้การชำระเงินมีความปลอดภัย สะดวก และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังช่วยให้เกิดวิธีการชำระเงินรูปแบบใหม่ ๆ ที่ตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนไปของลูกค้า” นายชัตเทอร์จี กล่าว

ด้วยปณิธานของวีซ่า ที่จะเป็นช่องทางที่ดีที่สุดในการชำระเงินที่ทุกคนเข้าถึงได้ และมองว่า Generative AI เป็นหนึ่งในวิถีทางที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายนั้นได้ ผ่านการนำเสนอโซลูชันใหม่ ๆ ที่ตอบสนองความพึงพอใจแก่ลูกค้าแต่ละรายได้อย่างแท้จริง

“อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงทุ่มเทเดินหน้าพัฒนาเพื่อสร้างนวัตกรรมที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าเป็นสำคัญ” นายชัตเทอร์จี กล่าว

เพื่อให้การปรับปรุงพัฒนาบริการด้วย Generative AI สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า วีซ่ามีการตรวจสอบและทดสอบโซลูชันอย่างเข้มงวด โดยการประเมินความสามารถในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพให้แก่การชำระเงิน และเสริมความมั่นใจในด้านความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และมาตรฐานการใช้ข้อมูลอย่างมีจริยธรรม

ปัจจุบัน วีซ่าอยู่ในช่วงแรกของการปรับใช้งาน Generative AI และยังคงต้องศึกษาถึงผลกระทบอย่างเต็มรูปแบบของการใช้เทคโนโลยีนี้อยู่ ทั้งนี้ยังมีประเด็นที่ท้าทายและถูกนำมาพิจารณาในเบื้องต้นอยู่บ้าง

“เราติดตามประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่ปรับปรุงให้ดีขึ้นผ่านระบบอัตโนมัติของ Generative AI เช่น การสนับสนุนลูกค้า การบริหารความเสี่ยง และการตรวจจับการฉ้อโกง นอกจากนี้ การติดตามข้อมูลเวลาทำงานและการประเมินผลิตภาพของพนักงานยังช่วยให้เราสามารถคาดคะเนประสิทธิผลของเครื่องมือ AI เหล่านี้ และเหนือสิ่งอื่นใดคือการช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพได้” นายชัตเทอร์จี กล่าว

การเปลี่ยนแปลงมักมาพร้อมกับความท้าทาย

อย่างไรก็ตาม การยอมรับ Generative AI มีความท้าทายอย่างอื่นมากกว่าแค่เรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูล แต่ยังรวมถึงคุณภาพและความลำเอียง (bias) ของข้อมูล เพราะ Generative AI ทำงานบนพื้นฐานของคุณภาพข้อมูลที่ถูกป้อนเข้าไป หากข้อมูลมีความบกพร่อง ไม่เที่ยงตรง หรือไม่สมบูรณ์ ย่อมส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพ ความถูกต้องแม่นยำ และประโยชน์อันพึงได้รับจากผลลัพธ์ของข้อมูลนั้น ๆ

ประการต่อมา Generative AI แสดงให้เห็นถึงความท้าทายในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาด้วยเช่นกัน เพราะการเพิ่มความสามารถในการสร้างสรรค์ไปยังเครื่องจักรก่อให้เกิดประเด็นคำถามมากมายเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์และลิขสิทธิ์ของเนื้อหา และการกำหนดกรรมสิทธิ์และความรับผิดชอบต่อกรณีการละเมิดลิขสิทธิ์จึงกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา

ประการที่สาม การนำ Generative AI ไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องก็เป็นประเด็นที่สำคัญ โดยรูปแบบ AI สามารถถูกใช้ในการสร้างเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้ เช่น Deepfake ข่าวปลอม หรือสแปม ดังนั้น การตรวจสอบและการป้องกันที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ

Generative AI มีรูปแบบการทำงานในการสร้างเนื้อหาจากการเรียนรู้ข้อมูล แต่ก็ยังมีข้อบกพร่องจากการขาดความโปร่งใสในการตัดสินใจ ที่เรียกว่า “ปัญหากล่องดำ” (“Black Box” problem) โดยความไม่โปร่งใสนี้เป็นเรื่องสำคัญมากในด้านการเงินที่กระบวนการตัดสินใจจะต้องมีความถูกต้องแม่นยำและยุติธรรม สิ่งนี้ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมั่น จริยธรรม และระเบียบข้อบังคับ ปัจจุบันยังมีการศึกษาวิจัยในเรื่องของการเพิ่มความโปร่งใส และการที่ AI จะมารับผิดชอบต่อผลที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจได้อย่างไร ประเด็นเหล่านี้ยังคงเป็นเรื่องท้าทายที่ต้องพิจารณาต่อไป

อีกหนึ่งประเด็นที่ยังต้องพูดคุยกันคือ ความไม่มีมาตรฐานกลางที่ยอมรับโดยทั่วไปในอุตสาหกรรม ซึ่งจะ ทําให้การรับรองการใช้งานอย่างมีความรับผิดชอบ และการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของโมเดลGenerative AI ที่ต่างกันขาดตัวชี้วัดที่เป็นกลาง

“ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมรู้สึกว่าความท้าทายเหล่านี้ถือเป็นขั้นตอนในการเรียนรู้ และปรับหาวิธีการที่จะควบคุมพลังของ AI ให้ดียิ่งขึ้นได้” นายชัตเทอร์จี กล่าว

แนวโน้มในอนาคต

ชัตเทอร์จี กล่าวว่า วีซ่า เห็นประโยชน์ของ Generative AI ในหลายฟังก์ชันทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นด้านการชำระเงิน แอปพลิเคชันใหม่และนวัตกรรม การพัฒนากรอบจริยธรรมใหม่ แอปพลิเคชันเฉพาะสำหรับการชำระเงิน ตลอดจนการเพิ่มศักยภาพในการชำระเงินที่จะช่วยยกระดับความเป็นดิจิทัลได้อย่างแท้จริง

“เราคาดหวังที่จะได้เห็นแอปพลิเคชันใหม่ ๆ เกิดขึ้นในอนาคต เช่น การใช้ Generative AI เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการชำระเงินรูปแบบใหม่ หรือการปรับปรุงวิธีการปฏิสัมพันธ์กับโลกรอบตัวเรา ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพัฒนากรอบจริยธรรมใหม่ควบคู่กับการใช้งานสิ่งใหม่เหล่านี้ด้วย โดยกรอบจริยธรรมนี้จะต้องรับมือกับประเด็นต่าง ๆ เช่น ความลำเอียง ความเป็นส่วนตัว และการใช้งานที่ไม่เหมาะสมได้” นายชัตเทอร์จี กล่าว

นอกจากนี้ วีซ่า ยังได้ทำการศึกษาเพิ่มเติมถึงการใช้ Generative AI เพื่อส่งเสริมอัตลักษณ์ทางดิจิทัลอีกด้วย อาทิ การค้าข้อมูลเชิงลึกที่ไม่ระบุตัวตนจากคลังฐานข้อมูลขนาดใหญ่ และการใช้ Generative AI สำหรับการแนะนำเนื้อหาที่มีการจำแนกกลุ่มลูกค้าที่แม่นยำ รวมถึงการแนะนำเนื้อหาส่วนบุคคลที่เหมาะสมยิ่งขึ้นตามความชอบของผู้ใช้

“เราเชื่อว่า Generative AI มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงวิธีการชำระเงินในหลากหลายรูปแบบ และเรากำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าวีซ่าจะเป็นผู้นำของนวัตกรรมด้านนี้อย่างแท้จริง” ชัตเทอร์จี กล่าวปิดท้าย

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ